ดูแบบคำตอบเดียว
  #64  
เก่า 28-12-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


เตือนทุกบ้านรู้เท่าทัน 5 โรคที่มากับสายลมหนาว


ภาพประกอบจาก hometestingblog.testcountry.com

หนาวๆแบบนี้ นอกจากอากาศจะน่านอน และทำให้หลับสบายภายใต้ผ้านวมอุ่นๆกันแล้ว หากละเลยไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพให้ดี โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายก็มีสิทธิ์จะมาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะโรคที่มากับฤดูหนาวซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพลูกน้อยได้

ในวันนี้ ทีมงาน Life & Family มีข้อมูลดีๆจากศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ เครือโรงพยาบาลกรุงเทพมาเตือนให้ทุกบ้านที่มีลูกเล็ก และผู้สูงอายุได้รู้เท่าทันโรคที่มากับอากาศหนาว ๆ กัน ซึ่งมีอยู่ 5 โรคที่พ่อแม่ควรเฝ้าระวัง ดังรายละเอียดต่อไปนี้


ไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่ ชื่อนี้ฟังแล้วอาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้ว มีอาการรุนแรงและมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตได้มากกว่าโรคไข้หวัดทั่วไป ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ เช่น เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี ส่วนไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ซีนั้นมีความรุนแรงน้อยและเกิดการระบาดเฉพาะในวงจำกัด สามารถติดต่อทางลมหายใจ ไอ จาม หรือหายใจรดกันในที่ที่มีคนอยู่แออัด

เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่ระบาดได้ทั่วโลก โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว โดยกลุ่มอายุที่พบการติดเชื้อมากที่สุดคือกลุ่มเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 4 ปี และกลุ่มเสี่ยงที่จะเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่คือกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ดังนั้นบ้านที่มีเด็กเล็กในช่วงนี้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย รวมไปถึงผู้สูงอายุซึ่งเมื่อติดเชื้อแล้วอาจมีอาการรุนแรงจึงถึงขั้นเสียชีวิตได้

สำหรับอาการของโรคจะรุนแรงและป่วยนานกว่าโรคไข้หวัดทั่วไป หลังจากเชื้อเข้าสู่ร่างกายประมาณ 1 ถึง 4 วัน ก็จะเริ่มแสดงอาการ ที่พบบ่อยคือ ไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก และอาจมีอาการคัดจมูก เจ็บคอ ถ้าป่วยอยู่นานอาจมีอาการไอเนื่องจากหลอดลมอักเสบ แต่โดยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติได้ภายใน 1 ถึง 2 สัปดาห์ แต่รายที่มีโรคแทรกซ้อนเช่นโรคปอดอักเสบก็อาจมีอาการรุนแรงจนทำอันต่อสุขภาพได้

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดและโรคไข้หวัดใหญ่ มีแนวทางช่วยลดความเสี่ยงง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนที่ป่วยเป็นไข้หวัด

- ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ

- หลีกเลี่ยงให้เด็กใช้มือสัมผัสใบหน้าของตนเองโดยไม่จำเป็น

- ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ถูกหลักอนามัย และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

- โรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ปัจจุบันแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ ตลอดจนกลุ่มเสี่ยงที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

หากบ้านไหนที่มีลูกเป็นไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ มีหลักการดูแลเบื้องต้นดังต่อไปนี้

- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ห้ามตรากตรำงานหนัก หรือออกกำลังมากเกินไป

- ดูแลร่างกายให้อบอุ่นเสมอด้วยการสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น หลีกเลี่ยงการถูกฝนหรืออยู่ในที่อากาศเย็น และไม่ควรอาบน้ำเย็น

- อยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทได้ดี

- ควรดื่มน้ำมากๆ และหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็น ควรดื่มน้ำอุ่นเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายและช่วยลดไข้ รวมถึงช่วยทดแทนน้ำที่สูญเสียไปจากไข้สูง

