มิงกะลาบา...จากมัณฑะเลย์สู่เมืองเอกแห่งรัฐฉาน
|
เมื่อวันต้นเดือนพฤศจิกายน ศกนี้....สองสายตื่นแต่เช้ามืด อาบน้ำแต่งตัว แล้วก็ขนกระเป๋าเดินทางใบเขื่องไปขึ้นรถ ที่มีลูกสาวเป็นคนขับ มุ่งหน้าสู่สนามบินดอนเมือง เมื่อไปถึงอาคารผู้โดยสารขาออก....คณะของ น้องปอ...ผศ.จิตศักดิ์ พุฒจร อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ แห่งมหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้นำการท่องเที่ยวของเรา และทีมงามของบริษัท "พาเที่ยวพม่า พม่าพาเที่ยว" คอยให้บริการด้านเช็คอิน ซึ่งเราไม่ต้องทำอะไรเองเลย นอกจากลากกระเป๋าไปวางเพื่อส่งขึ้นเครื่องบินเท่านั้น ก่อนเที่ยง...เราก็ขึ้นไปนั่งสบายๆ อยู่ริมหน้าต่างบนเครื่องหางแดง ชมความงามของเมฆที่หนาแน่นลอยเหนือดินแดนของไทย ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี คุณหางแดงก็บินเข้าเขตประเทศพม่า หรือเมียนมาร์ เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของไทยที่ดีกันบ้างทะเลาะกันบ้างมาแต่ครั้งโบราณกาล... หมายหตุ: ประเทศพม่าแบ่งเขตการปกครองในระดับภูมิภาคออกเป็น 7 เขต หรือภาค (Region) สำหรับพื้นที่ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์พม่า และ 7 รัฐ (States) สำหรับพื้นที่ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อย เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพม่า หาอ่านได้ที่นี่ค่ะ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%...B8.AD.E0.B8.87 การไปพม่าครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่สองสาย จะได้เข้าไปเที่ยวพม่าแบบเจาะลึก หลังจากเคยข้ามแม่น้ำเมยที่แม่สอด เข้าไปเดินเที่ยวที่เมืองเนเมียววดีของพม่ามาหลายครั้งหลายหนก่อนหน้านี้แล้ว เป้าหมายการท่องเที่ยวครั้งนี้ คือ เราจะบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองมัณฑะเลย์ จากนั้นจะเดินทางจากมัณฑะเลย์ไปเที่ยวเมืองต่างๆทั้งที่อยู่ในเขตมัณฑะเลย์เอง และอยู่ในเขตรัฐฉานซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันออกเฉียงใต้ของมัณฑะเลย์ ซึ่งเส้นทางการท่องเที่ยว ปรากฏอยู่ในแผนที่ข้างล่างนี้ค่ะ.... โดยสรุป...เมืองที่เราจะเดินทางไปท่องเที่ยว ประกอบด้วย...เมืองพิน อูล วิน (Pyin Oo Lwin)...สะพานรถไฟก๊กเต๊ก (Gok Teik)...เมืองสีป้อ (Hsipaw)...เมืองตองยี (Taunggyi)...เมืองยองชเว (Nyaungshwe)...ทะเลสาบอินเล (Inle Lake)...เมืองพินดายะ (Pindaya)...เมืองอังวะ (Inn Wa) และ เมืองมัณฑะเลย์ (Mandalay) |
พอเข้าเขตประเทศพม่า...เมฆก็เบาบางลง จนพอจะมองเห็นพื้นดินด้านล่างได้ชัดเจน เราได้เห็นเทือกเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี มีสายน้ำเล็กๆไหลคดเคี้ยวพาดผ่านจากทิศตะวันออกไปทางตะวันตก ดูเหมือนเครื่องบินจะบินตามสายน้ำเล็กๆเส้นนั้นไป จนสายน้ำเส้นเล็กไปบรรจบกับสายน้ำเส้นใหญ่ ที่เต็มไปด้วยเกาะแก่งและทะเลสาบมากมาย เรารู้ได้โดยพลันว่าสายน้ำใหญ่เส้นนั้นคือแม่น้ำ "อิรวดี (Irrawaddy River)" หรือที่ชาวพม่าออกเสียงว่า "เอยาวดี (Ayeyarwady River)" แม่น้ำสายหลักของประเทศพม่า ที่มีความยาวถึง 2,170 กิโลเมตร นั่นเอง ต้นกำเนิดของแม่น้ำเอยาวดีอยู่ในเขตนู่เจียง มณฑลยูนนาน บริเวณใกล้รอยต่อเขตแดนรัฐกะฉิ่น ประเทศพม่า บริเวณต้นน้ำมีชื่อเรียกว่า แม่น้ำเมข่า จนเมื่อไหลมารวมกับ แม่น้ำมะลิข่าที่เมืองมิตจีนา จึงเรียกแม่น้ำสายใหม่ว่า แม่น้ำอิรวดี หรือ เอยาวดี สองฝั่งที่ชุ่มชื้นของแม่น้ำสายนี้ เป็นที่ปลูกข้าวชั้นดีของพม่า ใกล้เที่ยงของเวลาพม่าที่ช้ากว่าไทยครึ่งชั่วโมง ทุ่งนาที่เห็นก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเมืองใหญ่ที่มีบ้านเรือนปลูกสร้างอยู่หนาแน่นริมแม่น้ำเอยาวดีแทน เดาไม่ผิดแน่...เมืองนั้นคือเมือง "มัณฑะเลย์" เมืองใหญ่อันดับสองของพม่า รองจากเมืองย่างกุ้ง หรือดะโกง เมืองหลวงเก่าที่อยู่ทางใต้ใกล้ปากแม่น้ำเอยาวดี |
