![]() |
ถ้าผลการเสวนาในวันนี้นำไปใช้จริงๆ....ผู้กระทำผิด นอกจากจะถูกปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับแล้ว ยังจะถูก Black List ห้ามเข้าอุทยาฯฯด้วยค่ะ...น้อง KENG@SK |
อ้างอิง:
แต่เรื่องเอาไปใช้ก็คงยากอีกตามเคย:( |
"ตะรุเตา-เภตรา"จำกัดจุดดำน้ำ 70 บริษัทวุ่น-หวั่นลูกค้าทัวร์เคว้ง http://www.khaosod.co.th/news-photo/...01290154p1.jpg จากกรณีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกาศปิดเกาะเพื่อฟื้นฟูปะการังฟอกขาว ในอุทยานแห่งชาติทางทะเลด้านอ่าวไทยและอันดามัน 7 แห่ง ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะนักท่องเที่ยวและประชาชนเกิดความสับสน นักธุรกิจและผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ออกมาเคลื่อนไหวต่อกรณีการให้ข่าวดังกล่าวนั้น นายเจตกร หวันสู ประธานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสตูล เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการร่วมประชุมกับอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เพื่อหารือให้การท่องเที่ยวของ จ.สตูล มีแนวโน้มและสอดคล้องกับกรมอุทยานฯ ที่มีนโยบายอย่างชัดเจนในเรื่องของการอนุรักษ์ปะการังฟอกขาว ดังนั้น ผู้ประกอบการทั้ง 70 บริษัททัวร์จะเริ่มนำนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในพื้นที่อุทยานฯตะรุเตาและเกาะหลีเป๊ะ พร้อมกันนี้ผู้ประกอบการจะมีส่วนร่วมและประชาสัมพันธ์แนวปะการังใหม่ที่มีความสวยงามโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแต่อย่างใดและยังเป็นการฟื้นฟูปะการังฟอกขาว อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวของ จ.สตูล ยังคงรวมตัวและเดินหน้าต่อไป เพราะขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว จ.สตูล โดยจองที่พักรวมทั้งรีสอร์ตบนเกาะหลีเป๊ะไว้มากมาย ทำให้การท่องเที่ยวของสตูลมีบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก แม้จะมีข่าวปะการังฟอกขาว แต่การท่องเที่ยวของสตูลยังคงเดินหน้าต่อไป นายปณพล ชีวเสรีชล ผู้ช่วยอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล กล่าวว่า จากการสำรวจของนักวิชาการพบว่า ปะการังในเขตอุทยานฯมีความเสียหาย 20% ส่วนอีก 80% ยังมีความสวยงาม และไม่มีการปิดเกาะ แต่ห้ามทำกิจกรรมดำน้ำบางจุดเท่านั้นคือ โซนเกาะหินงาม หาดทรายขาว เกาะดง ส่วนการขึ้นเกาะหรือไปเที่ยวบนเกาะยังทำได้ตามปกติ ส่วนแหล่งดำน้ำดูปะการังและดูปลาที่สวยงามนั้นยังมีอีกหลายสิบจุดที่ยังคงความสวยงามและมีปะการัง 7 สี ให้ชมอยู่ เช่น บริเวณแนวเกาะอาดัง ด้านทิศตะวันตกและตะวันออก ตรงอ่าวเรือใบ อ่าว 2 อ่าว 3 เป็นต้น บริเวณหน้าเกาะหลีเป๊ะ เกาะกระ เกาะไผ่ เกาะหินซ้อน แหล่งดูปะการังเหล่านี้มีความสวยงามมาก "อยากเชิญชวนให้ไปเที่ยวเหมือนเดิม และที่ห้ามทำกิจกรรมดำน้ำบริเวณ 3 จุด เพื่อให้ปะการังฟอกขาวคือ ปะการังเขากวาง ปะการังสมอง ซึ่งเป็นปะการังน้ำตื้นฟื้นตัว ซึ่งขณะนี้ปะการังเหล่านั้นกำลังฟื้นตัวและงอกอยู่ ต้องมีการควบคุมจำกัดจุดดำน้ำ และเข้มงวดไม่ให้มีการไปเหยียบย่ำปะการัง ส่วนปะการังเจ็ดสีและปะการังน้ำลึกยังมีความสวยงามอยู่เหมือนเดิม" นายปณพลกล่าว ด้านนายเทอดไทย ขวัญทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา กล่าวว่า ในส่วนของอุทยานฯเภตรางดดำน้ำ 2 จุด คือ เกาะบุโหลนไม้ไผ่ เกาะบุโหลนรังผึ้ง หรือบริเวณกลุ่มเกาะหินขาว ซึ่งมีปะการังเจ็ดสีและกัลปังหาที่สวยงามมาก ขณะนี้ปะการังเหล่านี้ไม่ได้เสียหาย เสียหายแต่ปะการังเขากวาง ปะการังสมอง ซึ่งอยู่น้ำตื้นเท่านั้น และที่เสียหายมากที่เกาะบุโหลน หน้าเกาะบุโหลนไม้ไผ่ซึ่งเสียหายประมาณ 60% ส่วนที่อื่นไม่มาก ทางอุทยานฯไม่ได้ปิด แต่งดกิจกรรมดำน้ำบริเวณนั้น ส่วนการท่องเที่ยวอื่นเที่ยวได้ตามปกติ ไม่ได้ปิดเกาะตามข่าว และจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวได้ ยังมีอีกหลายจุด อาทิ เกาะบุโหลนเล และที่เกาะลีดิ ปะการังยังสวยงาม ไม่ฟอกขาว สามารถไปเที่ยวได้ทั้งปี สะดวกทั้งน้ำไฟ และการเดินทางเพราะมีเรือให้บริการบริเวณที่ทำการอ่าวนุ่น ไปกลับคนละ 120 บาท จาก ..................... ข่าวสด วันที่ 29 มกราคม 2554 |
นายนพดล ทองเกิด ประธานชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะพีพี จ.กระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ ุ์พืช เตรียมที่จะปิดอุทยานบางแห่งในพื้นที่ฝั่งอันดามัน
ใครเห็นด้วยกับการให้สื่อเลิกใช้คำว่า "ปิดอุทยานฯ"ในการเสนอข่าวบ้าง ยกมือขึ้น ผู้สื่อข่าวของสื่อบางสำนักที่ไม่เข้าใจมักใช้คำนี้ลงในสื่อของตัวเอง เพราะ มันใช้คำง่ายดี มันฟังดูยิ่งใหญ่ดี และเรียกความน่าสนใจจากผู้เสพสื่อ และประชาชนทั่วไปได้ดี และขณะเดียวกัน มันสร้างความเข้าใจผิด ความตื่นตระหนกและแรงต่อต้านจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไม่สมควรแก่เหตุผล ทั้งยังส่งผลต่อการท่องเที่ยวอย่างไม่อาจคาดเดาได้ การใช้คำว่า งดการดำน้ำในจุดดำน้ำบางแห่ง ของอุทยาน มันยาวกว่า ยากกว่า แต่ก็น่าจะทำให้ผู้ประกอบการที่เข้าใจและไม่หวังกอบโกยจากธรรมชาติ สบายใจมากขึ้นและอาจจะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่ต้องทำงานด้านนี้มากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่ายังมีพื้นที่หากิน และนักท่องเที่ยวยังคงได้มาเที่ยวชม ถึงตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจว่า ระหว่างการออกมาตรการของรัฐ กับการให้ข่าวของสื่ออะไรจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนมากกว่ากัน |
เรื่องการใช้คำว่า "ปิดอุทยาน" ที่หนังสือพิมพ์โปรยหัวตัวเป้งไว้นั้น ได้ไปขึ้นพูดในเวทีเสวนาเรื่อง "ระดมความคิดแก้วิกฤตปะการัง" ไว้ว่า มีผลกระทบต่อจิตใจของนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวทางทะเล และผู้ประกอบการมาก ก่อให้เกิดความตกใจ สับสน นึกว่าอุทยานฯ ถูกปิดทั้งหมด (เสียงก่นด่าเลยตามมา) เห็นด้วยกับน้องsea addict ค่ะ.....เปลี่ยนคำพูดซะใหม่ดีกว่า ไม่อย่างนั้น ใจจะวายกันหมด |
เมื่อวานนี้ ถ้าจำไม่ผิด ดร.เนะก็ได้กล่าวเตือนสื่อไปแล้วในเรื่องการใช้คำและการนำเสนอข้อมูลเนื้อหาข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสื่อเข้าใจผิด |
น้องก็เห็นด้วยสำหรับการนำเสนอของสื่อค่ะ คำบางคำสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ สักแต่ใช้โปรยหัวข่าวเพื่อเรียกร้องความน่าสนใจของข่าว ในทางกลับกัน กลับเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองแท้ๆๆ
แล้วอย่างนี้เมื่อไรเศรษฐกิจจะฟื้น และต้องเสียเงินประชาสัมพันธ์ กันอีกเท่าไรเพื่อให้เมืองไทยเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว ไม่ใช่ไม่สนับสนุนการอนุรักษ์นะคะ แต่อยากให้การอนุรักษ์ใต้ท้องทะเลเป็นจุดดึงดูดให้คนที่สนใจว่า เมืองไทยทำอย่างไรกับแนวปะการังที่เสียหาย ให้ฟื้นกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว คิดว่าคงจะไม่สายเกินไปนะคะ... |
คุมเข้มปะการังฟอกขาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ หอมช่วย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ได้สั่งการให้สั่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นำเรือตรวจการณ์ออกไปลอยลำในทะเลอันดามัน เพื่อเฝ้าระวังแหล่งปะการังฟอกขาวในเขตพื้นที่เกาะตะรุเตา ที่มีเนื้อที่กว่า 9.9 แสนไร่ โดยเฉพาะที่บริเวณหาดทรายขาว เกาะหินงาม เกาะดง และเกาะตะเกียง เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยว ลักลอบแอบลงไปดำน้ำดูปะการังบริเวณพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีปะการังฟอกขาว แต่อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเดินทางลงไปเที่ยวชมบรรยากาศตามเกาะต่างๆ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าเป็นพื้นที่งดกิจกรรมดำน้ำดูปะการัง พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว งดนำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำดูปะการัง เพื่อให้ปะการังได้ฟื้นตัว. จาก ..................... เดลินิวส์ วันที่ 29 มกราคม 2554 |
ดีใจที่เริ่มเห็นการเฝ้าระวังติดตามผลตามมาบ้างแล้วครับ .. หวังว่าจะไม่ใช่ช่วงต้นๆเท่านั้นนะครับที่ช่วยกันตรวจตราสอดส่องแบบนี้
เห็นด้วยเช่นกันที่บทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้นน่าจะทำให้การควบคุมดูแลมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้บ้าง แต่ก็จะเป็นจะต้องได้ความร่วมไม้ร่วมมือจากผู้ปฏิบัติและผู้บังคับใช้กฎหมายด้วย ไม่อย่างนั้นกฎหมายแรงแค่ไหนก็ไร้ผลครับ .. |
....เมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่แล้วไปดำน้ำที่บริเวณช่องแสมสาร จ.ชลบุรี...พบปะการังขาวประมาณ 40 % ของปะการัง...หลังจากติดธุระไม่ค่อยได้ไป....เมื่อวานนี้ไปดำน้ำมา...ไม่น่าเชื่อไม่พบปะการังฟอกขาวเลยและพบปะการังอ่อนขึ้นเป็นจำนวนมาก..สวยงามมาก...ขอบคุณธรรมชาติ....ถามเพื่อนฝูงที่ไปประจำเล่าให้ฟังว่า..หลังจากที่อากาศเริ่มเย็นลงปะการังฟอกขาวก็ค่อยๆหายไป...ก็ขอขอบคุณธรรมชาติอีกครั้งหนึ่ง....
|
ดีใจที่ได้ยินรายงานจากน้องนาย....ขอบคุณมากๆค่ะ... ปะการังด้านอ่าวไทยโชคดีกว่าทางอันดามันมาก เพราะเสียหายน้อยกว่าและฟื้นตัวได้เร็วมาก อาจจะเป็นเพราะทั้งน้ำเย็นเร็วกว่า และถูกรบกวนน้อยกว่าด้วย เปอร์เซนต์การรอดชีวิตจึงมากกว่านะคะ |
เสนอนายกฯ แก้ทั้งระบบ ‘ปะการังขาว’ นักวิชาการเข้าพบนายกฯ เสนอแผนฉุกเฉินฟื้นฟูปะการังในระยะเร่งด่วน เรียกร้องให้ผลักดันแผนยุทธศาสตร์การจัดการแนวปะการังในประเทศไทยผ่านบอร์ดสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เผยปัญหาปะการังฟอกขาวในปีนี้ไม่รุนแรง ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการประการัง อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนและกลุ่มนักวิชาการจากหลายองค์กรอนุรักษ์ทะเลไทยได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาแนวปะการังตายจำนวนมากจากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว มีข้อเสนอ คือ แผนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองและฟื้นฟูแนวปะการังในเขตทะเลฝั่งอันดามันและอ่าว ไทย ประกอบด้วย 1.ลดผลกระทบปะการังเสียหายอันเกิดจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ 2.ปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายและทำลายทรัพยากรอย่างรุนแรง 3.ป้องกันน้ำเสียจากเรือและสถานประกอบการที่ปล่อยน้ำเสียลงทะเล และ 4.ป้องกันตะกอนดินที่ไหลจากภูเขาลงมาทับถมปะการังเสียหาย ผศ.ดร.ธรณ์ระบุว่า นอกจากเสนอแผนฉุกเฉินให้รัฐบาลนำไปดำเนินงานแล้ว ยังเสนอนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเร่งผลักดันแผนยุทธศาสตร์และปฏิบัติการจัดการแนวปะการังในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เพราะเรื่องยังค้างอยู่ที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นักวิชาการต้องการให้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาและผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ทันภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ แผนดังกล่าวจะช่วยอนุรักษ์และคุ้มครองแนวปะการังได้อย่างยั่งยืน โดยนายกฯให้ความสนใจปัญหานี้ และพร้อมผลักดันแผนเร่งด่วนและแผนระยะยาวให้เกิดขึ้นสำเร็จ "ส่วนการปิดพื้นที่ดำน้ำในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลบางส่วนไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ เพราะผู้ประกอบการเข้าใจสถานการณ์และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ แต่หากมีการลักลอบเข้าไปดำน้ำในเขตหวงห้าม หัวหน้าอุทยานแห่งชาตินั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบ" นายธรณ์กล่าว นักวิชาการผู้นี้แสดงความเห็นว่า สถานการณ์ปะการังฟอกขาวในปีนี้จะไม่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา แต่จะปิดพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลเป็นระยะเวลานานเท่าใดขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของแนวปะการัง ทั้งนี้ สิ่งที่นักวิชาการเรียกร้องมาตลอด แต่ภาครัฐไม่เคยสนใจ คือ การสำรวจสภาพแนวปะการังตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มีการติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา อาจารย์ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง นักวิจัยทะเลอันดามัน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ปัญหาปะการังฟอกขาวและเสียหายจะไม่หนักเท่ากับปีที่แล้ว เนื่องจากปะการัง ที่ยังมีชีวิตอยู่รอดนั้นสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี และอุณหภูมิน้ำทะเลก็จะไม่ร้อนจัดเหมือนปีก่อน ส่วนการแก้ปัญหาของกรมอุทยานแห่งชาติฯนั้นถือว่าล่าช้ามาก และไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล จึงไม่ทราบว่าเกิดปัญหาปะการังฟอกขาว ขอให้ฝึกอบรมหรือเปิดรับเจ้าหน้าที่ ผู้มีความเชี่ยวชาญโดยตรงเข้ามาประจำพื้นที่อย่างเร่งด่วน นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการจับกุมผู้ฝ่าฝืนเข้าไปดำน้ำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งอยู่ระหว่างการประกาศปิดพื้นที่บางส่วนห้ามใช้ประโยชน์ในกิจกรรมท่องเที่ยว ขอยืนยันว่ากรมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แม้ว่าอาจจะมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มเข้าไปดำน้ำในเขตหวงห้าม เพราะไม่ทราบข้อมูล จึงได้ตักเตือน และหากพบผู้ฝ่าฝืนก็ให้เจ้าหน้าที่จับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย. จาก .................. ไทยโพสต์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 |
เราคงจะต้องรอดูกันต่อไปนะครับ ว่าแผนที่เสนอจะทำได้มากน้อยแค่ไหนเพียงไร ..
|
ทำไมนึกถึงหน้งเรื่องLord of the ringก็ไม่รู้ .......
เมื่ออำนาจ อยู่ในมือ ก็สามารถบันดาล หรือพลิกผัน ทุกอย่าง ได้ ..จริง รึ |
กรมอุทยานฯ แจงแนวทางเร่งฟื้นฟูปะการังคืนระบบนิเวศสมดุล ตามที่กรมอุทยานแห่งชาติทางทะเลได้ประกาศปิดอุทยานฯบางจุดเพื่อเร่งฟื้นฟูปะการังไปแล้วนั้น นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กล่าวชี้แจงสาเหตุว่า “การเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวตามแนวปะการังทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามันที่ส่งผลให้ระบบนิเวศทางทะเลเสียสมดุล ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ปรากฏการณ์แอลนิลโญ อุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลง รังสีจากดวงอาทิตย์ การถูกแดด-ลมฝนกระทำตะกอนและความขุ่นของน้ำทะเล น้ำจืดเข้ามาปะปนน้ำทะเล สภาพสารและธาตุอาหารในน้ำทะเล สารเคมีหรือสารชีวภาพที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวันและเชื้อโรค แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในครั้งนี้ เกิดจากภาวะโลกร้อน โดยอุณหภูมิน้ำในทะเลสูงขึ้นประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส หรือผลจากความเข้มของแสงหรือสองปัจจัยนี้ร่วมกันส่งผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลี ที่อาศัยอยู่ในปะการังทนไม่ได้ และหนีออกมาจากปะการัง ทำให้ปะการังกลายเป็นสีขาวไม่มีสีสัน คล้ายหินปูน เมื่อเกิดการฟอกขาวแล้ว ปะการังจะยังไม่ตายในทันที แต่จะอ่อนแอ และมีชีวิตอยู่ได้อีก 2-3 สัปดาห์ หากอุณหภูมิน้ำทะเลหรือสภาพแวดล้อมกลับคืนสู่สภาพปกติ ปะการังจะสามารถปรับสภาพและฟื้นตัวได้ ดังนั้นพื้นที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ควรลดหรืองดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อช่วยลดมลพิษที่จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล และให้เวลาปะการังในการฟื้นตัวกลับคืนสู่สภาพเดิมอีก ทั้งนี้การปิดอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน อาจมีผลกระทบกับหลายฝ่ายอย่างแน่นอน แต่เพื่อเป็นการศึกษาเรียนรู้จากปรากฏการณ์ในครั้งนี้ อุทยานแห่งชาติทางทะเลจำเป็นที่จะงดกิจกรรมดำน้ำในเขตที่เกิดปรากฏการณ์ที่ มีบริเวณกว้างเกินร้อยละ 80 ของพื้นที่ เพื่อให้ปะการังได้ฟื้นตัว และมาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ อีกทั้งเพิ่มความเข้มข้นในการออกตรวจปราบปรามการลักลอบทำการประมงในเขต อุทยานฯ เพิ่มจำนวนเปลี่ยนจุดวางทุ่น หรือซ่อมบำรุงทุ่นจอดเรือ เพื่อลดการทิ้งสมอในแนวปะการัง เฝ้าระวังรักษาแนวปะการังที่มีความสามารถทนทานสภาวะฟอกขาวให้เป็นแหล่งกระจายตัวอ่อนปะการังตามธรรมชาติ ให้ข้อมูลข่าวสารแก่เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ และชุมชนชาวมอร์แกนรับทราบถึงสถานการณ์และสร้างความร่วมมือในการลดผลกระทบ รณรงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวตลอดจนเยาวชนและประชาชนทั่วไปในการท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯอย่างมีจิตสำนึก เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลดภาวะโลกร้อนต่อไป ซึ่งในอนาคตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามันจะมีการเสนอเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติต่อไป จาก .................. บ้านเมือง วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 |
อุทยานหมู่เกาะช้างปิด 3 เกาะ ฟื้นฟูปะการัง http://www.khaosod.co.th/online/2011...1298500735.jpg เมื่อ 23 ก.พ. นายเฉลิม กลิ่นนิ่มนวล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ว่าขณะนี้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างได้แจ้งการปิดเกาะทองหลาง เกาะกระ และเกาะเทียน ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังอยู่ใกล้เกาะรัง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นไป โดยไม่มีกำหนดเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม การปิดเกาะกระ เกาะทองหลางและเกาะเทียนดังกล่าว เป็นมติของกรมอุทยานแห่งชาติให้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างดำเนินการปิด เนื่องจากแนวปะการังเกิดการฟอกขาวและตายไปกว่า 90% แล้วจากภาวะโลกร้อน การปิดเกาะดังกล่าวเพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการังไปรบกวน เพื่อให้แนวปะการังมีโอกาสได้พักฟื้น http://www.khaosod.co.th/online/2011...1298500745.jpg นายเฉลิมกล่าวต่อว่าการปิดดังกล่าวเพียงแต่แจ้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและดำน้ำไปบางส่วนเท่านั้น ซึ่งจะได้ทำประกาศแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับรายละเอียดการปิด นายเฉลิมบอกว่าได้วางแนวทุนกันบริเวณเกาะดังกล่าวไว้แล้ว โดยห้ามเรือนำเที่ยวรวมทั้งเรือประมงเข้าไปในบริเวณดังกล่าวโดยเด็ดขาด ผู้ใดฝ่าฝืนจะใช้กฎหมายอุทยานดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดต่อไป นอกจากนี้จังหวัดตราด โดยนางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด อนุมัติงบประมาณจำนวน 4 ล้านบาท สำหรับทำทุ่นซิเมนต์ขนาด 40 ตัน 41 ทุ่น ทุ่นขนาด 5 ตัน 18 ทุ่น สำหรับวางแนวรอบเกาะดังกล่าวให้เป็นทุ่นผูกเรือ ขณะนี้กำลังเตรียมทุ่นดังกล่าว และจะนำทุ่นไปทำการติดตั้งในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ดังนั้นจึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบ ว่าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างสั่งปิดเกาะเทียน เกาะกระและเกาะทองหลางแล้วเริ่มตั้งเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป โดยยังไม่มีกำหนดเปิดให้เข้าชมแต่อย่างไร จาก .................. ข่าวสด วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 |
ตอนนี้ทางตะรุเตาออกข่าวมาแล้วว่าปะการังฟอกขาวที่นั่นฟื้นสภาพแล้วเกือบ 100%
สงสัยว่าจะผลักดันให้ยกเลิกการประกาศปิดจุดดำน้ำแถวนั้นนะคะ คงต้องรอสมาชิก sos ไปอันดามันใต้ (ไม่ทราบว่าไปถึงแถวนั้นมั้ย) ไปดูกับตาว่าฟื้นแล้วจริงๆหรือเปล่า หรือแค่ราคาคุยนะคะ |
ไปถึงอาดัง-ราวี แน่นอนค่ะ ถ้าดินฟ้าอากาศเป็นใจ.... ใต้ทะเลอันดามันเหนือ นั้น ที่ฟอกขาวตายไปเกือบหมด ส่วนที่เหลือก็เริ่มฟื้นตัวสวยงามมากๆ ปลาเล็กๆมากมาย ดูแล้วชื่นใจ ส่วนอันดามันใต้ ถ้าเป็นอย่างเขาว่า ก็น่าจะสวยเช่นกัน.... |
ผู้ประกอบการ 150 รายลงมติใช้กฎบ้านปิดแหล่งดำน้ำดูปะการังเพิ่ม 4 เดือน ตราด - ผู้ประกอบการธุรกิจเกาะช้าง 150 ราย ลงมติใช้กฎบ้านปิดแหล่งดำน้ำดูปะการังเพิ่ม 4 เดือน ประกาศพร้อมรับรายได้หด ชี้ตราดใช้กฎบ้านห้ามมี “เจ็ตสกีบานาน่าโบต” ได้ผล จี้ประมงตราดจับกุมเรือประมงเรือนำเที่ยวเข้มหากเข้าทำประมงในพื้นที่ ความคืบหน้าจากกรณีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ได้ทำการปิดแหล่งดำน้ำดูปะการังในหมู่เกาะช้างจำนวน 3 เกาะคือ เกาะกระ เกาะทองหลาง และเกาะเทียน เนื่องจากปะการังได้รับความเสียหายมากนั้น นางสาวจารุวรรณ จินตกานนท์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ตราด เปิดเผยว่า การปิดแหล่งดำน้ำดูปะการัง 3 เกาะ ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างนั้น เป็นการปิดโดยใช้กฎหมายบังคับให้ปิด ทั้งนี้ เพราะปะการังทั้ง 3 เกาะนั้น เป็นแหล่งดำน้ำสำคัญของหมู่เกาะช้างได้รับความเสียหายมากจนต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน หากไม่ปิดปะการังจะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ซึ่งสมาคมเห็นด้วย นอกจากนี้ ได้ออกไปสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งในเกาะช้าง เกาะกูด และเกาะหมาก ทั้งหมดเห็นด้วย และพร้อมเสียสละรายได้ที่จะได้จากการนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำดูปะการังไปตลอด 4 เดือน (มิถุนายน-กันยายน) “แต่สมาคมและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งหมดที่ร่วมประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2553 ไม่ต้องการให้ปิดเพียง 3 เกาะ แต่จะใช้กฎบ้านที่เป็นมติของพวกเราทั้งหมด ปิดหมู่เกาะรัง ที่เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังสำคัญที่สุดของหมู่เกาะช้างต้องปิดด้วย เป็นเวลา 4 เดือน เพื่อให้ปะการังได้รับการฟื้นฟู เพราะที่ผ่านมาปะการัง ถูกปรากฏการณ์ลานีญาทำลายไปกว่า 60% ที่เหลืออยู่ แม้รอดแต่ก็อยู่ในอาการสาหัส หากผู้ประกอบธุรกิจยังนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำอีกทั้งหมดจะตายหมด และไม่สามารถฟื้นฟูได้อีกต่อไป” นายกสมาคมกล่าวว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะช้างมีมติร่วมกัน คือ เป็นกฎบ้านที่ดีกว่ากฎหมาย และทุกคนทำเพื่อปกป้องปะการัง ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ใช้กฎบ้านไม่ให้มีการนำเจ็ตสกีและบานาน่าโบตเข้ามาในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง รวมทั้งเกาะหมากและเกาะกูด ซึ่งได้ผลดี และยังเป็นกฎบ้านที่ศักดิสิทธิ์และมีผลทางปฏิบัติมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นางสาวจารุวรรณยังบอกอีกว่า สำหรับการฟื้นฟูปะการัง สมาคมมีโครงการสร้างปะการังใต้น้ำในชื่อ “ช้างแห่งสยามเพื่อทะเลไทย” โดยจะปั้นช้างจำนวน 9 ตัว 8 ตัว จะทิ้งลงไปในแหล่งดำน้ำดูปะการังที่เสื่อมโทรม อีก 1 ตัว จะทำการทิ้งลงทะเลในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 นี้ ซึ่งจะทำโครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษาของในหลวง ขณะนี้มีภาคเอกชน 2-3 ราย เข้ามาสนับสนุนโครงการแล้ว แต่จะนำเสนอรายละเอียดต่อไป แต่หากทำโครงการนี้ได้จะส่งผลดีต่อทะเล จ.ตราดมาก และจะเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวของ จ.ตราด ที่ยิ่งใหญ่ เพราะนักดำน้ำดูปะการังจะเห็นความสวยงามของทั้งปะการัง, สัตว์น้ำ และช้างทั้ง 9 ตัว ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำด้วย จาก .................. ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 |
"สตูล" หนุนงบอุทยานฯ 1ล้าน ทำทุ่นจอดเรือ ป้องกันปะการัง สตูล:ว่าที่ร้อยเอกไพโรจน์ หอมช่วย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล เปิดเผยว่า จ.สตูล ได้อนุมัติงบประมาณ 1,600,000 บาท ให้กับอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เพื่อนำไปจัดทำทุ่นสีขาว เป็นทุ่นแสดงพื้นที่จอดเรือให้พื้นที่ 3 จุด ที่อยู่ห่างจากที่มีปะการัง ทั้ง 3 จุดคือบริเวณ 1. เกาะหลีเป๊ะ 2.บริเวณหาดทรายขาว 3. บริเวณอ่าวเรือใบ เพื่อจัดระเบียบที่จอดเรือให้เรียบร้อย สำหรับพื้นที่การเกิดปะการังฟอกขาว ทั้ง 4 จุด กำลังฟื้นตัวเร็ว หลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯสำรวจพบการฟื้นตัว เกิดจากสภาพอุภูมิใต้ทะเลมีน้ำทะเลไหลแรง และผู้ประกอบท่องเที่ยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยขณะนี้ปะการังฟื้นตัวแล้วกว่า 70% ทั้งนี้อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เร่งปราบปรามเรือประมงอวนลากที่ฝ่าฝืนเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม โดยทางกรมเป็นห่วงปะการังในท้องทะเล หวั่นอาจถูกทำลายจากเรือประมงอวนลากและนักท่องเที่ยวให้อาหารปลา ซึ่งเป็นการเกิดปะการังฟอกขาวขึ้นมา ละการเกิดปะการังฟอกขาวอีกหนึ่งสาเหตุ คือรีสอร์ท บนเกาะทิ้งน้ำเสียลงทะเล ทางกรมจึงเร่งให้อุทยานฯในพื้นที่เร่งจัดการปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วน จาก .................. แนวหน้า วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 |
อยากปรบมือดังๆให้กลุ่มผู้ประกอบการเกาะช้างครับ ที่เสนอและลงมติร่วมกันให้ปิดแหล่งดำน้ำเพิ่ม ถึงแม้ว่าภาครัฐเองจะไม่ได้ประกาศปิดก็ตาม ..
เห็นข่าวที่สตูลปะการังฟื้นตัวเร็วสุดขีดก็ดีใจ(หาย) ปะการังเมืองไทยทั้งอึดทั้งเก่งจริงๆครับ |
อ่านข่าวว่าปะการังแถวสตูลบางส่วนฟื้นกลับมาเร็วเกินคาดแล้วดีใจจริงๆครับ
ไม่งั้นหน้าร้อนนี้คงแย่แน่เพราะขนาดตอนนี้ยังไป30องศาไปแล้วหวังว่าพวกที่ฟื้นจะผ่านกันได้;) |
'หมู่เกาะช้าง' ปิด 3 เกาะ เว้นวรรคดำน้ำดูปะการัง http://www.khaosod.co.th/news-photo/...02010354p1.jpg สําหรับในประเทศไทย ปัญหาปะการังฟอกขาว ถือเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติ และหน่วยงานทุกภาคส่วนก็เร่งหาทางแก้ปัญหากันแล้ว โดยวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็คือการปิดเกาะ ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าชม และที่มีคำสั่งลงไปแล้ว ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเจ้าไหม จ.ตรัง บริเวณเกาะเชือก, อุทยานแห่งชาติเกาะเภตรา จ.สตูล บริเวณเกาะบุโหลนไม้ไผ่ เกาะบุโหลนรังผึ้ง, อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล บริเวณเกาะตะเกียง เกาะหินงาม เกาะราวี หาดทรายขาว เกาะดง, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณเกาะมะพร้าว, อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา บริเวณอ่าวสุเทพ อ่าวไม้งาม เกาะสตอร์ค หินกอง อ่าวผักกาด และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา โดยเริ่มห้ามมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา http://www.khaosod.co.th/news-photo/...02010354p2.jpg ล่าสุดมีคำสั่งเพิ่มเติมอีก 3 เกาะ ในหมู่เกาะช้าง ได้แก่ เกาะทองหลาง เกาะกระ และเกาะเทียน ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังอยู่ใกล้เกาะรัง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เริ่มปิดตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป สำหรับเรื่องนี้ นายเฉลิม กลิ่นนิ่มนวล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เปิดเผยว่า การปิดเกาะกระ เกาะทองหลาง และเกาะเทียน ดังกล่าว เป็นมติของกรมอุทยานแห่งชาติ ให้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างดำเนินการปิดเนื่องจากแนวปะการังเกิดการฟอกขาวและตายไปกว่า 90% แล้วจากภาวะโลกร้อน ส่วนเกาะรังยังดำน้ำชมปะการังได้ตามปกติ สําหรับรายละเอียดการปิดเกาะ ทางอุทยานได้วางแนวทุ่นกันบริเวณเกาะดังกล่าวไว้แล้ว โดยห้ามเรือนำเที่ยวรวมทั้งเรือประมงเข้าไปในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ จังหวัดตราด โดยนางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด อนุมัติงบประมาณจำนวน 4 ล้านบาท สำหรับทำทุ่นซีเมนต์ขนาด 10 ตัน 41 ทุ่น ทุ่นขนาด 5 ตัน 18 ทุ่น สำหรับวางแนวรอบเกาะดังกล่าวให้เป็นทุ่นผูกเรือ ขณะนี้กำลังเตรียมทุ่นดังกล่าวเสร็จแล้ว และจะนำทุ่นไปติดตั้งในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ นางสาวจารุวรรณ จินตกานนท์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราด กล่าวว่า การประชุมของสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราดที่ผ่านมาว่า จังหวัดตราดมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ในช่วงฤดูฝนนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมหมู่เกาะ ตกปลา ตกหมึก เที่ยวน้ำตก ชมธรรมชาติบนเกาะได้ตลอดทั้งปี ทั้งเกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก ดังนั้น จึงคาดว่าการปิดเกาะดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวมากนัก สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราดเห็นด้วยกับการปิดเกาะทั้งสามเกาะ เพราะจะทำให้ปะการังได้มีโอกาสฟื้นตัว จาก ....................... ข่าวสด วันที่ 1 มีนาคม 2554 |
เกาะสุรินทร์...เมื่อสิ้นคำสั่งปิดเกาะ ................... โดย คมฉาน ตะวันฉาย http://www.bangkokbiznews.com/home/m...g_380310_4.jpg ก่อนหน้าเกิดสึนามิ ผมมีโอกาสไปดำดิ่งทิ้งตัวลงใต้น้ำที่หมู่เกาะสุรินทร์บ้าง กองหินริเชริว กองหินแพ แต่ไม่บ่อยครั้งเท่าที่หมู่เกาะสิมิลัน ที่หมู่เกาะสุรินทร์ แค่เอาหน้าจุ่มลงไปใต้ผิวน้ำ ไม่ต้องมีเครื่องเคราอุปกรณ์ดำน้ำลึกให้เกะกะ สวรรค์ใต้ผืนน้ำก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ที่นี่จึงขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่สุดยอดของบ้านเรา น้ำทะเลใสราวตู้ปลา ปะการังใต้ทะเลส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มปะการังโครงสร้างแข็ง เช่นพวกเขากวาง ปะการังโต๊ะ กลุ่มผักกาด หรือพวกโขดทั้งหลาย จะสมบูรณ์มาก ไม่อาจเรียกว่าแนวปะการัง แต่ควรเรียกว่า "ป่าปะการัง" มากกว่า เพราะปะการังจะเป็นพรืดเหมือนสนามหญ้า มองเห็นใต้น้ำจนสุดตา เมื่อมีปะการังก็ย่อมมีปลา ปลาน้อยใหญ่หากินกันตามแนวปะการัง เสียงปลานกแก้วตอดกินปะการังได้ยินจากใต้น้ำชัดเจน แม้แนวปะการังจะตื้นแต่ก็เห็นกุ้งมังกรหนวดยาวซ่อนตัวตามโพรงปะการัง ปลาไหลมอร์เรย์โผล่หัวออกมาจากซอกกองหินอ้าปากพะงาบๆ ฯลฯ เหล่านี้คือประสบการณ์ที่สุดประทับใจ http://www.bangkokbiznews.com/home/m...g_380310_1.jpg แต่หลังจากสึนามิ ผมไม่มีโอกาสได้ไปเยือนหมู่เกาะสุรินทร์อีกเลย ได้แต่ถามไถ่จากมิตรสหายว่าสภาพปะการังเป็นอย่างไรบ้าง ลำพังปะการังน้ำลึกผมไม่ค่อยห่วง แต่ปะการังน้ำตื้นคงมีผลกระทบเหมือนกัน แต่อะไรก็ไม่หนักหนาเท่ากับการเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ที่เป็นผลมาจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่ร้อนขึ้น แล้วตัวปะการังที่อยู่ในช่องเล็กๆในโครงสร้างหินปูนทั้งหลายก็จะตาย ยิ่งร้อนนาน ยิ่งตายมาก เหลือแต่โครงสร้างหินปูนสีขาว นานเข้าก็จะมีตะไคร่มีตะกอนมาเกาะเป็นสีดำไปในที่สุด ซึ่งในแวดวงคนดำน้ำหรือคนที่สนใจเรื่องทางทะเลรับรู้ปรากฏการณ์นี้กันมานานแล้ว พูดตามตรงว่าสำหรับเรื่องนี้ เราทำอะไรแทบไม่ได้เลย เหมือนต้องศิโรราบต่อปัญหานี้ก็ว่าได้ จนกระทั่งกรมอุทยานฯมีคำสั่งปิดบางส่วนของเกาะต่างๆทางทะเลอันดามัน รวมทั้งหมู่เกาะสุรินทร์ด้วย สิ่งหนึ่งที่ตามมาทันทีคือ บรรดาผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเลทั้งหลาย ทั้งกิจการดำน้ำ เรือทัวร์ แม้กระทั่งโรงแรมที่พัก ได้รับผลกระทบกันถ้วนทั่ว เรียกว่าปีนี้ภาคใต้โดนไปหนัก ตั้งแต่น้ำท่วมอย่างยืดเยื้อ โดนลมปากของหมอดูว่าจะเกิดสึนามิ นี่ยังไม่นับรวมความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่ยังคงระอุอยู่ เพียงแค่นี้ก็แทบปิดฝาโลงเรื่องท่องเที่ยวภาคใต้ได้แล้ว อันนี้ก็เห็นใจอยู่ ต้องยอมรับกันว่าผู้ประกอบการเองก็มีส่วนทำร้ายทะเล ไม่ว่าจะเป็นการแอบดำน้ำลงไปน็อคปลาสวยงาม รวมทั้งปะการังอ่อนทั้งหลายส่งขายกรุงเทพ การให้อาหารปลา การส่งเสริมการขายอาหารปลาแก่นักท่องเที่ยว การทิ้งสมอนอกเขตทุ่น การแอบปล่อยน้ำเสียจากเรือ บางทีเลวร้ายแอบปล่อยน้ำมันเครื่องลงทะเลก็มี http://www.bangkokbiznews.com/home/m...g_380310_2.jpg ส่วนผู้ประกอบการดำน้ำก็แย่งกันสอนนักดำน้ำ 3 วัน แล้วขายทัวร์ดำน้ำให้นักเรียนใหม่เลยลงไปใต้น้ำ ปลายตีนกบก็ไปปาดปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล เคยเห็นนักดำน้ำมือใหม่ลงไปนั่งทับกองปะการังเพราะยังปรับสภาพสมดุลใต้น้ำไม่เก่ง เรือดำน้ำสิบๆลำ ปล่อยนักดำน้ำลงจุดเดียวทั้งหมด เรียกว่ามองไปใต้น้ำเห็นแต่นักดำน้ำเกลื่อนไปหมด แล้วก็มักจัดโปรแกรมแบบเรียกแขกวันเดียวดำกันตั้ง 5 ไดรฟ์ กลางคืนยังลงดำเลย ยังมีพฤติกรรมอีกมากมายที่ผู้ประกอบการณ์เองก็เป็นผู้ลงมือทำ "ปู้ยี่ปู้ยำทะเล" เรียกว่าตอนนั้น "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา" จริงๆ พอกรมอุทยานฯประกาศปิดเกาะ ผมจึงทั้งเห็นใจและสาแก่ใจอยู่บ้าง แต่เอาเถอะเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ป่วยการจะมาว่ากัน เราไม่อาจทำให้อุณหภูมิของโลกลดลงเองได้ แต่เราสามารถลดผลกระทบที่เกิดจากการกระทำของเราได้ วันนี้คงต้องช่วยกันจริงๆ ไม่ต้องมาเรียกร้องให้ทางรัฐทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้ ท่านต้องรวมตัวกันแล้วทำเพื่อทะเลจริงๆเสียที เห็นว่ามีเรือประมงแอบลากปลาในเขตที่ปิดเกาะ ท่านก็ต้องเอาธุระ ไปแจ้งไปตามเจ้าหน้าที่มาจับ กัดให้ติดแบบกลุ่มกรีนพีซที่เขาขัดขวางการล่าวาฬของญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่โทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนเขาจะมาทำอะไรหรือไม่ก็หมดธุระ แค่นั้นไม่ได้ ต้องทำอะไรมากกว่าการมาเรียกร้องนั่นเรียกร้องนี่ เพราะนั่นจะพิสูจน์ว่าท่านเอาใจใส่หม้อข้าวท่านจริงหรือเปล่า http://www.bangkokbiznews.com/home/m...g_380310_3.jpg ส่วนนักท่องเที่ยวแบบเราๆท่านๆ แม้จะมีบางส่วนที่เขาปิดเพื่อทดลองดูการฟื้นตัวของปะการัง แต่ก็ยังมีหลายส่วนที่ยังคงความงามไม่เสื่อมคลาย อย่างที่หมู่เกาะสุรินทร์ที่ ผมได้มีโอกาสลงไปดูสภาพใต้ทะเลเร็วๆนี้ ปะการังหลายๆที่อย่างอ่าวสับปะรด อ่าวผักกาด หินแพ ปะการังมีลักษณะหัก พัง แบบราพณาสูรมาตั้งแต่คราวสึนามิ แต่น้ำทะเลที่ใสจึงยังมีปลาทะเลน้อยใหญ่มาให้เห็น แม้ไม่มากดั่งแต่ก่อน ใต้น้ำอาจจะด้อยลงไปบ้างแต่สภาพทิวทัศน์ หาดทรายที่สวยงาม สะอาด ยังเป็นมนต์เสน่ห์ของหมู่เกาะสุรินทร์ ทั้งที่อ่าวช่องขาดหรือที่อ่าวไม้งาม แม้จะเป็นวันธรรมดาก็ยังเห็นนักท่องเที่ยวหนาตา ฝรั่งมังค่ามากางเต็นท์กันเป็นเดือนเพราะหลงใหลทะเลบ้านเรา แม้ใต้ทะเลจะถูกปิดบางส่วน แต่ความเป็นหมู่เกาะสุรินทร์ยังคงสวยงาม ไม่ผิดหวัง ยังคงขายได้และยังน่าไปเยือนอยู่เสมอ มีโอกาสลองไปดูครับ แล้วจะภาคภูมิใจกับประเทศชาติของเรา อย่าไปจมปลักกับสิ่งที่มันผ่านมาแล้ว โดยเฉพาะกับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ให้มองไปข้างหน้า แล้วเอาปรากฏการณ์ครั้งนี้มาเป็นบทเรียนว่าต่อไป เราจะใช้ประโยชน์จากทะเลอย่างทะนุถนอม ไม่ใช่เป็นลักษณะ “ทึ้ง” ทะเลอย่างที่เคยเป็นมา เรียกร้องคนอื่นให้น้อยลง เรียกร้องตัวเองให้มากขึ้น และอย่าดูดายคิดว่าธุระไม่ใช่ เพราะบทเรียนครั้งนี้มันสอนอะไรหลายๆอย่างให้เราแล้ว ส่วนคนที่มีหน้าที่ฟื้นฟูก็เร่งทำและทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่หาเรื่องเอางบประมาณมายังชีพเล่น มีโอกาสได้ทำแล้วก็ฝากชื่อให้แผ่นดินเถอะครับ ทำดีให้ที่อื่นๆยังทำได้ ที่นี่บ้านเรา...ประเทศเรานะครับ จาก ....................... กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 6 มีนาคม 2554 |
คุณคมฉาน เขียนได้ตรงใจมากๆ เลยคะ ขอบคุณพี่สองสายสำหรับข่าวสารดีๆ คะ
|
ใช่ค่ะ....พูดได้โดนใจจริงๆ....เหมือนที่สายชลได้เคยพูดไปเป๊ะเลย... |
| เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:29 |
vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger