![]() |
อิ่มหนำสำราญจากอาหารเย็นแล้ว...ที่นี้ก็ถึงราบการของหวาน ที่น้องดื้อติดไว้ตั้งแต่มื้อเที่ยง "เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋" ร้านขนมเด็ดของน้องดื้อ อยู่หน้า โรงเรียนจีน ฮั่วเคียวกงฮัก ถนนประจักษ์ศิลปาคม ที่ทั้งถนนในยามค่ำคืนสว่างไสวด้วยไฟ จากร้านอาหารมากมายหลากหลายชนิด ที่วางขายยาวเหยียด.. http://i835.photobucket.com/albums/z...ao-Suan_03.jpg ขนมเด็ดไม่ใช่มีแต่เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ แต่มี บัวลอยไข่หวาน รสเลิศด้วยค่ะ... http://i835.photobucket.com/albums/z...ao-Suan_01.jpg รักพี่เสียดายน้อง...ว่าแล้วก็สั่งทั้งสองอย่างเลยค่ะ เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ http://i835.photobucket.com/albums/z...ao-Suan_05.jpg บัวลอยไข่หวาน...จริงๆเขาขายบัวลอยไข่เค็มด้วย แต่ไม่กล้าลองค่ะ... กว่าจะได้ถ่ายภาพ...บัวลอยเหลือติดก้นถ้วยซะแล้ว... |
อยากไปถล่มน้องดื้อที่หนองคาย
:) |
ที่หนองคายในวันรุ่งขึ้น...น้องดื้อมารับแต่เช้า เพื่อพาไปทาน "ไข่กระทะ" อาหารเช้าของเวียตนาม ซึ่งเป็นที่นิยมของคนหนองคายมาก ร้านไข่กระทะรสเด็ดของที่นี่ ต้องยกให้ร้าน "ทานตะวัน" ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนประจักษ์ศิลปาคม สายเดียวกับร้านขายเต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ และ บัวลอยไข่หวาน ที่เราไปทานมาเมื่อคืนนี้ แต่ขึ้นไปทางด้านเหนือ กลางย่านธุรกิจ..ร้านดูออกจะทันสมัยใหญ่โตทีเดียวค่ะ http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kratha_01.jpg ไข่กระทะร้อนๆ ยกมาแล้วค่ะ ขอบอก อย่าจับหูหรือตัวกะทะเชียว มือจะพอง ปวดแสบปวดร้อนเหมือนสายชล ...น่าทานมากๆ... http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kratha_03.jpg ยังค่ะ...ยังทานไม่ได้ เพราะร้านทานตะวัน ไม่ใช่มีดีแต่ไข่กระทะ แต่ขนมปังฝรั่งเศส ที่ผ่ากลางยัดไส้หมูยอและกุนเชียงชิ้นหนา เคี้ยวกรอบนอกนุ่มใน ที่เรียกกันว่า "แซนวิช เวียตนาม" ก็อร่อยล้ำเลิศ และควรทานควบคู่กับไข่กระทะ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kratha_04.jpg เท่านั้นยังไม่พอ...ต้องล้างปากด้วยกาแฟโบราณ ที่หอมหวานกลมกล่อม อร่อยมาก จนอยากย้ายไปอยู่หนองคาย ครบแล้ว...ลงมือทานได้เลยค่ะ... http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kratha_05.jpg |
อิ่มหนำสำราญแล้ว...เพิ่งทราบว่าที่นี่ เขามีเฝอขายเป็นอาหารเช้าด้วย แถมช่วงเที่ยง ยังขายข้าวแกง โดยใช้ชื่อ "ข้าวสวยแกงไก่" ที่รสชาติอร่อยถูกปากชาวเมืองอีกด้วย กลับจากลาว..ต้องหาโอกาสมาทานที่นี่อีกสักมื้อสองมื้อ... http://i835.photobucket.com/albums/z...-Kratha_02.jpg |
หลังอาหารเช้าแสนอร่อย..