Mission Gunship (1) ......................... โดย ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

ผมมองตัวเลขตรงหน้าด้วยความสับสน อาจเป็นเพราะโครงการนี้มีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมากหลาย หรือเป็นเพราะความผิดพลาดของเทคโนโลยี แต่พิกัดที่ผมได้มาสี่ห้าแห่งล้วนมีตัวเลขไม่ตรงกัน บางแห่งเหาะขึ้นไปอยู่บนยอดเขา หากยึดตามพิกัดนี้ ผมยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบจากการสร้างจุดดำน้ำใหม่ให้ทะเลไทยแน่นอน เพราะเรือไม่ได้อยู่ในทะเลแต่อยู่ในป่า มีนักดูนกไปเที่ยวแทนที่จะเป็นนักดำน้ำ
ฮึ่ม... ผมรู้สึกเครียด เริ่มอยากระบายออกกับลูกศิษย์ที่ยืนนั่งหน้าสลอนกันเกือบยี่สิบราย หลายคนเรียนจบไปแล้วกว่าสิบปี เป็นครูสอนดำน้ำมือฉมังบ้าง เป็นเจ้าของกิจการรุ่งเรืองอู้ฟู่ก็มีไม่น้อย หากเป็นงานปรกติ ผมจะไม่ขอแรงศิษย์เก่าเหล่านี้ แต่นี่ไม่ใช่งานปรกติ นี่คือปฏิบัติการที่ผมตั้งชื่อย่อว่า Mission Gunship (เรือปืน - บางครั้งเรียกว่า Gunboat แต่จะใช้คำว่า Gunship ก็ไม่ผิด คำว่ากันชิปยังหมายถึงเฮลิคอปเตอร์หรืออากาศยานติดปืนกล)
ย้อนกลับไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผมได้รับการติดต่อจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีแนวคิดจะนำเรือรบหลวงจากราชนาวีไทยมาใช้เป็นแหล่งดำน้ำ อาจารย์ช่วยกรุณามาเป็นที่ปรึกษาหน่อยได้ไหมครับ ? ใจผมคิดเบ็ดสะระตี่ โครงการแบบนี้ถือว่ามีประโยชน์ เพราะหลังจากเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวทั่วทะเลไทย บรรดานักวิชาการต่างออกมาหาแนวทางฟื้นฟูทะเล วิธีการแบ่งเป็น 2 แบบง่ายๆ หนึ่งคือ Passive หมายถึงเราปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง เพียงแต่เราต้องลดผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น การปิดจุดดำน้ำในเขตอุทยาน อีกแบบคือ Active หรือการที่เราเข้าไปช่วยทำกิจกรรมฟื้นฟู
กิจกรรมฟื้นฟูแนวปะการังที่นิยมทำในเมืองไทยและเมืองไหนก็ตามทั่วโลก มีอยู่แค่ 2 แบบ อย่างแรกคือการปลูกปะการังที่ยังไม่มีคำตอบแน่ชัดว่าได้ผลระดับไหน อีกแบบคือการทำปะการังเทียมที่แบ่งเป็นได้อีกหลายแบบย่อย บ้างเป็นปะการังเทียมของกรมประมงที่เน้นเรื่องสร้างแหล่งประมงพื้นบ้านและป้องกันการรุกรานของเรือประมงผิดกฎหมาย แต่มีอยู่แบบหนึ่งที่เป็นแหล่งดำน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อจุดประสงค์ในการลดผลกระทบในแนวปะการัง ยังหมายถึงผลพลอยได้ที่จะเกิดกับการท่องเที่ยวโดยตรง
ลองคิดตามนะครับ หากเรามีแนวปะการัง 10 แห่ง ได้รับผลกระทบจากปะการังฟอกขาวมากบ้างน้อยบ้างจนต้องปิดไป 5 แห่ง แต่จำนวนนักดำน้ำเท่าเดิม แนวปะการังที่เหลืออยู่ย่อมมีปริมาณนักดำน้ำเพิ่มขึ้นเยอะแยะ แต่ถ้าเราช่วยสร้างแหล่งดำน้ำในบริเวณที่อยู่ใกล้เคียง นักดำน้ำส่วนหนึ่งย่อมมาดำน้ำในแหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ถือเป็นการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในแนวปะการังอย่างตรงไปตรงมา
แหล่งดำน้ำแบบนี้นิยมกันทั่วโลก จุดในเมืองไทยอันเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักดำน้ำคือเรือหลวงกูดแห่งทะเลพัทยา อีกลำคือเรือหลวงครามที่นำลงสู่พื้นท้องทะเลโดยกองทัพเรือก่อนหน้านั้น ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ กำลังทำงานวิจัยในเรื่องนี้ควบคู่กับเรือหลวง Brisbane ที่ออสเตรเลีย เราจึงมีข้อมูลอยู่บ้าง
แต่นี่...เป็นการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่ก่อนเรือลง ปรับปรุงเรือให้เหมาะสม หาพื้นที่เรือลง ติดตามผลกระทบ ช่วยทำศูนย์นิทรรศการ ฯลฯ ทั้งหมดเป็นเรื่องค้างคาใจผมมาหลายครั้งหลายครา เพราะเคยไปพูดคุยกับกลุ่มนักดำน้ำทั้งไทยทั้งฝรั่งในหลายจังหวัดมาหลายปี ทุกคนหวังที่จะทำแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ แต่ยังไม่มีที่ใดสำเร็จอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการนำเรือรบหลวงที่มีประวัติยาวนานค่อนศตวรรษลงสู่พื้นท้องทะเล
เรือรบหลวงต่างจากเรือทั่วไปอย่างไร ? คำตอบคือต่างกันมหาศาลครับ จากผลสำรวจนักดำน้ำกว่า 300 คนที่มีประสบการณ์ดำน้ำที่เรือหลวงกูด พวกเขาพวกเธอบอกว่า แรงจูงใจสำคัญสุดในการมาดำน้ำที่นี่คือคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเรือ หากเป็นเรือทั่วไปคงไม่มีประวัติยืดยาว แต่เรือที่กองทัพเรือมอบให้แก่จังหวัดชุมพรชื่อ “เรือหลวงปราบ” มอบให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีชื่อ “เรือหลวงสัตกูด” เรือทั้งสองลำเคยเป็นเรือในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เข้าประจำการในราชนาวีไทยมาเกือบ 70 ปี เป็นเรือครูของเหล่าลูกประดู่ทั้งหลาย และเป็นเรือที่สร้างประโยชน์ให้ชาติไทยมาเหลือคณานับ
ผมเล่ารายละเอียดมายาวเหยียด แต่ในความเป็นจริง ผมตอบตกลงตั้งแต่ได้ยินคำถามเป็นครั้งแรก เรียกว่าใจไปก่อนแล้วเหตุผลถึงตามมา จากนั้นจึงถึงช่วงการเตรียมงาน อันดับแรกคือศึกษาแหล่งดำน้ำที่มนุษย์พยายามสร้างขึ้นในอดีต อะไรคือข้อควรระวังมากที่สุด ? คำตอบคือบริเวณที่เราจะทำ หากแหล่งดำน้ำใหม่อยู่ไกลจากแหล่งดำน้ำเดิม นั่นคือปัญหา เพราะนักดำน้ำต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มมาก จึงไม่นิยมไปใช้ ยังอาจมีอันตรายจากคลื่นลมและกระแสน้ำ สำคัญสุดคือแหล่งดำน้ำแบบนั้นไม่ได้ช่วยลดภาระของแนวปะการังอย่างชัดเจน เพราะอยู่ไกลเกินไปไม่ใช่ทางเลือกของนักดำน้ำ วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือช่วยทะเลก่อน การท่องเที่ยวเป็นผลพลอยได้ ผมจึงมั่นใจว่ายังไงเสียเราก็ต้องไปทำ Mission Gunship ในบริเวณที่คนนิยมไปอยู่แล้ว
เมื่อลองดูข้อมูลจากท้องถิ่นที่ร่วมประชุมกันมา คนชุมพรเสนอหมู่เกาะง่าม งานนี้หมดปัญหาเพราะที่นั่นคือแหล่งดำน้ำสำคัญสุดในจังหวัด อีกทั้งยังเป็นแนวปะการังที่สวยไม่สร่าง แม้จะโดนปะการังฟอกขาวไปแล้วสองครั้งครา (2540 และ 2553) แต่สภาพใต้ท้องทะเลยังดีปูปลามีเพียบ เป็นจุดที่ผมนิยมยกตัวอย่างเมื่อคนถามว่าทะเลไทยตอนนี้เป็นไง สำหรับคนสุราษฎร์ พวกเขาเสนอเกาะเต่า งานนี้ตรงใจผมเช่นกัน เพราะที่นั่นคือแหล่งที่มีการเรียนการสอนดำน้ำระดับโลก มีร้านดำน้ำและอื่น ๆ อีกมากเกี่ยวกับการดำน้ำแทบท่วมเกาะ แต่ละวันมีฝรั่งนับพันไปลงดำน้ำที่นั่นที่นี่ตลอดเวลา เรือหลวงสัตกูดจะช่วยลดผลกระทบของแนวปะการังได้แน่นอน
เราพอกำหนดแหล่งคร่าวๆ พร้อมมีตัวเลขพิกัดให้ผมไปตรวจสอบ แต่คำถามสำคัญคือเรือจะเกิดผลกระทบกับสภาพแวดล้อมขนาดไหน ? ผมจึงแวะเวียนไปดูเรือทั้งสองหลายครั้ง ตั้งแต่เรือจอดอยู่ที่กรมอู่ทหารเรือ จนเรือล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อทำการปรับปรุงที่อู่ใหญ่ในย่านถนนเจริญกรุง ทุกครั้งที่ไปผมจะขอแรงลูกศิษย์ที่ทำงานเกี่ยวกับการดำน้ำไปด้วยหลายคน แต่ละคนถือกระป๋องสีช่วยกันพ่นตรงนั้นตรงนี้ เป็นสัญลักษณ์บอกว่าราวตรงนี้อันตรายต้องนำออกนะ ห้องนี้แคบเกินไปควรปิดตายไม่ให้นักดำน้ำเข้า ยังหมายถึงการทำความสะอาดเรือที่ทุกคนให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ต้องขอบคุณ ปตท.สผ. ที่กรุณาสนับสนุนโครงการนี้แบบครบวงจร ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยไม่ติดขัดปัญหางบประมาณครับ
การปรับปรุงเรือเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ผมยังขอให้อู่ติดตั้งจุดศึกษาระยะยาวสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่สนใจเข้ามาศึกษาเรื่องสัตว์เกาะติดหรือเรื่องอื่นๆในอนาคต ระหว่างที่ช่างกำลังอ๊อกแท่งเหล็กรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเข้าไปกับเรือ ผมยิ้มด้วยความบันเทิงเริงใจ นี่อาจเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เราสร้างจุดศึกษาทางวิทยาศาสตร์ถาวรลงไปพร้อมกับเรือ มิใช่ปล่อยให้นักวิทยาศาสตร์ต้องดำน้ำทำงานอยู่แค่ 15 นาที (ที่ความลึกใกล้ 30 เมตร) แค่วางไลน์ทำจุดสำรวจก็กระอักเลือดแล้วครับ ยังไม่ต้องคิดถึงการนับสัตว์หรือศึกษาเรื่องอื่น
Mission Gunship เป็นสารคดีซีรี่ส์ที่ผมนำมาแทรกระหว่างซีรี่ส์เที่ยวพม่าชั่วคราว เพราะนี่เป็นเรื่องใหม่และเป็นเรื่องที่เกิดในทะเลไทย ผมอยากให้คุณๆได้รับรู้ถึงขั้นตอนในการทำงานอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่เรือลำแรกจะลงสู่ห้วงน้ำสีครามครับ (19-20 พฤษภาคม ชุมพร)
จาก ....................... ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 8 พฤษภาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|