เครื่องบินร่อนต่ำลงเรื่อยๆ....รอบๆเมืองมัณฑะเลย์ ยังเป็นทุ่งนากว้างใหญ่ บริเวณหมู่บ้านเล็กๆ มองเห็นเจดีย์รูปทรงต่างๆสร้างอยู่ทั่วไป... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps0c3ee289.jpg ถนนชนบทโรยด้วยลูกรัง มีให้เห็นอยู่หลายเส้นทาง สายชลเห็นแล้วให้สงสัย ถนนเหล่านี้จะเป็นเส้นทาง ที่เราจะใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆตลอดทริปนี้หรือเปล่านะ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps6b75c4ca.jpg ดีใจที่ก่อนเครื่องบินจะร่อนลงที่สนามบินมัณฑะเลย์ ได้เห็นถนนไฮเวย์ชั้นดี เลียบสนามบินไปเป็นทางยาว.... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps4c9c496f.jpg |
และแล้ว.....เครื่องบินหางแดงก็ลงจอดที่สนามบินมัณฑะเลย์ โดยสวัสดิภาพ สนามบินมัณฑะเลย์ดูหน้าตาเหมือนกับสนามบินเชียงใหม่ของไทย มีงวงให้เครื่องบินเข้าจอดแต่ก็ไม่ใช้เหมือนดอนเมือง พอเข้าไปรอพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ที่คิวเข้าแถวยาวเหยียด เราแทบจะลมจับ เพราะที่นั่นไม่เปิดแอร์ และการระบายอากาศก็ไม่ค่อยจะดีนัก กว่าจะผ่านออกมาเพื่อรับกระเป๋าได้ ก็เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง แปลก...ที่เราอารมณ์ไม่เสียและไม่เสียอารมณ์ เพราะทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและคนพม่าที่ทำงานอยู่ในสนามบิน (รวมทั้งในห้องน้ำ) ต่างยิ้มแย้มแจ่มใส ให้บริการจากใจกันทุกคน.... |
วันที่ 1....มัณฑะเลย์ - พิน อูล วิน เมื่อเราเดินทางออกจากสนามบินมัณฑะเลย์...แสงแดดแผดจ้า ไร้เค้าเมฆฝนอย่างที่เราได้เห็น ตอนออกจากสนามบินดอนเมือง รถบัสชั้นดีขนาด 30 ที่นั่ง จอดคอยเราอยู่หน้าสนามบิน....เราได้พบ น้องอาร์ต และ น้องอุ๋ย (โบเดีย แห่งบล๊อก OKnation ผู้เขียนหนังสือ "พาเที่ยวพม่า พม่าพาเที่ยว") ซึ่งทั้งคู่จะเป็นไกด์ไทยของเรา รวมทั้ง โกตา เจ้าของบริษัททัวร์ที่จะคอยดูแลเราตลอดการเดินทาง และ โกธง ไกด์พม่า ที่จะสื่อสารกับเราด้วยภาษาอังกฤษที่ชัดถ้อยชัดคำ รถแล่นออกจากสนามบินไปตามถนนไฮเวย์ ขนาดไปสองเลนสวนสองเลน ซึ่งเป็นถนนเไฮเวย์หมายเลข 1 ที่เชื่อมโยงจากแม่สอดของไทย ผ่านย่างกุ้ง เนปิดอว์ มัณฑะเลย์ และมุ่งไปทางเหนือจนถึงชายแดน ที่เรียกกันในพม่าว่า NH 1 วิ่งไปได้สักพัก รถบัสก็จอดให้เราทานข้าวเที่ยงกัน ข้างๆด่านเก็บเงินค่าผ่านทางนั่นเอง อาหารจานแรกในพม่าของเรา ถือเป็นออเดิฟเรียกน้ำย่อย....มะเขือเทศกับถั่วเน่าหวาน อร่อยอย่างไม่น่าเขื่อเลยล่ะค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps1007da52.jpg จานที่สอง....เป็นออเดิฟอีกเหมือนกัน หอมหัวใหญ่ราดซอสพริก จานนี้สายชลไม่กล้าลอง เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีที่ให้แปรงฟันระงับกลิ่นปากหรือไม่ค่ะ แต่คนที่ทานบอกว่าอร่อยดี... http://i1198.photobucket.com/albums/...psca013d10.jpg จากนั้น...อาหารจานหลักก็ตามมา หน้าตาและรสชาติไม่ต่างจากอาหารไทยมากนัก มีทั้งผัดเปรี้ยวหวานหมูผักรวม ไข่เจียว http://i1198.photobucket.com/albums/...ps87640261.jpg |
จานที่ถูกปากเราที่สุด เห็นจะเป็นไก่ทอด ใส่ขมิ้นนิดๆ หอมและอร่อยมากค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...psb6950be3.jpg จานสุดท้าย ที่มาพร้อมซุป แม้จะช้าจนเราใกล้จะอิ่มกันแล้ว เป็นผัดผักบุ้งสด ที่กรอบกรุบและรสชาติอร่อยได้ใจค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps8bea5e63.jpg ที่ทำให้ยิ้มกันได้ทั่วถึง เป็นของหวานหลังอาหาร....น้ำตาลมะพร้าวหยอดเป็นก้อน ขนาดเท่าหัวแม่มือ ที่หอมกรุ่นและหวานชื่นใจ http://i1198.photobucket.com/albums/...psf6fe4fad.jpg |
