
28-02-2022
|
 |
Senior Member
|
|
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
|
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
เมื่อ 'หอยนางรม' ยังคงช่วยมนุษย์เราต้านโลกร้อน

- ทราบกันหรือไม่ว่า หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะทางกายภาพสอดคล้องกับการช่วยให้โลกของเราเสี่ยงกับภาวะโลกร้อนน้อยลง ก็คือ ?หอยนางรม? ในมหาสมุทรนี่เอง
- เหตุผลสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ หอยนางรมเป็นสัตว์ทะเลที่สามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซชนิดสำคัญที่เรารู้กันดีว่าส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนหรือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศตามพื้นที่ต่างๆ ของโลกได้
- อย่างไรก็ดี นอกเหนือไปจากการช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนจากต้นทาง พวกมันก็ยังช่วยปกป้องผลกระทบอันเกิดจากภาวะโลกร้อนที่ปลายทางได้ ด้วยเปลือกแข็งๆ ของมัน และสิ่งที่เรียกว่า 'กำแพงหอยนางรม'
ทราบกันหรือไม่ว่า หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะทางกายภาพสอดคล้องกับการช่วยให้โลกของเราเสี่ยงกับภาวะโลกร้อนน้อยลง ก็คือ 'หอยนางรม' ในมหาสมุทรนี่เอง
เหตุผลสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ หอยนางรมเป็นสัตว์ทะเลที่สามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซชนิดสำคัญที่เรารู้กันดีว่าส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนหรือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศตามพื้นที่ต่างๆ ของโลกได้
โดยพวกมันจะดูดคาร์บอนฯ, ไนโตรเจน รวมถึงสารแปลกปลอมต่างๆ ในน้ำทะเล หรือพูดง่ายๆ คือทำหน้าที่เป็น 'ตัวกรองน้ำ' เพื่อให้มหาสมุทรใสสะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิตรอบตัวพวกมันมากขึ้น และขณะเดียวกัน ก็ยังให้สิ่งที่พวกมันดูดซับเข้าไปมาผลิตเป็นเปลือก เพื่อสร้างความแข็งแรงให้ตัวพวกมันเองด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น นักวิจัยทางทะเลก็พบว่า หอยนางรมในปัจจุบัน ดูจะ 'อ่อนแอ' กว่าแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของเปลือกที่บางลงอย่างเห็นได้ชัด หรือขนาดของตัวหอยเองที่ดูจะเล็กลงไปมาก ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากสภาวะ 'น้ำทะเลเป็นกรด' อันเกิดจากมลพิษทางอุตสาหกรรมตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ที่ส่งผลให้ความสามารถในการเติบโตหรือการสร้างเปลือกเพื่อปกป้องตัวเองของพวกมันต้องลดน้อยถอยลงนี่เอง
ดังนั้น จึงเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า ถึงแม้หอยนางรมจะยังคงมีจำนวนมากพอที่จะช่วยดูดซับคาร์บอนฯ แต่หากมนุษย์เราไม่ช่วยด้วยอีกแรง สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ก็อาจอ่อนแรงลงไปในสักวัน ไม่ต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่กำลังช่วยกอบกู้สิ่งแวดล้อมไปตามวิถีของธรรมชาติ
อย่างไรก็ดี นอกเหนือไปจากการช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนจากต้นทาง พวกมันก็ยังช่วยปกป้องผลกระทบอันเกิดจากภาวะโลกร้อนที่ปลายทางได้ ด้วยเปลือกแข็งๆ ของมัน และสิ่งที่เรียกว่า 'กำแพงหอยนางรม'
เพราะเปลือกของหอยนางรมที่ไม่มีตัวหอยอาศัยอยู่ภายในเนื่องจากการถูกนำมาบริโภค ยังสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่ โดยไม่ต้องมีสถานะเป็นเพียง 'ขยะ' ไร้ค่าอย่างที่ใครเข้าใจอีกต่อไป เพราะในสหรัฐอเมริกานั้น ได้มีความพยายามที่จะนำเปลือกหอยนางรมจำนวนมหาศาลมา 'รีไซเคิล' เป็นกำแพงตามบริเวณพื้นที่ชายฝั่งต่างๆ กันมาหลายชั่วอายุคน เพื่อลดภาระของมนุษย์เราที่ต้องคอยจัดการพวกมันในฐานะขยะอาหาร
และที่สำคัญ เปลือกหอยนางรมเหล่านี้ -ไม่ว่าจะมีตัวหอยอยู่ภายในหรือไม่- ยังช่วยทำหน้าที่เป็น 'กำแพงตามธรรมชาติ' ที่คอยปกป้องชายฝั่งจากการกัดเซาะ เป็นที่อยู่อาศัยหรือหลบภัยของสัตว์ทะเลตัวเล็กตัวน้อย (ในกรณีที่ตัวหอยนางรมไม่อยู่ในเปลือกแล้ว) และมีส่วนช่วยในการเป็นตัวกรองให้น้ำทะเลตามชายฝั่งใสสะอาดมากขึ้น รวมถึงลดระดับความรุนแรงของคลื่นลมและพายุที่อาจส่งผลต่อหลายชีวิตในบริเวณนั้นๆ อีกด้วย ซึ่งปรากฏการณ์ทางทะเลเหล่านี้ก็ดูจะมีระดับที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สืบเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน
โดยทุกวันนี้ หน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Coalition to Restore Coastal Louisiana หรือ CRCL เผยว่า พวกเขาสามารถรีไซเคิลเปลือกหอยนางรมได้เป็นร้อยๆ กิโลกรัมต่อวัน และพวกเขาก็ทำเช่นนี้มาเกือบหนึ่งทศวรรษแล้ว ซึ่งเมื่อลองคำนวณดูก็พบว่า พวกเขาเคยนำเอาเปลือกหอยเปล่าๆ จากร้านอาหารในนิวออร์ลีนส์ มารีไซเคิลเป็นปริมาณมากกว่า 4,500 ตันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี การรีไซเคิลเปลือกหอยนางรมนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นกระบวนการที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วทันใจ เนื่องจากพวกมัน-ที่อาจติดเศษอาหารอื่นๆ หรือยังมีเศษหอยหลงเหลืออยู่ จากร้านอาหาร-ต้องถูกทำให้สะอาดเสียก่อน ผ่านการนำไปกองรวมกันเป็นเนินสูงเพื่อผึ่งแดดอีกเป็นเวลาหลายเดือน แล้วจึงค่อยนำพวกมันกลับคืนลงทะเลในฐานะของ 'กำแพงชายฝั่ง' จากฝีมือมนุษย์
นอกจากโครงการรีไซเคิลเปลือกหอยแล้ว ทุกวันนี้ หลายพื้นที่บนโลกก็ยังหันมาสร้างกำแพงหอยนางรมตามชายฝั่งทะเลต่างๆ โดยใช้วิธีการเพาะพันธุ์หอยนางรมแบบ 'มีชีวิต' เป็นจำนวนมหาศาล เพื่อส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนทางธรรมชาติมากขึ้น และยังเป็นการสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศชายฝั่งควบคู่ไปด้วย
ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะพิจารณาจากประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมของตัวหอยหรือเปลือกแข็งๆ ของพวกมัน หอยนางรมจึงยังเป็นสิ่งมีชีวิตจากมหาสมุทรที่มนุษย์เราควรใส่ใจและอนุรักษ์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อที่ในวันหนึ่งข้างหน้า พวกมันอาจกลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่จะช่วยกอบกู้มวลมนุษยชาติได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
และขณะเดียวกันนั้น มนุษย์เองก็ควรที่จะหาหนทางลดการเกิดขึ้นของก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ ไปด้วยพร้อมกัน
อ้างอิง : newyorker.com, thedenverchannel.com, cnbc.com
https://plus.thairath.co.th/topic/naturematter/101167
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|