ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
?ยุทธพล? สร้างแนวร่วมอนุรักษ์ทะเล

ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดการประชุมความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ครั้งที่ 2 ที่ อบต.แหลมผักเบี้ย ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ว่า หน้าที่ของอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีจิตอาสา มีใจรักทรัพยากรธรรมชาติ สมัครเข้ามาเป็น อสทล.มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือการปฏิบัติงานราชการกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการอนุรักษ์ สงวน คุ้มครองและฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในท้องถิ่น อีกทั้งช่วยสร้างความตระหนักให้ภาคประชาชนรับรู้สภาพปัญหาด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของท้องถิ่น รวมถึงการกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้อง รักษาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่หรือในชุมชนของตน ตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในการประชาสัมพันธ์ รับแจ้งข่าวสารและเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายอีกด้วย
ที่ปรึกษา รมว.ทส.กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ทส.ได้ผลักดันให้การแก้ปัญหาขยะทะเลเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีความพยายามใช้มาตรการทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ เช่น การผลักดันการทดลองเก็บค่าใช้ถุงพลาสติก การออกมาตรการลดปริมาณขยะที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย การจัดทำและพัฒนาระบบฐานข้อมูลขยะทะเล การสนับสนุนโครงการอาสาสมัครเก็บขยะใต้ทะเลควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทางคือ การไม่สร้างขยะใหม่เพิ่ม การลดการผลิตขยะต้นทางแทนการสร้างเตาเผาหรือบ่อฝังกลบกำจัดขยะ ตลอดจนแก้ปัญหาในเชิงรุก ด้วยการส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ให้กับชุมชนชายฝั่งทั่วประเทศ ในการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องและปลอดภัย เป็นต้น.
https://www.thairath.co.th/news/loca...0wJnJ1bGU9MA==
******************************************************************************************************
ค้นพบซากเรือพิฆาตของสหรัฐฯในสงครามโลกครั้งที่ 2

เมื่อเร็วๆนี้ทีมนักสำรวจชาวอเมริกันและบริษัทสำรวจในอังกฤษเปิดเผยการค้นพบซากเรือของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่จมลงใต้ทะเลในสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นซากเรือที่อยู่ลึกที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ โดยอยู่ที่ระดับความลึกราว 6.9 กิโลเมตรนอกชายฝั่งฟิลิปปินส์
ซากเรือดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นเรือพิฆาต ยูเอสเอส ซามูเอล บี โรเบิร์ตส (USS Samuel B. Roberts) หรือที่รู้จักในชื่อ ?แซมมี บี? (Sammy B) ด้านบริษัทคาลาดัน โอเชียนิก ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีทางทะเลที่ตั้งอยู่ในเมืองดัลลัสในสหรัฐฯ เผยว่า นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบเรือรบที่มีชื่อเสียงอย่างไม่น่าเชื่อลำนี้ ขณะที่การจมอยู่ที่ความลึก 6.9 กิโลเมตร ส่งผลให้ทำลายสถิติของซากเรือยูเอสเอส จอห์นสตัน ที่จมในพื้นที่เดียวกัน โดยอยู่ที่ระดับความลึกราว 6.5 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เรือทั้ง 2 ลำมีส่วนสนับสนุนชัยชนะของสหรัฐอเมริกาในยุทธการที่เมืองซามาร์ในเดือน ต.ค.2487 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธนาวีที่อ่าวเลย์เต ได้รับการขนานนามว่าเป็นการรบทางเรือครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะแม้จะไร้อาวุธ แต่เรือแซมมี บี ก็โจมตีกองเรือของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่นำโดยเรือรบยามาโตะ ซึ่งเป็นเรือประจัญบานที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ก่อนที่แซมมี บี จะจมลงใต้กองเพลิงในทะเลฟิลิปปินส์ และได้ชื่อว่าเป็นเรือพิฆาตคุ้มกันที่ต่อสู้เหมือนเรือประจัญบาน โดยในบรรดาลูกเรือ 224 คน มี 89 คนเสียชีวิตในครั้งนั้น.
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2433146
******************************************************************************************************
อย่างกับหนังไททานิค เรือสำราญพุ่งชนภูเขาน้ำแข็งเสียหาย

เกิดเหตุไม่คาดคิดกับเรือสำราญนอร์วีเจียน ซัน เมื่อจู่ๆ ก็ล่องไปชนกับภูเขาน้ำแข็งใกล้อะแลสกา จนเรือได้รับความเสียหาย ยังเคราะห์ดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
เรือสำราญนอร์วีเจียน ซัน ต้องยกเลิกทริปล่องเรือไปยังอะแลสกานาน 9 คืนกะทันหัน หลังจากประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งบริเวณชายฝั่งอะแลสกาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาในท้องถิ่น จนเรือได้รับความเสียหาย ทำให้กัปตันต้องตัดสินใจหันหัวเรือกลับเข้าฝั่งที่เมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามนับว่ายังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ และมีผู้โดยสารบนเรือสามารถถ่ายคลิปวิดีโอ ขณะที่ฝั่งด้านหน้าขวาของเรือชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งด้วย ซึ่งคลิปนี้กลายเป็นคลิปไวรัลในโลกออนไลน์ และถูกพูดถึงว่ามีความคล้ายคลึงกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเรือไททานิค เพียงแต่เหตุการณ์ล่าสุดนี้ไม่ได้ทำให้เรือสำราญขนาดยักษ์อับปางลง และมีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
ภูเขาน้ำแข็งที่ปะทะกับเรือครั้งนี้ นับว่าเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดเล็ก โดยมองเห็นส่วนของยอดน้ำแข็งลอยเหนือน้ำกว้างไม่ถึง 3.3 ฟุต หรือราว 1 เมตรเท่านั้น แต่มีขนาดน้ำแข็งที่อยู่ใต้น้ำกว้างราว 6.6 ฟุต หรือประมาณ 2 เมตร ทำให้ความเสียหายที่เกิดกับเรือไม่รุนแรงมากนัก แต่เพื่อความปลอดภัยก็จำเป็นต้องร่นระยะเวลาในการล่องเรือลง เพื่อให้มีการตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียดก่อน
สำหรับสาเหตุเบื้องต้นทางโฆษกของเรือสำราญนอร์วีเจียนระบุว่า ในช่วงเกิดเหตุมีหมอกลงหนาจัด ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นย่ำแย่ จนทำให้เรือไปชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งแต่ก็เป็นการปะทะที่ไม่รุนแรงมากนัก เพราะเรือล่องมาด้วยความเร็วค่อนข้างต่ำ โดยผู้โดยสารที่ถูกยกเลิกทริปจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน และยังให้เครดิตพิเศษสำหรับการใช้บริการครั้งต่อไปเพื่อเป็นการชดเชย
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับเรือสำราญที่ล่องเข้าไปในทะเลที่มีธารน้ำแข็งอยู่ใกล้เคียง เพราะมักจะเกิดการแยกตัวของก้อนน้ำแข็งและลอยออกมาในทะเล โดยกัปตันเรือจะมองเห็นภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้ล่วงหน้าในระยะไม่เกิน 1,000 ฟุต หรือราว 300 เมตรเท่านั้น.
ที่มา : เอบีซีนิวส์
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2433730
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|