พิน อูล วิน (Pyin Oo Lwin) อิ่มหนำสำราญกับอาหารพม่าแบบจีนแล้ว รถบัสก็กลับเข้าด่านเก็บเงิน วิ่งไปบนถนน NH 1 สักพักก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน NH 3 มุ่งขึ้นที่ราบสูงที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์ สู่เมือง พิน อูล วิน (Pyin Oo Lwin) ซึ่งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ไม่ห่างจากชายแดนเชื่อมต่อกับรัฐฉาน (Shan State)...รัฐหนึ่งของชนกลุ่มน้อยในพม่า ถนนที่รสบัสแล่นไปนั้นเป็นถนนสายหลัก เชื่อมระหว่างพม่ากับจีน แม้จะเป็นถนนไฮเวย์ แต่สองเลนในแต่ละฟากก็เล็กมาก เมื่อเจอรถเทรลเลอร์ที่ขนสินค้าของจีนวิ่งอยู่อีกเลนก็แซงกันแทบไม่ได้ กอร์ปกับมีรถมากมายวิ่งอยู่บนถนน ระยะทางเพียง 60 กิโลเมตร จึงใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง แต่เราไม่เบื่อเลยค่ะ เพราะนั่งหลับไปตลอดทาง....:) บ่ายสามโมงเศษ...รสบัสก็แล่นถึงเมืองพิน อูล วิน...สายชลตื่นขึ้นมา ก็เห็นความสับสนวุ่นวายอยู่ตรงหน้า บนถนน มีทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และรถม้าแบบอังกฤษแล่นอยู่ไปมา... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps3f3a71bc.jpg แล้วก็มีวัวตัวผู้ลายดำบนพื้นขาว วิ่งอยู่กลางถนน รถและผู้คนต่างหลีกทางให้วัววิ่งปุเลงๆผ่านไปตามใจชอบ...เอ๊ะ! ให้เกียรติวัวกันอย่างสูง อย่างกับวัวในอินเดีย http://i1198.photobucket.com/albums/...psb78a4645.jpg ยิ่งเห็นหน้าตาของผู้คนที่อยู่บนท้องถนน และร้านค้าสองข้างทาง ที่เหมือนชาวภารตะ สายชลก็ยิ่งงงๆว่า เมืองนี้เป็นเมืองในอินเดียหรือพม่ากันแน่.... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps2cd61cfd.jpg |
ยังงงๆอยู่ เราก็ถูกต้อนลงจากรถบัส ไปขึ้นรถม้ารูปทรงเหมือนรถม้าซินเดอเรลล่า ที่ถูกเรียกมาจอดรอรับเราคันละสามคน สองคนให้นั่งในตัวรถ อีกคนนั่งคู่กับคนบังคับม้า (ที่หน้าตาเป็นแขกอินเดียชัดๆ) |
ถ้าคนนั่งอึกคนตุ้ยนุ้ยเหมือนสายชล คงจะนั่งในตัวรถม้าที่คับแคบด้วยกันไม่ไหว โชคดีได้จับคู่กับน้องจี๊ด...เพื่อนของน้องปอ สมัยที่ยังเรียนอยู่ด้วยกันอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งตัวเล็กจิ๋ว http://i1198.photobucket.com/albums/...ps087cb5d6.jpg ส่วนพวกที่ไปนั่งคู่คนขับม้า ซึ่งส่วนมากเป็นผู้ชาย(ตัวใหญ่)อย่างคุณสายน้ำ ได้ยินมาว่าต้องไปนั่งเบียดอยู่กับคนบังคับม้าอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ เจ็บก้นมากๆและแทบจะกระเด็นหลุดลงมาอยู่หลายครั้ง.... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps75503209.jpg ตอนก่อนรถม้าจะวิ่งก็ยังยิ้มกันออกค่ะ.. http://i1198.photobucket.com/albums/...ps333391b3.jpg โดยเฉพาะน้องปอ ยิ้มแป้นทีเดียว... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps37767031.jpg |
