ไปค้นหาข้อมูลของอ่าวทุ่งมหา ใน Google ได้พบว่า ที่อ่าวทุ่งมหานี้ มีปราชญ์ชาวบ้านที่มีชื่อเสียงอยู่ด้วยท่านหนึ่ง เชิญอ่านดูนะคะ
จาง ฟุ้งเฟื่อง ปราชญ์ชาวบ้าน นักอนุรักษ์ปูม้า แห่งอ่าวทุ่งมหา
ที่มา http://www.santirat.net
"ถ้าอยากรู้เรื่องปู ต้องมาดูลุงจาง" สโลแกนประจำตัวของประธานธนาคารปู จาง ฟุ้งเฟื่อง เฒ่าทะเลวัย 70 ปี แห่งบ้านเกาะตืบ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ผู้มีความสุขอยู่กับการอนุรักษ์พันธุ์ปู ที่มีจำนวนลดน้อยลงทุกวัน ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น วิธีการนี้ขยายไปสู่ฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน นับเป็นปราชญ์ชาวบ้านที่น่ายกย่อง
ภาพจาก http://share.psu.ac.th/blog/coasta-activities/6979
ฟื้นฟูคู่อนุรักษ์ รู้จักใช้อย่างยั่งยืน
มันก็คล้ายๆ กับการฝากเงิน-ถอนเงินของธนาคาร แต่เปลี่ยนมาเป็นการฝากแม่ปูและจับปูแทน ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ ธนาคารปู ส่วนดอกเบี้ยก็คือ ลูกปู ที่ปล่อยลงทะเล ถึงเวลาก็ไปจับขึ้นมาขาย เป็นรายได้ของชาวบ้าน ส่วนแม่ปูที่ไข่หลุดจากกระดอง ก็เอาไปขายนำเงินเข้าเป็นสวัสดิการแก่สมาชิกในกองทุนต่อไป
คนในวัย 70 คงถึงเวลาแก่การพักผ่อน มีความสุขอยู่กับลูกหลาน หลังต้องตรากตรำทำงานหนักมาค่อนชีวิต แต่สำหรับ ลุงจาง ฟุ้งเฟื่อง เฒ่าทะเลแห่งอ่าวทุ่งมหา เจ้าของแนวคิดธนาคารปู กลับมีความสุขอยู่กับการอนุรักษ์พันธุ์ปู ที่มีจำนวนลดน้อยลงทุกวัน ก่อนแนวคิดนี้จะแพร่กระจายไปสู่หลายพื้นที่ ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
ลุง จางได้ริเริ่มก่อตั้ง ธนาคารปู เมื่อปี 2545 หลังทะเลที่ทำกินอยู่เกิดวิกฤติหนัก หลังจากที่มีเรือประมงขนาดใหญ่ลักลอบเข้ามาหากินบริเวณชุมชนเกาะเตียบ อ่าวทุ่งมหา โดยเรือที่ว่าใช้ลอบที่มีขนาดตาถี่เกินไป หรือที่ชาวเลรู้จักกันดีว่าลอบ 1 นิ้ว 2 หุน แทนที่จะได้ปูตัวใหญ่อย่างเดียว แต่กลับลากลูกปูที่อยู่ในวัยอนุบาลขึ้นมาด้วย จากจำนวนปูม้าที่เคยจับได้อย่างเป็นกอบเป็นกำก็เริ่มลดจำนวนลงอย่างรวด เร็ว...
เพียงหนึ่งปีภายหลังเกิดวิกฤติ ลุงจางจึงออกไปพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อรวบรวมสมาชิกสำหรับจัดตั้งเป็นกลุ่ม ได้รับความสนใจดีทีเดียว แต่ติดปัญหาที่ขาดแหล่งเงินทุน ในการทดลองและจัดซื้ออุปกรณ์ ลุงจึงเข้าไปปรึกษากับหน่วยงานประมงในจังหวัดชุมพร แม้จะเข้าไปท่ามกลางความกลัว เนื่องจากไม่แน่ใจว่าหน่วยงานจะเชื่อใจหรือไม่ เพราะไม่เคยมีคนใช้วิธีแบบนี้มาก่อน
แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีหลัง ทุกอย่างพร้อมลุงจางจึงเริ่มลงมือ เวลาผ่านไปไม่นานก็เห็นผลงาน เมื่อพบว่าจำนวนลูกปูมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความสำเร็จก็เป็นรูปธรรมมากขึ้น จากที่วันหนึ่งๆ แทบจะจับปูไม่ได้เลย แต่ภายหลังมีโครงการธนาคารปู จำนวนปูม้าก็ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความอุตสาหะดังกล่าวทำให้ลุงจาง ได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นคนดีศรีชุมพรในปี 2549 และคว้ารางวัลชนะเลิศคนดีทำงานเพื่อสังคมดีเด่นจากบริษัท กรุงเทพประกันภัย ในปีเดียวกัน
ผลงานเป็นที่ประจักษ์จนกล้าเอ่ยปากได้ว่า "ถ้าอยากรู้เรื่องปู ต้องมาดูลุงจาง"
0 อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการก่อตั้งธนาคารปู
จริงๆ แล้ว ในอดีตอ่าวทุ่งมหานี้ปูม้าประมาณ 80-92 เปอร์เซ็นต์ แต่พอในปี 2544 ปูม้าเริ่มหายไป ชาวบ้านอยู่ไม่ได้ คนอื่นก็หันไปทำอย่างอื่น ผมก็มานอนคิดว่าทรัพยากรตัวนี้เราใช้มากเกินไป โดยที่เราไม่ได้เหลียวแลเลย บังเอิญได้ยินสมเด็จพ่อของเราท่านพูดไว้ว่าทรัพยากรยังมีอยู่ ถ้าเรารู้จักใช้ รู้จักดูแล ตรงนี้เขาจะอยู่กับเราอย่างยั่งยืน ผมก็มาคิดตรงนี้ว่า ที่ผ่านมาเราไม่ได้ดูแลเขาเลย มีแต่จับอย่างเดียว ก็เลยมาปรึกษากับผู้ใหญ่ว่าจะทำอย่างไรจะให้ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์และขยาย พันธุ์ปูเพิ่มขึ้น ผู้ใหญ่ก็อนุเคราะห์กระชังมาให้ลูกหนึ่ง ต่อมาศูนย์วิจัยประมง จ.ชุมพร ได้เข้ามาดูแลช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ จากนั้นในปี 2547 อบต.บ้านปากคลอง ก็มาสร้างอาคารศึกษาดูงานให้ 1 หลัง
0 ที่ผ่านมามีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้าง
เริ่ม ก่อตั้งกลุ่มเมื่อปี 2545 ตอนนั้นมีสมาชิก 4 คนก็บอกว่าทุกคนขอให้เอาแม่ปูมาฝากกับธนาคาร ผมเป็นประธานกลุ่ม เมื่อตกลงกันแล้วสมาชิกก็เอามาฝากไว้กับผม วันละตัว ทุกวันนี้นี้ผมจะเอาแม่ปูไปเลี้ยงในกระชังทุกวัน ช่วงแรกเราขอคนละตัว คุณได้ 4-5 ตัวเราขอวันละตัว เพื่อเสียสละนำร่อง เรามองว่าถ้าเราเอาของเขามาก เขาไม่ร่วมกับเราแน่ เพราะวิธีการอย่างนี้มันไม่มีที่ไหนทำ คนที่ไม่ร่วมกับเรา เขาพูดกันว่าลุงจางมันบ้า เพราะว่าถ้าโครงการนี้ดี ไม่ตกมาถึงมือผม มีคนทำหมดแล้ว ผมถามว่ามีคนที่คิดตรงนี้สักกี่คนถ้าเราไม่ทำ เราไม่ลอง เราก็ไม่รู้ ผมประกาศในกลุ่มว่าใครจะทำไม่ทำ ผมไม่ว่า แต่ผมจะทำ แม้จะมีผมคนเดียวก็จะทำ ผมตั้งปณิธานไว้อย่างนั้น คุณเอ๊ยมันมีอุปสรรคมาก ในช่วงแรกๆ คนเขาไม่ค่อยเห็นด้วย
0 กลุ่มวางกฎระเบียบไว้อย่างไร
กฎที่วางไว้คือ1.ลอบที่ใช้ต้องใช้ ลอบตาห่าง 2.5 นิ้ว เพื่อให้ปูที่ตัวเล็กหรือปูที่กำลังเติบโตมีโอกาสหลุดรอดออกไปแพร่พันธุ์ 2.สมาชิกที่จะจับปูม้าในเขตอ่าวทุ่งมหา หรือเกาะเตียบนั้นจะต้องทำตามกติกาที่วางไว้ คือ นำแม่ปูมาฝากไว้เท่าไร ก็จับปูม้าได้แค่นั้น คือยิ่งฝากแม่ปูมาก ก็ยิ่งจับปูม้าได้มากขึ้น มันก็คล้ายๆกับการฝากเงินถอนเงินของธนาคาร แต่เปลี่ยนมาเป็นการฝากแม่ปูและจับปูแทน ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ ธนาคารปู ส่วนดอกเบี้ยก็คือลูกปูที่ปล่อยลงทะเลให้มันเติบใหญ่ถึงจะไปจับขึ้นมาขาย เป็นรายได้ของชาวบ้านต่อไป ส่วนแม่ปูไข่ที่ชาวบ้านนำมาฝากไว้ ผมก็นำไปเลี้ยงต่อประมาณ 7 วัน จนไข่แม่ปูหลุดจากกระดองไปแล้ว ก็จะนำแม่ปูของสมาชิกที่ฝากไว้ไปขายเพื่อนำเงินที่ได้เข้ากองทุนธนาคารปู ซึ่งขณะนี้ฝากไว้ที่ ธ.ก.ส.สาขามาบอำมฤต ซึ่งเงินก้อนนี้จะนำมาเป็นสวัสดิการแก่สมาชิกกองทุน
0 ทำไมทำเฉพาะปูม้า
ปูอื่นก็ได้ครับแต่ขอ ปูม้าก่อน เพราะเป็นปูที่ขายได้ราคา ส่วนปูดำไม่มีวันหมด ตราบใดที่ยังมีป่าชายเลนสมบูรณ์ อย่างที่นี่ยังมีปูดำอีกมาก ตั้งแต่ป่าชายเลนสมบูรณ์นี่ ปูดำยั้วเยี้ยไปหมด แต่ราคาไม่ดีเท่าปูม้า
0 วางอนาคตโครงการธนาคารปูไว้อย่างไร
ใน อนาคตให้สมาชิกได้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อไปคือทำเรื่อยๆ อย่างที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ วันนี้อาจไหวอยู่ แต่ต่อไปคงทำเองไม่ไหว สมาชิกจะได้สานต่อไปได้ ทุกวันนี้ใครหรือหน่วยงานไหนจะมาขอแนวความคิด ขอการทำงาน ผมยินดีให้เป็นวิทยาทาน ตราบใดยังมีลมหายใจ ยังมีชีวิตอยู่ จริงๆ แล้วตรงนี้เป็นแนวความคิดของผมเอง มีฝรั่งจากเนเธอร์แลนด์มาดูงาน เขาก็ถามว่าลุงไปก๊อบปี้ใครมา ผมก็บอกว่าแนวทางนี้มีแต่คนมาก๊อบปี้ผม
0 คติประจำใจในการทำงานของลุง
ถ้าคติ ประจำใจของผมก็คือฟื้นฟู คู่อนุรักษ์ รู้จักใช้อย่างยั่งยืน คือใช้ยังไงไม่ให้ทรัพยากรธรรมชาติหมดไป ตรงนี้ผมยึดมั่นเลย แล้วก็กลุ่มที่มาดูงานต่างๆ ถ้าคุณหาคำขวัญไม่ได้ ขอให้นำคำขวัญของผมใช้ คำขวัญผมนี่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ (หัวเราะ)
0 มีความรู้สึกอย่างไรต่อรางวัลนี้
การทำงานของผมจริงๆไม่ได้ ตั้งเป้าหมายว่าจะได้รับรางวัล แต่การทำงานตรงนี้ทำเพื่อส่วนรวม การหวังรางวัลผมก็ไม่เคยหวังตรงนั้น แต่ขณะนี้ที่ผมได้รับรางวัลเมื่อปี 2549 รางวัลคนดีศรีชุมพร ก็ได้เข็มเกียรติยศ ป้ายประกาศเกียรติคุณ พออีกครั้งหนึ่งจากบริษัท กรุงเทพประกันภัย ก็มาให้รางวัลอีกในฐานะคนดีทำประโยชน์เพื่อสังคม เมื่อได้แล้ว มันก็ต้องดีใจ ทีนี้มาดีใจมากอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ไปประเทศญี่ปุ่น ขนาดญี่ปุ่นเรียกว่าประเทศพัฒนาแล้วเขายังสนใจโครงการของเรา แล้วเขาก็เชิญให้ผมเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับธนาคารปู ญี่ปุ่น
แล้วก็มาครั้งนี้ที่จะให้ไปรับรางวัลแทนคุณแผ่นดิน (ในปี 2550 )ผมดีใจสุดๆ เหมือนกัน เพราะว่าคนทำความดี ความดีย่อมมาหา แต่จริงๆ เป้าหมายที่ผมทำโครงการธนาคารปูนั้น ผมพูดด้วยน้ำใสใจจริงว่าผมไม่ได้ทำเพื่อรางวัล แต่คนที่ทำความดีตรงนี้รางวัลมาหาเอง คิดว่าคนที่จะทำโครงการอะไรก็ตาม อย่าทำเพื่อหวังรางวัล ถ้าทำเพื่อหวังรางวัลถ้าผิดหวังจะเสียใจ
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ทำ ความรู้จักกับ "ธนาคารปู"
http://share.psu.ac.th/blog/coasta-activities/6979
http://www.siangdek.com/index.php?la...414522&Ntype=3
__________________
Saaychol
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 08-07-2010 เมื่อ 06:29
|