น้องดื้อพาเราไปที่ถนนริมน้ำโขง เพื่อชม "พระธาตุกลางน้ำ" หรือ "พระธาตุหล้าหนอง" http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_10.jpg ประวัติของพระธาตุ อ่านได้จากป้ายที่ติดไว้ตรงท่าเรือ มีใจความดังนี้... http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_01.jpg องค์พระธาตุจำลอง ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง และบรรจุชิ้นส่วนองค์พระธาตุจากองค์เดิมไว้ภายใน ขนาดพระธาตุ องค์จำลอง มีฐานกว้าง 10x10 เมตร ความสูงประมาณ 15 เมตร พร้อมทั้งการเสริมสร้างเสถียรภาพตลิ่งและป้องกัน การกัดเซาะตลิ่ง ตลอดความยาว 194 เมตร นอกจากนี้ยังมีการจัดสภาพภูมิทัศน์โดยรอบให้มีความสวยงามด้วย http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_02.jpg มีเรือยนต์และเรืองหางยาว รับจ้างส่งผู้คนที่ศรัทธา ไปไหว้พระธาตุกลางน้ำ ในอัตราคนละ 20 บาท... http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_07.jpg ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.paiduaykan.com/province/N...dnongkhai.html |
สิ่งที่น่าห่วงว่า พระธาตุกลางน้ำ หรือแม้แต่องค์พระธาตุจำลองจะล่มสลายไป มิใช่เกิดจากธรรมชาติ แต่น่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์เห็นแก่ได้ ที่ตั้งหน้าตั้งตาขุดทรายในแม่น้ำโขง ไม่ห่างจากองค์พระธาตุกลางน้ำ ด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อนำขึ้นมาขายให้กับทั้งคนลาวและคนไทย...เห็นแล้วสลดใจจริงๆค่ะ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_09.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_08.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_11.jpg http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_12.jpg เราได้แต่ภาวนา ขอให้คุณพระคุณเจ้า ช่วยปกปักรักษาองค์พระธาตุทั้งสอง ให้อยู่รอดปลอดภัยจากอันตราย อันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยเถิด... |
ริมตลิ่งแม่น้ำโขงฝั่งลาวดูตื้นเขิน หาดทรายยื่นยาวออกจากฝั่งเกือบถึงกลางแม่น้ำ และมีกิจการขุดทรายกันเป็นพืด ส่วนฝั่งไทย มองหาหาดทรายไม่เห็น แถมตลิ่งยังลาดชัน ชาวบ้านได้อาศัยที่ชายน้ำริมตลิ่งที่ราบเรียบ และมีอยู่เพียงเล็กน้อย เป็นที่ปลูกผัก ประเภท ต้นหอม ผักชี คะน้า ผักกาด ฯ เพื่อยังชีพ... http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_05.jpg น่าดูกว่าการหาเลี้ยงชีพ ด้วยการดูดทรายมากมายนัก... http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_06.jpg |
ขอถ่ายภาพกับองค์พระธาตุจำลอง ไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะคะ... http://i835.photobucket.com/albums/z...ang-Nam_03.jpg |
จากพระธาตุกลางน้ำ...เราจะเดินทางไกลไปถึง เมืองบึงกาฬ ซึ่งเพิ่งถูกแยกจากหนองคาย ไปตั้งเป็นจังหวัดใหม่ล่าสุดของประเทศไทย เพื่อไปเยี่ยมเยือน "ภูทอกน้อย" กัน ภูทอก อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองหนองคาย 163 กม.การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข212 ผ่านอำเภอโพธ์ชัย ปากคาด เข้าเมืองบึงกาฬ แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล จะมีทางแยกซ้ายเพื่อไปภูทอก เราจะขับรถผ่านหมู่บ้านต่างๆ เช่น บ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม บ้านนาคำแคน ระยะทางราว 25 กิดลเมตร ก็ถึงภูทอกค่ะ http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_04.jpg ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว เป็นที่ตั้งของ วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จ.