พวกเราทั้งหมด 26 คน ใช้รถม้า 9 คัน เริ่มเดินทางออกจากหน้าโรงแรม Bravo (ที่จะเป็นที่พักของพวกเราส่วนหนึ่ง) มุ่งหน้าเดินทางเที่ยวรอบเมืองพิน อูล วิน หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งคือ "เมย์ เมียว" (เมย์ เป็นชื่อของพันเอกเมย์ ชาวอังกฤษที่เข้ามาปราบพวกกบฏที่ต่อต้านอังกฤษ และ เมียว แปลว่าเมือง รวมแล้วแปลว่า เมืองของพันเอกเมย์) จุดแรกที่ผ่านคือ สุเหร่า ประจำเมือง...ที่นี่ มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก พอๆกับชาวอินเดียฮินดู ที่ในอดีตเดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้อยู่ก่อนบ้างแล้ว และเมื่ออังกฤษเข้ายึดครองพม่า ได้ใช้เมืองพิน อูล วิน เป็นฐานทัพใหญ่ และเป็นสถานที่ตากอากาศชั้นหนึ่ง เพราะที่นี่อยู่บนเขาสูงราว 1070 เมตร มีอากาศดี เย็นสบาย ภูมิประเทศสวยงาม โดยได้ว่าจ้างชาวกุรข่าน และคนในประเทศจักรวรรดิของตน มาเป็นทหารและดูแลรับใช้ ทำให้มีคนในชมพูทวีปที่อยู่ใกล้พม่าที่สุด เข้ามาอาศัยที่เมืองนี้เพิ่มมากขึ้น... http://i1198.photobucket.com/albums/...psd7605785.jpg หอนาฬิกาเพอร์เซลทาวเวอร์ เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของเมือง ถูกสร้างเป็นที่ระลึกในงานฉลองครบรอบ 25 ปี แห่งการครองราชย์ ของพระเจ้าจอร์จแห่งสหราชอาณาจักร์ เมื่อปี พศ. 2477 http://i1198.photobucket.com/albums/...psac5f4bdd.jpg จากหอนาฬิกา...รถม้าโขยกผ่านร้านเบเกอรี่ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในเมืองนี้ เราเลยหมายตาไว้ว่า หลังอาหารเย็นวันนี้ จะแวะมาชิมครัวซองกับชาที่ขึ้นชื่อลือชาของที่นี่กันสักหน่อย http://i1198.photobucket.com/albums/...ps6b1e14ec.jpg |
เมื่องพิน อูล วิน เป็นที่ตั้งของวิทยาลัยป้องกันประเทศที่มีชื่อเสียงที่สุดของพม่า ภายในวิทยาลัยกว้างขวางใหญ่โตและร่มรื่นมาก เสียดายที่เราได้เพียงแต่นั่งรถม้าผ่านไป http://i1198.photobucket.com/albums/...ps34ffd1bc.jpg รถม้าเริ่มวิ่งออกไปนอกเมือง ร้านค้าตึกแถว และรถบนถนนเริ่มลดน้อยลง สองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นร่มรื่น และมีบ้านรูปทรงยุโรปที่มีสวนสวยงามโผล่มาให้เห็น.. http://i1198.photobucket.com/albums/...pse0f3966c.jpg รถม้าโขยกเขยกขึ้นเนินสูงขึันๆ...รถม้าคันอื่นที่อยู่ข้างหลัง เริ่มวิ่งแซงรถม้าของเราไป คันแล้วคันเล่า จนในที่สุด เราก็กลายเป็นผู้อยู่รั้งท้ายขบวนไป http://i1198.photobucket.com/albums/...psbc6d6a8f.jpg และแล้ว....จู่ๆเจ้าม้าแกลบที่รับภาระหนักลากรถม้ากับคนอีก 4 คน ก็หยุดวิ่งซะเฉยๆ เท่านั้นยังไม่พอ มันพยายามเอี้ยวตัวเลี้ยว เพื่อกลับลงไปจากเนินสูง จนรถม้าเอียงวูบ สารถีของเรารีบกระโดดโสร่งปลิวลงไปดันรถไม่ให้ล้ม แล้วหันมาดันหัวม้าไม่ให้เลี้ยวกลับ กว่าจะกล่อมม้าได้ ก็เล่นเอาเราใจหายใจคว่ำ เกรงว่ารถม้าจะคว่ำจนเกิดอันตราย หรือไม่เราเองต้องลงเดินขึ้นเนินไปเอง แทนที่จะได้นั่งรถม้าสบายๆ... |
ม้าค่อยๆกระย่องกระแย่งเดินขึ้นเนินไป จนผ่านป้ายที่ชี้ว่าไปทางจวนผู้ว่าราชการ http://i1198.photobucket.com/albums/...psbec97391.jpg รถม้าคันอื่นๆไปถึงนานพอควร พอผู้โดยสารลงหมดก็กลับรถม้า และจอดเรียงรายคอยอยู่ แต่รถม้าของเราเพิ่งมาถึงค่ะ... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps911a84e0.jpg เจ้าม้าลากรถของน้องปอท่อแตก ปล่อยน้ำออกมานองพื้น....ท่าจะอั้นไว้นาน http://i1198.photobucket.com/albums/...psb51d2c77.jpg สายชลลงจากรถได้ ก็เดินไปปลอบขวัญเจ้าม้าลากรถของเรา...โอ้! พระเจ้าช่วย ม้าตัวเล็กนิดเดียว เหมือนม้าแกลบที่หัวหิน แต่ต้องลากรถที่มีคนถึง 4 คน (มีสองคนที่น้ำหนักรวมกันเกือบสองร้อยกิโลกรัม)นั่งอยู่....ช่างน่าสงสารจริงๆเลยค่ะ เดี๋ยวขากลับเจ้าม้าแกลบตัวนี้จะวิ่งกลับไหวไหมหนอ |
ห่วงม้า แต่ก็ยังอดห่วงถ่ายภาพไม่ได้ เพราะจวนผู้ว่าฯ ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นบ้านรับรองของทางการ เป็นจุดไฮไลท์หนึ่งของเมืองนี้ ที่ต้องมาเยือน http://i1198.photobucket.com/albums/...ps03d95558.jpg พวกเราหามุมถ่ายภาพและแอ๊คท่าเป็นนายแบบ-นางแบบกันตามถนัด แต่ไม่มีใครเท่เท่าน้องปอเลยค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...psf178d687.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps6ebe3a8c.jpg น้องอุ๋ยไกด์สาวของเรา ก็เก๋ไม่เบา... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps844072c1.jpg |
รูปทรงของบ้านและสวนสวย มีเสน่ห์ไม่น้อยเลยค่ะ... http://i1198.photobucket.com/albums/...psd7c29e8a.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps1ccb020b.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps3403d663.jpg |
ถ่ายภาพกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เราก็ขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปชมสถานที่อื่นต่อไป...ขากลับรถแล่นลงเนิน ม้าของเราเลยไม่ต้องเหนื่อยมากเหมือนตอนขาไป http://i1198.photobucket.com/albums/...ps96e55652.jpg น้องอาร์ต...ไกด์ที่น่ารักและตลกสุดๆของเรา นั่งสบายๆอยู่ท้ายรถม้า http://i1198.photobucket.com/albums/...ps88da67f2.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps5e6d455a.jpg |
รถม้าวิ่งเยาะๆไปเรื่อยๆ จนไปหยุดที่โบสถ์สูงทำด้วยอิฐสีแดง หน้าต่างสีขาว ชื่อ All Saints ซึ่งสวยเหมือนโบสถ์ตุ๊กตา http://i1198.photobucket.com/albums/...ps40027043.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps4218337c.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps37f5f14b.jpg |
โบสถ์สวยแห่งนี้ มีเสน่ห์ตรงหอระฆังทรงสี่เหลี่ยมสูงสง่า และตัวอาคารรูปทรงหกเหลี่ยม ที่อยู่เคียงข้างกัน แต่หลังคาสังกะสีผุๆกระดำกระด่างทำให้หลอนๆชอบกลค่ะ... http://i1198.photobucket.com/albums/...psd78cd4e7.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...psab61faa2.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps25596351.jpg |
น้องอาร์ตเร่งเราให้รีบขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางต่อ เพราะยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมาก แต่แสงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าอยู่ร่อมร่อ... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps704bd954.jpg สองข้างทางมีบ้านทรงโบราณสวยๆให้เราชมไปตลอดทาง...แต่ถนนที่ขรุขระๆ ทำให้การถ่ายภาพเป็นไปด้วยความลำบาก ภาพไหวไปซะมาก http://i1198.photobucket.com/albums/...psa6b45025.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...psd70d6632.jpg |
ในที่สุด...เราก็มาถึงโบสถ์สไตล์โคโลเนี่ยล Immaculate Conception Church ที่ถูกส้รางขึ้นเมื่อปีค.ศ.1914 ที่สวยที่สุดในเมืองนี้ ปีนี้ โบสถ์จะมีอายุครบ 100 ปี และยังคงเปิดให้ศาสนิกชนไปใช้อยู่เป็นประจำ จากวันที่เปิดจนถึงวันนี้ (หมายเหตุ: ได้มีการฉลองวันครบรอบ 100 ปี ของโบสถ์แห่งนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา) โชคดีที่วันนี้มีจันทร์ค้างฟ้าให้เราถ่ายคู่กับโบสถ์ด้วย.... |
มีการถ่ายภาพเดี่ยว ภาพคู่ และภาพหมู่กันตามธรรมเนียม....เห็นตากล้องและคนช่วยเชียร์ตากล้อง ซึ่งไม่ใช่อื่นไกล สารถีของเราเองแล้ว ก็อดยิ้มไม่ได้ค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps0e3d4135.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps26f32597.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps5d17ffe9.jpg |
ตะวันเกือบจะลับขอบฟ้า เมื่อเราเดินทางไปถึงร้านอาหารจีนในตัวเมืองพิน อูล วิน...เราขอบคุณและร่ำลาสารถีและม้าที่พาเราเที่ยวรอบเมืองที่ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง http://i1198.photobucket.com/albums/...pscd17f4d3.jpg ขอนั่งพักเหนื่อย ก่อนจะทานช้าวเย็นค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps85d1b266.jpg |
