ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
การวิจัยฟอสซิลเปลือกหอย ไขเคมีในมหาสมุทรโบราณ

(ภาพประกอบ Credit : William Foster et al.)
การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่สุดของโลกเมื่อราว 252 ล้านปีก่อนในปลายยุคเพอร์เมียน (Permian) ได้กวาดล้างสิ่งมีชีวิตกว่า 90% สูญไปจากโลก การสูญพันธุ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟขนาดใหญ่ในดินแดนที่ปัจจุบันคือไซบีเรีย ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากสู่ชั้นบรรยากาศในชั่วเวลาอันสั้น ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอย่างรวดเร็ว
เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศสูงมากขึ้น มหาสมุทรก็จะดูดซับก๊าซบางส่วน ก่อภาวะเป็นกรดตามมา ทว่าก็ยังไม่อาจสรุปได้ว่าสภาวการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างเหตุการณ์สูญพันธุ์ยุคเพอร์เมียนหรือไม่ มีการวิจัยก่อนหน้านี้บางฉบับแสดงการวิเคราะห์ทางเคมีของหินและชี้ว่าทะเลของโลกเป็นกรดในช่วงเวลานั้น ทว่าหลักฐานทางธรณีเคมีอื่นๆ ชี้ให้เห็นตรงกันข้าม ทีมวิจัยนำโดยวิลเลียม ฟอสเตอร์ นักวิทยาศาสตร์จากมหา วิทยาลัยฮัมบูร์กในเยอรมนี เผยถึง การวิจัยฟอสซิลเปลือกหอยมากกว่า 2,300 ชิ้นของหอยทากทะเลและหอยกาบคู่ด้วยกล้องจุล ทรรศน์ ที่เชื่อว่าจะให้มุมมองที่ละเอียดยิ่งขึ้น เพราะซากเปลือกหอยจะจับสถานะทางเคมีของมหาสมุทรได้เร็วหลังเกิดการสูญพันธุ์จากบนลงล่าง ไม่ใช่แค่บริเวณที่ตะกอนตกลงมา ทีมพบว่าแม้เปลือกหอยจำนวนหนึ่งจะมีหลักฐานการลดความเจริญเติบโต แต่ก็ไม่มีร่องรอยรูพรุนที่บ่งบอกว่าหอยอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดรุนแรงในน้ำ ผิวดิน หรือบนพื้นทะเล
การวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าฟอสซิลเปลือกหอยได้เปิดประตูสู่การวิจัยที่กว้างขวางยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสภาพเคมีในมหาสมุทรเมื่อครั้งอดีตของโลกและความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางภูมิอากาศ.
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2302622
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|