บึงกาฬ http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_58.jpg ภูทอกมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และ ภูทอกน้อย ส่วนที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้คือภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวไปชมได้ตามปกติ http://i835.photobucket.com/albums/z...ok-Noi_251.jpg ในอดีตอาณาบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย ต่อมา พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณะธรรมของภิกษุ-สามเณรและพุทธศาสนิกชนทั่วไป แม้จะเป็นวันที่ท้องฟ้าใส แสงแดดแผดจ้า..แต่เมื่อรถแล่นเข้าบริเวณพุทธสถานแห่งนี้ เราสัมผัสได้ถึงความเย็นสบาย ร่มรื่นด้วยแมกไม้ และบึงน้ำใหญ่ที่อยู่โดยรอบ... |
ยอดเยี่ยมมากครับ พี่ เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยครับ
|
ก่อนที่พระอาจารย์จวนจะละสังขาร ได้เล็งเห็นการณ์ไกลที่จะช่วยเหลือชาวบ้านแถวนี้ให้มีรายได้อย่างยั่งยืนและถาวร เป็นการตอบแทนบุญคุณญาติโยมที่มีอุปการะ จึงได้ริเริ่มจัดสร้างสะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธรักษ์ คือการท่องเที่ยวในเชิงการแสวงบุญหรือธรรมจาริก นักท่องเที่ยวจะได้ประโยชน์จากการเที่ยวชมธรรมชาติคือขุนเขาลำเนาไพรและได้ศึกษาพุทธศาสนา ส่วนชาวบ้านจะได้ประโยชน์จากการจำหน่ายสินค้าและธุรกิจร้านอาหาร... อย่างไรก็ตาม...ก่อนจะเข้าสู่ทางขึ้นภูทอกได้ มีประตูเหล็กบานใหญ่กั้นทางเดินเข้าไว้.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_02.jpg แม้ประตูจะเปิดกว้าง เหมือนรอต้อนรับผู้มาเยือน ข้อความที่อยู่เหนือประตู...ก็ทำให้เราต้องชะงัก สงบและสำรวมกายใจมากขึ้น.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_03.jpg |
เมื่อผ่านประตูเข้าไป..ถือได้ว่า เราเข้ามาถึงชั้นที่ 1 ของภูทอกน้อย ในจำนวนชั้นทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองภูทอกที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 350 เมตร (ราวๆตึก 60 – 70 ชั้น) มีบันไดไม้สูงชัน ทอดสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ จากชั้นที่ 1 ที่เรายืนอยู่ ไปสู่ชั้นที่ 2..3..4..5...6 โดยมีระเบียงไม้ลัดเลาะตามหน้าผาไปรอบๆเขา ที่เรียกกันว่า " “สะพานนรก – สวรรค์” ตั้งแต่ชั้นที่ 4-6 ที่หากได้ไปเดินแล้ว คงจะน่าหวาดเสียวเป็นยิ่งนัก ส่วนชั้นที่ 7 นั้น เป็นยอดเขาที่ร่มครึ้มไปด้วยไม้ใหญ่นานาพันธุ์... เห็นแล้วก็อึ้งทึ่ง...จะไว้ไหมเนี่ย...!!! http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_51.jpg บันไดทำไมถึงตั้งชันอย่างนี้ แถมยังสูงมากๆอีกด้วย... อืมมมมม...จะขึ้นหรือไม่ขึ้นดีนะ... เอ้อออ...!!! ไหนๆก็หลงมาแล้ว ไม่ขึ้นก็ขายหน้าแย่สิคะ... ว่าแล้ว...สายชลก็ก้าวขึ้นบันได จากชั้นที่ 1 สู่ชั้นที่ 2 ทันที ด้วยความอาจหาญ... ก้าว..ก้าว..ก้าว.. อูยยยยย...บันไดแต่ละขั้น ทำไมถึงได้ห่างกันอย่างนี้... |