- ควรรับประทานอาหารอ่อน น้ำข้าว น้ำหวาน น้ำส้ม น้ำผลไม้

- ใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น

- เช็ดตัวลดไข้บ่อยๆ โดยเฉพาะเด็กเล็กเพราะไข้อาจกระตุ้นให้ชักได้ ควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา อย่าใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็งเช็ดตัว

- สวมผ้าปิดปากและจมูก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และหมั่นล้างมือให้สะอาด

- กลั้วคอบ่อยๆด้วยน้ำสะอาด

- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ภูมิต้านทานโรคน้อย เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง หรือผู้ป่วยที่กินยากดภูมิคุ้มกันอยู่




ไข้หวัดหมูไอโอวา เชื้อหวัดสายพันธุ์ใหม่

ไม่เพียงแต่ไข้หวัดใหญ่ในข้างต้นแล้ว "ไข้หวัดหมูสายพันธุ์ S-OtrH3N2" เป็นอีกหนึ่งโรคที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ CDC (Centers for Disease Control and Prevention) ประเทศสหรัฐอเมริกา แจ้งเตือนทั่วโลกให้ระวัง เพราะสามารถติดต่อสู่คนได้ เนื่องจากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 7 รายโดยพบที่มลรัฐเพนซิลวาเนีย 3 ราย มลรัฐเมน 2 ราย และมลรัฐอินเดียนา 2 ราย ผู้ป่วยทุกรายเคยสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดหมูก่อนที่จะป่วย และเมื่อเดือนพฤศจิกายนพบเด็กที่ติดเชื้อเพิ่มอีก 3 รายที่มลรัฐไอโอวา โดยเด็กทั้งสามไม่เคยสัมผัสกับหมูมาก่อน จึงเป็นไปได้ว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ นอกจากนี้มีแนวโน้มที่จะพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูไอโอวาเพิ่มขึ้น

สำหรับเชื้อไข้หวัดหมูไอโอวา หรือไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ เกิดจากการรวมตัวของไวรัสไข้หวัดสองสายพันธุ์ คือสายพันธุ์ Influenza H3N2 ที่ทำให้เกิดโรคหวัดในหมู กับสายพันธุ์ Influenza H1N1 ที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ในคนและเคยแพร่ระบาดมาแล้วทั่วโลกเมื่อปี พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา จากการรวมตัวของไวรัสสองสายพันธุ์นี้ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดใหม่คือสายพันธุ์ S-OtrH3N2 ซึ่งร่างกายมนุษย์ไม่เคยมีภูมิคุ้มกันเชื้อโรคนี้มาก่อน ทำให้เสี่ยงที่จะป่วยจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้

โดยรายละเอียดอาการของเด็กทั้งสามคนที่ติดเชื้อไข้หวัดหมูไอโอวา มีดังนี้

รายที่ 1 เป็นเด็กผู้หญิงที่แข็งแรงมาตลอด ไม่เคยมีโรคประจำตัว เริ่มมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่

รายที่ 2 เป็นเด็กผู้ชาย เริ่มมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หลังจากที่เด็กรายที่ 1 ป่วยได้สองวัน

รายที่ 3 เป็นพี่ชายของเด็กรายที่ 2 เริ่มมีอาการหลังจากน้องชายป่วยได้หนึ่งวัน

โดยผลการตรวจเสมหะทั้งสามรายพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ S-OtrH3N2 เหมือนกัน

ด้านปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กกลุ่มนี้ติดเชื้อ น่าจะเกิดจากการที่เด็กทั้งสามคนเคยไปร่วมงานเลี้ยงเดียวกัน และอยู่ใกล้ชิดกัน ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่เด็กรายที่ 1 เริ่มมีอาการนั่นเอง นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กทั้งสามคนรวมถึงสมาชิกทุกคนในครอบครัวไม่เคยมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับหมูมาก่อน จึงเป็นไปได้ว่าเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้น่าจะแพร่ติดต่อจากคนสู่คนได้

อย่างไรก็ดี วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ในเด็กได้ แต่สามารถป้องกันการติดเชื้อในผู้ใหญ่ได้บางส่วนเท่านั้น ขณะนี้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ประเทศสหรัฐอเมริกา เตรียมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดหมูไอโอวา และกำลังผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์ S-OtrH3N2 นี้โดยตรง

แต่ที่น่าห่วงคือ เชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ดื้อต่อยาต้านไวรัสที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน หากสงสัยการติดเชื้อไข้หวัดหมูหรือไข้หวัดหมูไอโอวา ให้ส่งเสมหะตรวจเพื่อยืนยันสายพันธุ์ของเชื้อไวรัส และพิจารณารักษาด้วยยาโอเซลทามิเวียร์ตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้ให้การรักษา และต้องรายงานจำนวนผู้ป่วยไปยังศูนย์ควบคุมโรคทุกราย นอกจากนี้ยังแนะนำให้ประชาชนที่สัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดหมู เมื่อมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยยืนยันการติดเชื้อทุกราย

สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้เฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่อย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมยาต้านไวรัสให้เพียงพอในกรณีที่เกิดการระบาด ดังนั้นพ่อแม่ไม่ควรตื่นตระหนก และลดความเสี่ยงด้วยการหลีกเลี่ยงให้ลูกเดินลุยน้ำหรือแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน และควรรักษาร่างกายให้อบอุ่น ไม่สวมเสื้อผ้าที่เปียกชื้น รับประทานอาหารที่สุกสะอาด ล้างมือเป็นประจำก่อนที่จะรับประทานอาหาร ตามแนวทางป้องกันโรคด้วยวิธี “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” อยู่เสมอ


โรคปอดบวม

หนาวๆแบบนี้ อีกหนึ่งโรคที่เด็กเป็นกันบ่อยคือ "ปอดบวม" หรือหรือโรคนิวโมเนีย เป็นโรคติดเชื้อที่ปอดซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังเกิดจากการติดเชื้อโรคชนิดอื่นๆได้อีกด้วย เช่น เชื้อไมโคพลาสมา และเชื้อรา เมื่อปอดติดเชื้อ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะส่งเม็ดเลือดขาวมาที่เซลล์ปอด และเกิดปฏิกิริยาจากการทำลายเชื้อโรค ทำให้เซลล์ปอดบวมใหญ่ขึ้น

เมื่อเชื้อโรคถูกทำลายแล้วจะทำให้เกิดหนองหรือของเหลวท่วมขังอยู่ภายในถุงลมปอด ทำให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก และหอบเหนื่อย โรคนี้พบบ่อยช่วงระหว่างฤดูฝนและฤดูหนาว หรือตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนมีนาคม และจากข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ พ.ศ.2544 ถึง พ.ศ. 2553 พบว่ามีผู้ป่วยโรคปอดอักเสบเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 4 ปี รองลงมาคือกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ดังนั้นเด็กเล็กและผู้สูงอายุควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

อาการของโรคปอดบวมนั้น จะพบอาการไข้ ไอ หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หายใจลำบาก หายใจแรงจนรูจมูกบาน หรือหายใจแรงมากจนหน้าอกบุ๋ม และถ้าเกิดหลอดลมภายในปอดตีบก็อาจได้เกิดเสียงหายใจวี๊ด ส่วนรายที่มีอาการรุนแรงมากอาจทำให้ภาวะหัวใจล้มเหลว และถ้าหายใจลำบากอยู่นาน จะทำให้ขาดออกซิเจน ผู้ป่วยอาจเริ่มมีอาการหงุดหงิดง่าย หรือซึมลง หรือหมดสติในที่สุด

ทางที่ดี พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงพาลูกไปยังสถานที่ที่มีคนมาก เช่น ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควรนำเด็กเล็กไปในสถานที่ดังกล่าว หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ควันไฟ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรืออากาศที่หนาวเย็น ไม่ควรให้เด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปีและผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรงไปอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย ที่สำคัญควรไปปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับตัววัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรค

(มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม