ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ถอดรหัสพันธุกรรมของแมงกะพรุนอมตะ

แมงกะพรุนอมตะ (Immortal jellyfish) เป็นแมงกะพรุนขนาดเล็กที่อยู่ในความสนใจของนักวิจัยตลอดมาเนื่องจากเมื่อมันแก่ชราลง กลับเปลี่ยนคืนตัวเองกลับมาใหม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเร็วๆนี้ ทีมวิจัยนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านชีวเคมีและอณูชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยโอบิเอโด ในสเปน รายงานการถอดรหัสพันธุกรรมของแมงกะพรุนอมตะ ซึ่งหวังว่าความก้าวหน้าในการวิจัยนี้จะเป็นความหวังต่อการรักษาโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความชราของมนุษย์
ทีมวิจัยเผยว่าได้ทำแผนที่ข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดหรือจีโนมของแมงกะพรุนอมตะ ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Turritopsis dohrnii มาเปรียบเทียบกับแมงกะพรุน Turritopsis rubra ที่ไม่สามารถเปลี่ยนคืนตัวเองกลับมาได้ ทั้งนี้ แมงกะพรุนชนิดอื่นๆ มีความสามารถในการเปลี่ยนงอกตัวเองใหม่ได้เอง แต่ไม่ใช่หลังจากการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศอย่างที่แมงกะพรุนอมตะทำได้ ซึ่งจะว่าไปแมงกะพรุนอมตะก็คล้ายกับผีเสื้อ แทนที่จะตายไป ผีเสื้อกลับสามารถแปลงร่างกลับเป็นหนอนผีเสื้อ แล้วเปลี่ยนร่างเป็นผีเสื้อที่โตเต็มวัยได้อีกครั้ง
ทีมวิจัยระบุว่าหลังจากเปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมของแมงกะพรุนทั้ง 2 ชนิด ก็พบว่ารหัสพันธุกรรมที่สำคัญที่เฉพาะเจาะจง ช่วยให้แมงกะพรุนอมตะสามารถเปลี่ยนร่างตัวเองได้ แม้ว่าจะสืบพันธุ์แล้วก็ตาม พวกมันมียีนที่เกี่ยวข้องกับการจำลองและซ่อมแซมดีเอ็นเอและการต่ออายุเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งเซลล์ของมันสามารถพัฒนาเป็นเซลล์ประเภทใดก็ได้ที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเผยว่ายังจำเป็นต้องมีการวิจัยเรื่องนี้เพิ่มเติมมากขึ้น.
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2490942
*********************************************************************************************************************************************************
หอยมุกภูเก็ต ชนิดใหม่ของโลก ประมงค้นพบที่เกาะดอกไม้

นักวิจัยคณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ พบหอยมุกชนิดใหม่ของโลก ที่เกาะดอกไม้ จ.ภูเก็ต อาศัยอยู่ในทะเลที่ความลึกประมาณ 5-10 เมตร กระจายพันธุ์ได้เร็ว ลักษณะคล้ายหอยมุกแกลบ แต่ขนาดเล็กกว่า นำมาเลี้ยงในฟาร์มผลิตมุก จะเกิดลูกหอยกระจายทั่ว ผิวมีความวาวสูง มีประกายเป็นสีรุ้ง เหมาะทำมุกกลมขนาดเล็ก มีคุณภาพดี ลุ้นขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของภูเก็ต
ที่คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อ วันที่ 6 ก.ย. ทีมวิจัยคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประกอบด้วย น.ส.สุพรรณี สมรูป นิสิตปริญญาโท หลักสูตรสองปริญญา "KU-OUC Dual Degree Program" ภายใต้การดูแลของ ศ.ดร.หลิว ซื่อไค (Liu Shikai) จาก Ocean University of China และ ผศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์ เมืองใหม่ ภาควิชาชีววิทยาประมง ดร.อัครศิริ แสงสว่าง ภาควิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ดร.ณิชนันทน์ แมคมิลแลน ดร.สุพนิดา วินิจฉัย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร และนายจิตติ อินทรเจริญ จากอินทรฟาร์ม ได้ค้นพบหอยมุกชนิดใหม่ของโลก มีชื่อว่า "หอยมุกภูเก็ต" Pinctada phuketensis sp. nov. จากเกาะดอกไม้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนทุนวิจัยบางส่วนจากรัฐบาลจีน คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และอินทรฟาร์ม
ผศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์ เมืองใหม่ หนึ่งในทีมผู้วิจัย เปิดเผยว่า การค้นพบหอยมุกชนิดใหม่นี้ มีจุดเริ่มต้นจากโครงการวิจัย "การเพิ่มมูลค่าและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผลพลอยได้และของเหลือใช้จากอุตสาหกรรมการเลี้ยงหอยมุกสู่การต่อยอดเชิงพาณิชย์ในอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและความงาม" โดย ดร.สุพนิดา วินิจฉัย ร่วมกับอินทรฟาร์ม ได้ทุนสนับสนุนงานวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) เพื่อศึกษาชนิดและพันธุกรรมของหอยมุกบริเวณ จ.ภูเก็ต และได้เก็บตัวอย่างหอยมุกเพิ่มเติมจากอินทรฟาร์มและบริเวณเกาะดอกไม้ จ.ภูเก็ต จากการเปรียบเทียบข้อมูลทางสัณฐานวิทยาและพันธุกรรม พบว่าตัวอย่างหอยมุกที่เก็บได้จากเกาะดอกไม้มีลักษณะที่แตกต่างจากหอยมุกชนิดอื่นๆ จึงรายงานเป็นหอยมุกชนิดใหม่ของโลก
ผศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับหอยมุกภูเก็ตชนิดใหม่นี้ อาศัยอยู่ในทะเลที่ความลึกประมาณ 5-10 เมตร ลักษณะเปลือกและรูปร่างภายนอกคล้ายคลึงกับหอยมุกแกลบ (Pinctada fucata) แต่มีขนาดเล็กกว่า ไม่มีฟันบานพับ (hinge teeth) เปลือกด้านในเรียบและเป็นสีขาวมันวาว การวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมจากยีนในนิวเคลียส และไมโทคอนเดรีย (COI) ยืนยันว่าหอยมุกภูเก็ตเป็นหอยมุกชนิดใหม่ ปัจจุบันทางอินทรฟาร์มมีการผลิตมุกเลี้ยงโดยการฝังแกนมุกเข้าไปในอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของหอยมุกชนิดใหม่นี้ ซึ่งมุกที่ได้มีคุณภาพดีและค่อนข้างเป็นที่ต้องการของตลาด และลักษณะหอยสามารถพบในพื้นที่น้ำไม่ลึกมาก กระจายพันธุ์ได้เร็ว เมื่อเก็บจากน้ำลึกมาไว้ในฟาร์มจะเกิดลูกหอยกระจายไปทั่ว ผิวมีความวาวสูง มีประกายเป็นสีรุ้ง ลักษณะฝาแบนกว่า จึงเหมาะในการทำมุกกลมขนาดเล็ก 2-6 มม. ดังนั้นการผลิตมุกจากหอยมุกชนิดใหม่นี้ควรได้รับการพัฒนาทั้งวิธีการผลิตและการปรับปรุงพันธุ์หอยมุกเพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันและมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ามุก และผลักดันให้ไปสู่การขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้า GI ของจังหวัดภูเก็ต ในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ การค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง จากทะเลอันดามันเป็นการตอกย้ำถึงความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อมทางทะเลของไทยที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นการอนุรักษ์คุณค่าและความงดงามของท้องทะเลไทยเพื่อการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและพื้นที่อย่างยั่งยืน จึงเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง
https://www.thairath.co.th/news/local/south/2493207
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|