เห็นป้ายข้างทาง...ต้องคุมสติไว้ให้กล้า ปัญญาจะได้เกิด ก้าวไปจะได้ไม่พลาด... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_09.jpg แฮ่กๆ...ขึ้นบันไดไป พักไป พอถึงชั้นที่สอง ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะเป็นที่ราบ มีสถานีวิทยุชุมชนของวัดอยู่ด้านขวามือ พอจะขึ้นชั้น 3 ต้องปีนบันไดอีกแล้วค่ กัดฟันทนจนถึงชั้นที่ 3 จะเห็นทางแยกซ้ายขวา ถ้าไปทางซ้ายก็ลัดไปถึงชั้น 5 เลย ถ้าไปทางขวาก็จะไปสู่ชั้น 4 ซึ่งจะต้องเดินบนสะพานนรก-สวรรค์ เลาะไปตามเหว เราเลยใช้สติ เกิดปัญญา เลือกไปทางด้านซ้ายเพื่อขึ้นสู่ชั้นที่ 5 เพื่อขึ้นไปเดินบนสะพานชั้นที่ 6 ที่สวยงามและหวาดเสียวที่สุดแทน http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_11.jpg ปีนขึ้นไปชั้น 5 ที่แสนชัน เล่นเอาเหนื่อยแฮ่ก...ไม่เชื่อ ถามคุณสายน้ำดูสิคะ... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_12.jpg ทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามขอบเหวด้านหนึ่ง และผาสูงอีกข้างหนึ่ง ดีจริง...ได้เห็นต้นไม่สูงลิบลิ่วพุ่งยอดจากหุบเหหว ขึ้นสู่ท้องฟ้า.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_13.jpg |
ปีนขึ้นไปได้ไม่นาน ก็มาถึงทางแยกอีกแล้วค่ะ ทางหนึ่ง เป็นทางเดินแคบๆลัดเลาะไปตามขอบผา สงบและสวยงาม นำไปสู่ชั้นที่ 5 ได้ แบบไม่ลำบากมากนัก แต่ค่อนข้างจะอ้อมม... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_14.jpg กับอีกทางหนึ่ง เป็นทางลัดตัดตรงผ่านโพรงถ้ำ ขึ้นไปถึงชั้นที่ 5 ทางสั้นกว่า แต่มืดและบันไดชันเหลือเกิน.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_15.jpg สายชลเลือกไปทางเดินธรรมดา แม้จะอ้อม...ก็สามารถไปนั่งคอยคุณสายน้ำและน้องดื้อ ที่ปีนขึ้นทางลัด.. http://i835.photobucket.com/albums/z...ok-Noi_142.jpg น้องดื้อโผล่ออกมาจากโพรงถ้ำแล้วค่ะ...อุ๊ยยย..หล่อจริง...แม้เหงื่อจะพร่างพราวทั่วหน้า http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_16.jpg |
ศาลาแก้วกู่ สวย อลังการมากค่ะ สุดยอดมากก
แต่ดูสีฟ้าแล้ว ท่าทางจะร้อน >< |
น้องติ่ง SNR จ๋า..อย่าไปล้มทับน้องดื้อนะ เดี๋ยวน้องดื้อล้มทับน้องกลับ น้องจะแบนแต๋ดแต๋ นะจะบอกให้...:p น้องโบ้ mmb คร้าบบบบ...ขอบคุณนะคร้าบบบ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวลาวต่อ ติดตามไปเรื่อยๆนะคร้าบบบ...:) น้องพลอย คนงาม...ศาลาแก้วกู่ น่ะ ทำเอาลุงกับป้าอึ้งทึ่ง ตะลึงลาน ในความใหญ่โต พิลึกพิลั่นมาก เข้าไปแล้วเหมือนเราเป็นคนแคระ เพราะรูปปั้นใหญ่โตมโหฬารมากจ้ะ แถมตอนไป แดดยังแผดเปรี้ยงรอดเมฆลงมา ร้อนมากๆจ้ะ..:p |
พอขึ้นถึงชั้นที่ 5...ร่มไม้ที่ชายเขาและที่ยอดเขาก็หนาแน่นขึ้น เราสัมผัสลมเย็นๆ ที่โชยพัดผ่านมาสัมผัสกาย ความร้อนที่มีอยู่ก็บรรเทาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_18.jpg มองรอดผ่านหมู่แมกไม้ มองเห็นหน้าผาของภูทอกใหญ่ได้กระจ่างตา.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_19.jpg มองไปทางด้านขวา...เห็นศาลาหลังคาสังกะสี ด้านหน้าเปิดโล่ง ด้านหลังพิงหน้าผา พื้นปูไม้กระดานขึ้นเงามันแผล่บ แสดงถึงการได้รับความดูแลทำความสะอาดอย่างดี.. สิ่งที่ทำให้คนกลัวผีสะดุ้งได้ เห็นจะเป็นโครงกระดูกคน ที่แขวนไว้ในตู้ที่ด้านทางเข้าศาลา เข้าใจว่า คงมีไว้ให้พระท่านปลงอาบัติ http://i835.photobucket.com/albums/z...ok-Noi_201.jpg มีพระพุทธรูป และรูปปั้นของพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ ตั้งเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บริเวณหน้าผามีหลืบถ้ำ ที่เขียนไว้ว่า "ถ้ำพระวิหาร" จะห้ามเข้าหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ แต่อย่างไร เราก็คงไม่เข้าไปแน่ สังเกตเห็นสีขาวๆเป็นคราบและหินที่เป็นคลื่นริ้วๆติดอยู่ที่บริเวณหน้าผา ไหมคะ ?.. เราไปอ่านพบที่หลัง จึงทราบว่า มีผู้คนเชื่อว่า นั่นคือรอยเลื้อยของพญานาคราชที่เคยอาศัยในบริเวณนี้.. http://i835.photobucket.com/albums/z...ok-Noi_202.jpg |
ไหว้พระและนั่งเล่นให้เย็นใจสักครู่ เราก็เริ่มเดินต่อไปทางด้านเหนือ มีประตูไม้กั้นทางเดินซึ่งปิดสนิท เหมือนห้ามผ่าน เราเลี้ยวขวา ก็ถึงบันไดที่จะพาขึ้นไปชั้นที่ 6 ซึ่งจะเป็นชั้นที่เราจะเริ่มต้นเดินบนสะพานนรก-สวรรค์ ชั้นที่สูงที่สุด และน่าหวาดเสียวที่สุด http://i835.photobucket.com/albums/z...ok-Noi_221.jpg เราเดินตามสะพานไม้ ที่ทอดยาวเลาะหน้าผา และข้ามเหวกว้างไปทางด้านเหนือ โดยด้านขวาของเราชิดหน้าผา เหมือนเดินเวียนเทียน หรือทักษิณาวรรต เพื่อเป็นมงคลแห่งชีวิต... http://i835.photobucket.com/albums/z...ok-Noi_204.jpg ปลายสะพานไม้ ใต้ชะโงกผา รูปร่างโค้งเหมือนใบเรือที่ต้านลม มีแคร่ตั้งพระพุทธรูปสามองค์ ซึ่งงดงาม และมีพุทธลักษณะแตกต่างกันไป...มีความเชื่อว่า ปากทางเข้าเมืองพญานาคอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตุคือมีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาคสัมผัสกับหิน.. ! http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_20.jpg จากชะโงกผาโค้งเหมือนภาพใบเรือต้านลม เราผ่านหน้าผาแห่งหนึ่ง ซึ่งเหมือนหินก้อนยาวใหญ่ยักษ์หักพับลงมา และมีรอยสะพานไม้ที่พาดผ่านหักพังพาดอยู่... สงสัยจริงว่าเกิดอะไรขึ้น... ?? http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_21.jpg |
เดินต่อไป ตามทางเดินที่เป็นหินแข็ง ริมหน้าผา..มีดอกไม้หรือผลไม้แห้งหน้าตาประหลาดชูช่อไสว อดใจไม่ไหว ขอถ่ายภาพเก็บไว้เชยชมหน่อยนะคะ.. ดอกหรือผลอะไรนะ...ใครรู้ชื่อบ้างคะ.. ?? ช่วยบอกที..มีรางวัลให้ค่ะ.... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_23.jpg |
ดอกหญ้า ค่ะ คริ คริ
|
มองออกไปด้านล่างซ้ายมือ มองเห็นบึงน้ำใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยสวนยางพารา ถ้าไปอ่านบทความหรือสารคดีเก่าๆ มักจะบอกว่า ด้านนี้ของภูทอกน้อย จะเป็นป่าหนาทึบ มีสิงสาราสัตว์อาศัยอยู่มากมาย..แต่ขณะนี้..มองๆไป ไม่เห็นภาพเช่นนั้นอีกแล้วค่ะ... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_24.jpg ที่ยังพอจะมองเห็นได้ เห็นจะเป็นภูทอกใหญ่ ซึ่งตั้งตะหง่านอยู่ไม่ไกลนัก หน้าผาที่ทอดยาวออกไป ทำให้เห็นภูทอกใหญ่ได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_25.jpg หน้าผาด้านตะวันออกของภูทอกใหญ่ มีลักษณะคล้ายๆหน้าผาของภูทอกน้อย...แต่สูงชัน และใหญ่กว่ามาก ภูเขาที่เห็นเป็นฉากหลังอยู่ไกลๆ เห็นว่าเป็นภูเขาในเขตลาว... เท็จจริงเป็นประการใด ไม่ยืนยันนะคะ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...ok-Noi_251.jpg |
พ้นจากหน้าผาที่ยื่นยาวออกไป เป็นทางเดินที่ราบเรียบ พอเลี้ยวผ่านมุมหินไป ก็มองเห็นสะพานไม้ขนาดกว้างราว 2 เมตร ยื่นยาวออกมาจากริมผา ลัดเลาะยาวเหยียดออกไป จนสุดเหลี่ยมผา... เบื้องล่าง..เป็นหุบเหวที่ลึกลงไปกว่าสามร้อยเมตร...อู้ววววว.....หวาดเสียว... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_39.jpg ด้วยน้ำหนักตัวขนาดน้องๆช้างของสองสายและน้องดื้อ เราก้าวเดินขึ้นสะพานห่างๆกัน ด้วยเกรงว่าสะพานจะถล่ม หากเราสามคนจะเดินไปพร้อมหน้าพร้อมตากัน... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_33.jpg เราเดินกันไปช้าๆ..เบาๆ...พยายามชิดหน้าผา..และไม่จับหรือพิงรั้วริมระเบียง ที่ดูแบบบาง เมื่อมองย้อนกลับไปทางที่เดินผ่านมา ก็เห็นภาพภูทอกใหญ่ดูสวยงาม และดูเหมือนจะอยู่ใกล้ชิด ติดกับภูทอกน้อยมากกว่าที่ควรจะเป็น.... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_31.jpg |
เดินต่อไปอีกหน่อย และมองลงไปอีกนิด...เราได้เห็นภาพ "พุทธวิหาร" ซึ่งเป็นสถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะที่แปลกและน่าอัศจรรย์ หินที่เทินซ้อนอยู่บนหน้าผา ดูคล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า ความจริงหินก้อนนี้แยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่แล้ว แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่ได้ฉากกับพื้นโลกพอดี พุทธวิหารนี้ ตั้งอยู่บนชั้นที่ 5 ที่เราเดินไปไม่ถึง แต่การมองจากชั้น 6 ลงไป จะให้มุมมองที่สวยงามกว่า... มีเรื่องเล่าว่า...ในอดีต ก่อนที่จะมีการสร้างสะพานไม้เชื่อมต่อ บุคคลธรรมดาไม่อาจข้ามมาที่พุทธวิหารได้ เพราะมีหุบเหวขวางกั้น แต่มีบุคคลอยู่ประเภทหนึ่ง ที่สามารถปรากฎตัวที่พุทธวิหารได้ คือพระอรหันต์และท่านผู้ทรงอภิญญา ท่านเหล่านี้จะมาพักผ่อนที่พุทธวิหารเอง โดยการเดินบนอากาศหรือเหาะข้ามมา เพราะต้องการปลีกวิเวกและไม่ให้ใครมารบกวนได้ ดังนั้น หินประหลาดก้อนนี้จึงถูกเรียกว่า พุทธวิหาร ซึ่งแปลว่า สถานที่พักผ่อนของท่านผู้บรรลุแล้ว ในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหารแล้วก็ตาม แต่นักแสวงบุญทั่วไปก็ไม่อาจเข้าไปสัมผัสพุทธวิหารใกล้ชิดกว่านี้ได้ เพราะทางวัดปิดประตูไว้ เนื่องจากเทวดาที่รักษาพระบรมสารีริกธาตุทนเหม็นกลิ่นสาบมนุษย์ไม่ไหว ทางวัดจึงอนุญาตให้นักแสวงบุญมาได้แค่ปากประตูเท่านั้น... ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.intaram.org/index.php?lay...2&Id=538979488[/COLOR] |
เขาบอกว่า..ถ้ามาเดินบนสะพานนรก-สวรรค์ ไม่ควรจะมองลงไปข้างล่าง...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้กลัวความสูง เพราะจะทำให้ขาสั่น ใจสั่น เดินต่อไปไม่ได้
แหมมม...คนไม่กลัวความสูงอย่างเรา อดใจไม่ไหวหรอกค่ะ แม้จะหาป่าธรรมชาติไม่ได้แล้ว ความเขียวขจีของสวนยางพารา และบึงน้ำข้างล่าง ดึงดูดสายตาให้สายชลต้องก้มลงไปมอง ด้วยความสุขใจ... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_39.jpg บางช่วงของสะพาน...มีหลังคาสังกะสีกันแดดกันฝน และม้านั่งไม้ให้ผู้มาเยือนได้นั่งกินลมชมวิว หรือให้พระภิกษุสงฆ์ได้นั่งวิปัสนากรรมฐาน http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_40.jpg ธรรมชาติที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ช่างสวยงามเหลือเกินค่ะ... จากการค้นข้อมูลเพิ่มเติม ภาพภูเขาเทือกยาวที่เห็นในภาพ คือ "ภูลังกา" ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ และ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ภูลังกามีสภาพเป็นภูเขาเรียงซ้อนกันสามลูก ตามแนวเหนือใต้ ขนานกับแม่น้ำโขง สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าดิบเขา ป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ และป่าแดงที่สมบูรณ์ มีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ โดยเฉพาะมีฝูงกามาอาศัยอยู่มาก จึงเรียกกันว่า "ภูรังกา" แล้วเพี้ยนมาเป็น "ภูลังกา" ในที่สุด http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_38.jpg ลมโชยพัดผ่านมา...น่านั่งเล่นนอนเล่นจริงๆนะคะ..ขอบอก http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_36.jpg |
เห็นข้อความ "แดนสวรรค์" ที่หน้าผาข้างหลังน้องดื้อไหมคะ ฝีมือใครนะ น่าตีมือจริงๆค่ะ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_37.jpg เราพักชมวิวอยู่ที่นี่กันครู่ใหญ่ที่เดียวค่ะ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_34.jpg ลมเย็นๆ....เงียบสงบ....อยากจะนั่งอยู่ที่นี่นานๆ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_42.jpg |
สะพานทางเดินด้านตะวันออกเฉียงใต้ของภูทอกน้อย ดูจะง่อนแง่นโงนเงน ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเลยค่ะ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_43.jpg เห็นแล้วต้องค่อยๆเดิน แล้วก็ไม่พยายามไปจับรั้วไม้ริมสะพาน... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_45.jpg มองลงไปข้างล่าง...เห็นเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เล็กนิดเดียว... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_47.jpg โล่งใจค่ะ...สะพานหมดไป กลายเป็นทางเดินเลาะริมผาไปเรื่อยๆ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_46.jpg |
ถึงเวลาลงจากภูทอกแล้วค่ะ.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_48.jpg การจราจรติดขัดที่ทางลงหน้าปากถ้ำจากชั้น 5 ลงชั้น 4... http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_49.jpg |
ลงมาถึงชั้นที่หนึ่ง และเดินผ่านประตูออกมาแล้ว เราแวะไปกราบคารวะพระพุทธรูป ที่ตั้งเป็นสง่าอยู่บนลานหน้าประตูทางเข้าภูทอก http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_53.jpg เมื่อจะออกจากบริเวณวัด..เราได้แวะชม เจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2529 ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับด้วยหินอ่อนขนาดกว้าง 16 เมตร สูง 31 เมตร....สูงตระหง่าน และสวยงาม อยู่ท่ามกลางแมกไม้ที่ร่มรื่น http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_54.jpg ใต้ฐานเจดีย์ ใช้เป็นที่แสดงประวัติ ที่บรรจุอัฐบริขารในสมัยบำเพ็ญสมณธรรม รวมทั้งอัฐิธาตุ และรูปปั้นขนาดเท่าองค์จริงของท่านผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้.. http://i835.photobucket.com/albums/z...hok-Noi_56.jpg สำหรับประวัติของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ มีโดยสังเขปดังนี้.. วัดเจติยาศีรีวิหาร (ภูทอก) สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2483 โดยการนำพาของ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ซึ่งได้มาบำเพ็ญเพียรสมณธรรมอยู่ที่ภูวัว อ.เซกา จ.หนองคาย คืนหนึ่งได้เกิดนิมิตขึ้นเห็นปราสาท 2 หลัง ลักษณะสวยงามมากอยู่ทางด้านภูทอกน้อย ดังนั้น พระอาจารย์จวน จึงได้เดินทางมาพิสูจน์ตามที่เกิดนิมิต และได้พบลักษณะภูมิประเทศที่สวยงานร่มรื่น เหมาะที่จะปฏิบัติธรรม จึงได้สำรวจและปักกรดอยู่ที่ถ้ำบนภูทอก กับ พระครูศริธรรมวัฒน์ ต่อมาศรัทธาญาติโยมชาวบ้านคำแคน เห็นว่าพระอาจารย์จวนธุดงค์มาอยู่ที่ภูทอก จึงพร้อมใจกันอาราธนาให้สร้างวัดขึ้นที่ภูทอกแห่งนี้ ในปีพุทธศักราช 2512 ชาวบ้านนาคำแคนได้มาช่วยกันสร้างบันไดขึ้นภูทอก จนถึงชั้นที่ 5-6 และได้ปลูกสร้างเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์อยู่ถึง 2 เดือน 10 วัน จึงแล้วเสร็จ ภายในสองปีถัดมา ท่านได้ชักชวนชาวบ้านสร้างทำนบกั้นน้ำขึ้น 2 แห่ง เพื่อใช้เก็บกักน้ำและจัดระบบน้ำประปาขึ้นภายในวัดภูทอก การก่อสร้างทางเดินรอบภูทอก เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นการเจาะหินทำนั่งร้านด้วยไม้เนื้อแข็ง 2 ท่อน ผูกติดกับเสาที่ปักไม้เท้าแขนลงไปแล้วจึงพาดไม้กระดานเป็นสะพานที่ละช่วงๆ ละประมาณ 1 เมตรเศษ ระหว่างคานจะมีคานรองรับอีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้สะพานแข็งแรงมาก นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง และเมื่อวันที่ 27 เมษายน พุทธศักราช 2523 พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้รับนิมนต์ไปกรุงเทพฯ และได้ประสพอุบัติเหตุเครื่องบินตก ถึงแก่มรณภาพ สิริรวมอายุได้ 59 ปี 9 เดือน 18 วัน พรรษา 38 ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.dhammajak.net/forums/view...p?f=24&t=19892 |
การท่องเที่ยวที่ภูทอกน้อย จบลงด้วยความสุขใจของพวกเราทั้งสามคน และเป็นการสิ้นสุดการท่องเที่ยวในหนองคายและบึงกาฬ ของสองสายในครั้งนี้ด้วย... ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจในหนองคายและบึงกาฬ อีกมากมายหลายที่ สองสายจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้กลับมาเยือนดินแดนแถบถิ่นนี้อีกหลายๆครั้ง จนจุใจ ขอขอบคุณน้องดื้อผู้น่ารัก ที่ยอมโดดงานมาพาสองสายเที่ยว และพาเราไปทานของอร่อยๆมากมายในครั้งนี้ และครั้งต่อๆไปในอนาคตนะคะ.. |
เชิญอ่านเรื่องตะลุยเข้าเมืองลาวของสองสายต่อ ได้ที่.....
http://www.saveoursea.net/forums/sho...1073#post31073 |
ครบรสจริงๆ คะ ภาพสวยๆ ฟ้าใสๆ พร้อมกับศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่พี่สองสายช่วยนำมาลงประกอบภาพทำให้เหมือนได้ร่วมเดินทางไปด้วยจริงๆ ... ^^
|
อ้างอิง:
|
อ้างอิง:
ขอบคุณจ้ะน้องอั๊ง...วันหน้าจะไปทางอิสานใต้บ้าง รอให้อากาศเย็นๆก่อนจ้ะ |
อ้างอิง:
Wayna Picchu โหดกว่าเยอะจ้ะ น้องก้อย...แต่ผลจากการไปขึ้นภูทอกน้อย ทำให้ได้ฝึกขา และฝึกจิต ทำให้มีกำลังและแรงใจ ที่จะปีนขึ้น Wayna Picchu ให้สำเร็จอย่างที่ฝันไว้จ้ะ... |
ภาพสวยฟ้าใส เหมือนได้ไปด้วยเลยครับ ฮ่าาาาาาาาาาาาาา:d:D
|
ฮ่าๆๆ...เนาะๆ น้องดื้อ เหมือนได้ไปด้วยกันเลย...:)
|
ขอขยับที่ไปใกล้ๆภาค 2 หน่อยนะคะ...:p |
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:08 |
vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger