
03-06-2021
|
 |
Senior Member
|
|
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
|
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
อินโดนีเซียยุติกู้ซากเรือดำน้ำกองทัพ จมทะเลพร้อมลูกเรือ 53 ชีวิต

อินโดนีเซียประกาศยุติปฏิบัติการกู้ซากเรือดำน้ำของกองทัพ ซึ่งจมลงก้นทะเลเมื่อเดือนเมษายน พร้อมลูกเรือ 53 ชีวิตแล้ว โดยไม่สามารถยกเรือหรือนำศพกลับขึ้นมาได้
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ทางการอินโดนีเซียยุติความพยายามกู้ซากเรือดำน้ำ 'เคอาร์ไอ นังกาลา' ของกองทัพเรือ ซึ่งจมลงก้นทะเลนอกชายฝั่งเกาะบาหลีเมื่อ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา และทำให้ลูกเรือทั้ง 53 คนเสียชีวิตแล้ว โดยภารกิจล้มเหลว ไม่สามารถกู้ซากซึ่งอยู่ลึกมากกว่า 800 ม. ขึ้นมาได้
ทั้งนี้ เรือดำน้ำ เคอาร์ไอ นังกาลา อายุกว่า 40 ปีลำนี้ หายสาบสูญไปหลังจากขออนุญาตดำลงใต้น้ำ ระหว่างการฝึกซ้อมยิงตอร์ปิโดกระสุนจริงในทะเลบาหลี ทำให้เจ้าหน้าที่จากนานาชาติระดมกำลังกันค้นหา และพบในไม่กี่วันต่อมาว่า เรือลำนี้แตกออกเป็น 3 ส่วนและจมลงก้นทะเลแล้ว
ในวันพุธที่ 2 มิ.ย. นาย จูเลียส วิดโจโจโน โฆษกกองทัพเรืออินโดนีเซีย เปิดเผยต่อสื่อเรื่องยุติปฏิบัติการกู้เรือดำน้ำ เคอาร์ไอ นังกาลา โดยระบุว่า การกู้ซากเรือจบลงแล้ว และไม่สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 53 กลับขึ้นมาได้แล้วแม้แต่รายเดียว
ด้านนาย สุดาร์มาจี บิดาของหนึ่งในผู้เสียชีวิตบอกกับสำนักข่าว เอเอฟพี ก่อนที่กองทัพจะประกาศยุติปฏิบัติการว่า ครอบครัวของเขายังหวังว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถยกเรือดำน้ำขึ้นมาได้ "มันไม่สำคัญว่าจะต้องใช้เวลา หรือต้องขอความช่วยเหลือจากประเทศอื่นๆ"
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2107050
*********************************************************************************************************************************************************
ศรีลังกากลุ้ม เรือสินค้าไหม้นอกชายฝั่ง กำลังจม หวั่นน้ำมัน 350 ตันรั่วไหล
เรือสินค้าซึ่งเกิดไฟไหม้เมื่อปลายเดือน พ.ค. และทำให้ศรีลังกาต้องเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ที่สุด กำลังจะจมลงก้นทะเล พร้อมกับน้ำมันเชื้อเพลิงถึง 350 ตัน

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เรือสินค้า ?เอ็มวี เอ็กซ์-เพรส เพิร์ล? ซึ่งบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสารเคมีและพลาสติกถึง 1,486 ตู้ ถูกไฟไหม้เป็นเวลานานถึง 13 วัน ที่นอกชายฝั่งกรุงโคลอมโบ ประเทศรีลังกา ขณะรอเข้าเทียบท่า และเจ้าหน้าที่เพิ่มควบคุมเพลิงได้เมื่อวันอังคารที่ 1 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา
เหตุการณ์นี้ทำให้ตู้สินค้าเสียหายเกือบทั้งหมด และมีตู้บรรจุเม็ดพลาสติกอย่างน้อย 8 ตู้ตกสู่ทะเล ทำให้เม็ดพลาสติกจำนวนมหาศาลลอยขึ้นฝั่งศรีลังกา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ คนถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังเก็บกวาดไม่หมด นอกจากนั้นทะเลแถบนี้ยังมีป่าชายเลน แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และแหล่งประมง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบไปด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ในวันพุธเจ้าหน้าที่พบว่าเรือความยาว 186 ม. น้ำหนัก 31,600 ตันลำนี้กำลังจะจมลงสู่ก้นทะเล โดยส่วนท้ายเรือจมแตะก้นทะเลใกล้เมืองปามูนูกามา ทางเหนือของกรุงโคลอมโบ ซึ่งมีความลึกเพียง 22 ม. ไปแล้ว ขณะที่ส่วนหัวเรือยังลอยอยู่ ทำให้ความพยายามลากเรือไปเขตน้ำลึกต้องหยุดชะงัก
บนเรือลำนี้ยังมีน้ำมันเตาชนิดหนัก (heavy fuel oil) อีกถึง 297 ตัน และน้ำมันดีเซลสำหรับเดินเรือ (marine fuel oil) อีก 51 ตัน ทำให้เกิดความกังวลว่ามันจะรั่วไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดีย และทำให้เกิดหายนะต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม นายแดน กูนาเซเครา ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางเรือระหว่างประเทศ เชื่อว่า นักประดาน้ำจะสามารถใช้ปั๊มดูน้ำมันทั้งหมดออกมาได้อย่างปลอดภัย เพราะเรือเพิ่งมีอายุเพียง 3 เดือน ระบบต่างๆ ยังคงดีอยู่ ด้านนาย เดอ ซิลวา กล่าวว่า เรือของหน่วยยามฝั่งอินเดียมาประจำการพร้อมอุปกรณ์เฉพาะทาง เพื่อรับมือกรณีเกิดน้ำมันรั่วไหลแล้ว
ทั้งนี้ ปัญหาเม็ดพลาสติกที่ตกสู่ทะเลส่งผลให้การทำประมงในน่านน้ำแถบนี้ถูกระงับชั่วคราวไปแล้ว กระทบการใช้ชีวิตของชาวประมงอย่างน้อย 4,500 คน ขณะที่หน่วยงานป้องกันสิ่งแวดล้อมทางทะเลของศรีลังกาเตือนก่อนหน้านี้ว่า นี่อาจเป็นหายนะทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
https://www.thairath.co.th/news/fore...PANORAMA_TOPIC
*********************************************************************************************************************************************************
พัฒนาวิธีใหม่เพื่อใช้ศึกษาพลาสติกขนาดเล็กในมหาสมุทร

ขยะพลาสติกนานาชนิดเมื่อไปลงเอยที่มหาสมุทร ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังคุกคามความปลอดภัยของอาหารและสุขภาพของมนุษย์ด้วย เพราะในที่สุดพลาสติกจำนวนมากจะแตกตัวจนเล็กเป็นนาโนพลาสติกและไมโครพลาสติกซึ่งตาเปล่ามองไม่เห็น การจะหาปริมาณและวัดผลก็ทำได้ยาก
ล่าสุด ทีมนักวิจัยนำโดยสถาบันแห่งชาติของมาตรฐานและเทคโนโลยี (NIST) และศูนย์บริการด้านวิทยาศาสตร์และความรู้ของคณะกรรมาธิการยุโรป (JRC) ได้พัฒนาวิธีใหม่ในการศึกษานาโนพลาสติกในมหาสมุทร โดยใช้สัตว์ทะเลที่กรองกินอนุภาคของอาหารขนาดเล็กจิ๋วที่ลอยอยู่ในน้ำ นั่นคือกลุ่มเพรียงหัวหอม (Tunicate) ชนิด C. robusta พบว่ามีประสิทธิภาพในการกักเก็บอนุภาคนาโนได้ดี ทีมจึงนำมาทดลองให้มันสัมผัสกับอนุภาคพลาสติกโพลีสไตรีน (polystyrene) ที่มีความเข้มข้นต่างกัน ฝ่าย C. robusta จะมีกระบวนการแยกนาโนพลาสติกออกจากสิ่งมีชีวิต ทว่าในขั้นตอนนี้สารประกอบอินทรีย์ตกค้างบางส่วนที่ย่อยโดย C. robusta ยังคงผสมอยู่ในนาโนพลาสติกจนอาจรบกวนการทำให้บริสุทธิ์และการวิเคราะห์พลาสติก นักวิจัยจึงใช้เทคนิคการแยกส่วนเพิ่มเติม แล้วก็รวบรวมนาโนพลาสติกมาวางลงบนชิปที่ออกแบบเป็นพิเศษทำให้นาโนพลาสติกรวมตัวเป็นกลุ่ม ง่ายต่อการตรวจจับและนับจำนวน
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2105815
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|