ทานข้าวเย็นที่แสนอร่อยเสร็จแล้ว (ขออภัย ลืมถ่ายภาพอาหารเพราะหิวจนตาลาย) ...เราก็ไปเดินเล่นกัน ตั้งใจว่าจะไปให้ถึงร้าน Golden Triangle เพื่อทานครัวซอง เค๊ก และชา... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps7b4f7c05.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...psb7b66e43.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps66698ab0.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps14e7c16b.jpg |
แต่ปรากฎว่า เดินผ่านโรงแรมที่เราจะพัก ไปได้ไกลแค่หอนาฬิกา เราก็เดินต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงเดินย้อนกลับมาแถวหน้าโรงแรมที่พัก เพื่อนั่งคอยกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในรถบัส และเช็คอินเข้าห้องพักโรงแรม.... ระหว่างนั่งคอย...เราสังเกตเห็นร้านเล็กๆริมถนนเปิดไฟสว่างจ้า มีคนเข้าคิวรอซื้อของอยู่ร่วมสิบคน และยังมีคนทยอยเข้ามาซื้ออยู่เรื่อยๆ ด้วยความสงสัยว่าร้านนี้ขายอะไร เราจึงขอโผล่หน้าเข้าไปดูสักหน่อย ดูแล้วจึงถึงบางอ้อ...ร้านขายหมาก นั่นเอง คนที่นี่ยังนิยมกินหมากกันมาก เรียกว่าเสพติดกันเลยทีเดียวค่ะ คืนนั้น...กว่าเราจะเช็คอินเข้าพักใน โรงแรมเมย์เมียวได้ ก็กว่าสองทุ่มแล้ว โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่เพิ่งสร้างเสร็จและเปิดดำเนินการ เมื่อเดือนเมษายนปีนี้เอง สภาพห้องพักของที่นี่จึงดูดี สะอาดสะอ้าน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ดูแล้วราวกับห้องพักโรงแรม 4 ดาว ไม่ใช่ 2 ดาว อย่างที่ถูกจัดระดับ เสียดายที่เราไม่ได้ถ่ายภาพไว้ ทั้งนี้เพราะเหนื่อยและเพลีย จนไม่อยากทำอะไร...นอกจากนอน.... |
เกาะขอบจอ รมชมต่อครับ
|
ขอบคุณน้องเด็กน้อยแทนพี่สายชลด้วยครับที่คอยติดตามและเข้าบ้านนี้อย่างสม่ำเสมอ ... นึกว่าบรรดาสมาชิกเก่าๆจะไม่มีใครสนใจบ้านหลังนี้เสียแล้ว |
ขอบคุณค่ะน้องเด็กน้อย ที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลายค่ะ...:) |
ผมต้องขอบคุณ พี่สองสายมากกว่าครับ
ไปเที่ยวก็มีรูป สวยๆ พร้อมคำบรรยาย กลับมาให้ทุกคนในบ้านได้ ติดตาม ชื่นชมครับ |
อย่างไรก็ต้องขอบคุณน้องเด็กน้อย สำหรับน้ำใจที่มีให้แก่กันเสมอมาค่ะ...:) เรื่องนี้อยากเขียนและลงภาพออกมาเร็วๆ...เพราะประทับใจกับทริปนี้มาก และในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า จะกลับไปเที่ยวที่พม่าอีกรอบ ถ้าไม่รีบลงเรื่อง จะกลายเป็นดินพอกหางหมูไปค่ะ... |
วันที่ 2....พิน อูล วิน-สะพานรถไฟก๊กเต๊ก-สีป้อ-มัณฑะเลย์ เมื่อคืนนอนหลับสลบไสลไม่ได้สติไป ตั้งแต่ยังไม่ห้าทุ่มดี ทำให้การตื่นตั้งแต่ตีสามในเช้าวันใหม่ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ลำบากยากเย็นนักสำหรับสายชล เมื่อเก็บของและนำไปวางไว้ที่ล๊อบบี้ของโรงแรมในตอนตีห้าแล้ว สองสายก็ออกเดินดุ่มๆจากโรงแรม มุ่งหน้าไปทางหอนาฬิกา ที่ตลาดเช้าขาย-สายหยุด ของเมืองพิน อูล วิน ตั้งอยู่ ตามที่ได้รับการบอกเส้นทางจากน้องอาร์ตมาตั้งแต่เย็นวาน... อย่างไรก็ตาม....กว่าจะไปถึงตลาดได้ เราต้องใช้ภาษาใบ้ถามทางกับชาวเมืองอยู่ถึงสองสามยก ... ตลาดสดที่นี่ ไม่ต่างจากตลาดสดในชนบทของไทย และของประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆรอบๆไทย คือวางสินค้าซึ่งส่วนมากเป็นพืชผักผลไม้ไว้กับพื้นถนน อย่างดีก็มีกระดาษหนังสือพิมพ์หรือผ้าพลาสติกลองกันเปื้อนไว้ชั้นหนึ่ง...และเนื่องจากท้องฟ้ายังมืดมิด เจ้าที่ไม่มีไฟฟ้าโยงมาใช้ จำต้องอาศัยตะเกียง เทียน หรือ ไฟฉาย ส่องให้แสงสว่าง http://i1198.photobucket.com/albums/...ps7ddc23e4.jpg พืชผักผลไม้ของที่นี่ หน้าตาไม่ได้ต่างจากของบ้านเรานัก http://i1198.photobucket.com/albums/...pscbe939b5.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps483b270f.jpg |
ฟักแม้วที่นี้ใหญ่ได้ใจ แต่มะเขือยาวกลับเล็กๆบิดๆเบี้ยวๆชอบกลค่ะ... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps3d57c216.jpg ส่วนผลไม้ ก็เป็นผลไม้พื้นๆ ซึ่งน่าจะนำเข้ามาจากจีนมากกว่าจะเป็นผลผลิตของเมืองนี้ ส่วนสตรอเบอรี่ที่ได้ยินว่าเป็นผลไม้เลื่องชื่อของที่นี่ ก็ยังไม่มีวางขายให้เห็น http://i1198.photobucket.com/albums/...ps89d3030f.jpg เมืองนี้ได้ยินว่ามีการปลูกดอกไม้เมืองหนาวได้ดี มีผลผลิตมาก จนส่งไปขายที่เมืองอื่น ทั่วประเทศ แต่ที่ได้เห็นวางขายอยู่นั้น มีแต่ดอกเบญจมาศและดอกเมย์เมียว (คล้ายๆดอกเบญจมาศ แต่เล็กกว่า) http://i1198.photobucket.com/albums/...psb44d3d2a.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps4bd57627.jpg |
ดอกมะลิที่นี่ก็มี แต่หน้าตาเหมือนดอกมะลิป่า หรือ มะลิวัลย์ ที่ถูกนำมาร้อยหัวร้อยท้ายด้วยด้ายเป็นสาย ยาวราวครึ่งฟุต แล้วนำมามัดรวมกัน 4-5 เส้น ขายเหมือนพวงมาลัยบ้านเรา http://i1198.photobucket.com/albums/...ps4b437c76.jpg พวกน้องๆจากศิลปากร นำโดยน้องปอ ดูจะสนใจอาหารสดของที่นี่มากกว่าค่ะ ได้ยินมาว่า ขนมจีนของที่นี่อร่อยถูกใจมาก รวมทั้งถั่วทอด แป้งทอด และข้าวเหนียว http://i1198.photobucket.com/albums/...psf9746d8e.jpg |
แสงทองเริ่มจับขอบฟ้า...แม่ค้าก็เริ่มทยอยเก็บของที่วางขายเกลื่อนกลาดอยู่กลางถนน http://i1198.photobucket.com/albums/...ps258369e6.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps83145c0d.jpg ที่ต้องรีบเก็บของ ก็เพราะมีรถยนต์และจักรยานยนต์เริ่มเข้ามาวิ่งบนถนน แล้วระดมบีบแตรไล่แม่ค้าและคนซื้อดังลั่นไปหมด http://i1198.photobucket.com/albums/...psfeb2fdc6.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps5de7a176.jpg |
ตลาดเริ่มวาย...แล้วจะอยู่ไปใย ไม่มีอะไรจะให้ดูแล้วค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...psc8eec919.jpg เราเดินย้อนกลับไปทางที่เดินมา ถนนหนทางยังเงียบสงบ ไม่เหมือนกับเมื่อเย็นวานที่สับสนวุ่นวาย http://i1198.photobucket.com/albums/...ps2ce1a8eb.jpg หอนาฬิกาตื่นทั้งวันทั้งคืน เพื่อรับใช้บ้านเมืองและชาว พิน อูล วิน...ดูเวลาใกล้จะหกโมงเช้าแล้ว ท้องฟ้ายังสลัวมัวซัวอยู่เลยค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...psb9333672.jpg ร้านค้าทั่วไปยังไม่เปิดทำการ... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps8e2faaed.jpg |
ประตูสุเหร่าก็ยังไม่เปิด http://i1198.photobucket.com/albums/...ps573f69d7.jpg ถ้าสายๆ คงถ่ายภาพสุเหร่าโดดๆอย่างนี้ไม่ได้ เพราะรถราแลผู้คนคงขวั่กไขว่ไปมา (เหมือนสายไฟที่ระโยงระยาง เหมือนใยแมงมุม) http://i1198.photobucket.com/albums/...ps7aad28c3.jpg และแล้วไม่นาน....การจรจรเริ่มสับสนวุ่นวาย http://i1198.photobucket.com/albums/...ps522c9f4b.jpg |
ใกล้เวลานัดหมายทานอาหารเช้า ตามสไตล์ชาว พิน อูล วิน...เรารีบเดินไปที่ร้านน้ำชาเจ้าดังที่สุดของเมือง ชื่อติดหราว่า "๋Myitt Tathit Tea Shop" ร้านนี้อยู่ห่างจากสุเหร่าเพียง 50 เมตร และ อยู่ประชิดติดหลังโรงแรมที่เราพักนั่นเอง http://i1198.photobucket.com/albums/...pse074d04c.jpg ยังไม่ทันจะเจ็ดโมงดี ร้านก็แน่นแล้วค่ะ ที่เห็นอยู่นี่แค่หนึ่งในสามของร้านเท่านั้นค่ะ...คนหน้าตาแปลกปลอมนั่น พยายามบอกเราว่าเป็นทหารเก่าของเมือง พูดมาก(แบบไม่รู้เรื่อง)ซะจนเราต้องย้ายโต๊ะหนี http://i1198.photobucket.com/albums/...psc1090b98.jpg อาหารทะยอยมาแล้วค่ะ...เห็นแล้วนึกว่าอยู่ในเมืองแขก เพราะมีทั้งโรตี นาน กะหรี่ปั๊บ แกงถั่วที่เรียกว่า "ดาล (Dal)" http://i1198.photobucket.com/albums/...psb7db45fa.jpg ที่ถูกใจมาก....โรตีราดเนย ได้นมข้นมาจิ้มด้วย ยิ่งอร่อยเหาะไปเลยค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps53b7ffd9.jpg |
คนชอบอาหารแขกอย่างสายชล รับประทานไปยิ้มไป น้องๆที่ร่วมโต๊ะคนอื่นๆก็เคี้ยวกันตุ่ยๆเลยค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps9234da53.jpg ทานอาหารที่นี่ ต้องสั่งชามาดื่มแก้เลี่ยน เพราะรสชาติกลมกล่อม ถ้าสั่งกาแฟ จะได้เนสกาแฟ Three in One มาดื่มให้เสียอารมณ์ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps04b4f6db.jpg ทานเสร็จก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องน้ำในโรงแรมของใครของมันให้เรียบร้อย เพราะเดี๋ยวจะต้องไปขึ้นรถไฟเดินทางยาวไกลทีเดียวค่ะ... http://i1198.photobucket.com/albums/...ps6beed2b2.jpg http://i1198.photobucket.com/albums/...ps6f1a3abd.jpg |
สถานีรถไฟ พิน อูล วิน (Pyin Oo Lwin) แปดโมงเช้า....ล้อรถเริ่มเคลื่อน ไม่นานนักก็ถึงสถานีรถไฟ พิน อูล วิน ที่เก่าแก่ ซึ่งได้ยินว่าจะถูกรื้อทิ้ง เพื่อสร้างใหม่ให้ใหญ่โตมโหฬาร เป้าหมายหลักของการใช้บริการรถไฟของพม่าครั้งนี้ก็คือ การเดินทางไปชมความมหัศจรรย์ของ สะพานรถไฟก๊กเต๊ก หรือ ก๊อกเต๊ก (Gokteik) ซึ่งเป็นสะพานรถไฟที่ยาวที่สุด สูงที่สุดและเก่าที่สุดของประเทศพม่า แถมยังได้ครองตำแหน่งสะพานรถไฟที่สูงที่สุดในอาเซียน และเป็นอันดับสองของโลก และปลายทางก็คือเมือง สีป่อ (Hsipaw) หรือ เมืองธีบอ (Thibaw) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของรัฐฉาน (Shan State) หลังถ่ายภาพรวมหน้าสถานีรถไฟแล้ว เราก็แยกย้ายกระจัดกระจายไปถ่ายภาพสถานี เดินเล่น และซื้อหาของกินของใช้เล็กๆน้อยในตลาดสดหน้าสถานี...สายชลเลือกไปถ่ายภาพสถานี และวิถีชีวิตของผู้คนที่เดินไปเดินมาอยู่แถวๆสถานีรถไฟค่ะ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps8d0cfc72.jpg สถานีรถไฟฟ้าแห่งนี้ อยู่เหลือระดับน้ำทะเล 3,506 ฟุต หรือราว 1,062 เมตร http://i1198.photobucket.com/albums/...ps24689e7e.jpg เขาเขียนว่าอะไรบ้างก็ไม่ทราบได้ค่ะ.. http://i1198.photobucket.com/albums/...pscb73f1a1.jpg |
โครงสร้างภายในสถานี ดูโปร่งโล่งสบาย...เห็นแล้วเสียดายที่จะถูกรื้อทิ้ง http://i1198.photobucket.com/albums/...ps8621f67d.jpg ในช่วงฤดูหนาว ที่นี่คงเย็นมาก จึงต้องมีเตาผิงแบบฝรั่ง ไว้ในห้องที่ทำการพนักงานรถไฟ http://i1198.photobucket.com/albums/...psb5e339a3.jpg ส่วนที่พักผู้โดยสาร เปิดโล่ง เย็นสบายดี แต่ช่วงฤดูหนาว ลมเย็นๆโชยมา คงจะหนาวน่าดู http://i1198.photobucket.com/albums/...ps6f6a54a3.jpg |
ต้นสนสูงใหญ่ ขนาดต้องแหงนหน้ามองยอด คงจะอยู่เคียงข้างสถานีแห่งนี้มานาน เมื่อสถานีถูกรื้อทำลาย ต้นสนใหญ่จะยังยืนอย่างสง่างามเหมือนในยามนี้ไหมหนอ http://i1198.photobucket.com/albums/...ps216e736f.jpg ตู้ไปรษณีย์เก่าแก่อยู่คู่สถานีมานาน ก็น่าจะถูกย้ายออกไป http://i1198.photobucket.com/albums/...pse7b6a0fa.jpg นั่งคอยคุณสายน้ำและพวกเราเกือบทั้งกลุ่ม ที่ออกไปเดินเล่นและซื้อของในตลาดค่ะ... http://i1198.photobucket.com/albums/...psc4aeec72.jpg |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:32 |
vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger