ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก
10 ภัยพิบัติร้ายแรงจาก 'Climate Change' กระทบระบบนิเวศ ก่อโรคอุบัติใหม่ซ้ำๆ

10 ภัยพิบัติรุนแรง ใกล้ตัวที่เกิดจากภาวะ 'Climate Change' กระทบตั้งแต่ภูเขาถึงท้องทะเล ก่อให้เกิดภัยแล้ง พายุุรุนแรง และสร้างโรคอุบัติใหม่ซ้ำๆ คร่าทั้งคนและธรรมชาติ
ภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ "Climate Change" มีผลอย่างมากที่จะทำให้โลกแย่ลง แต่ตั้งแต่ปี 1800 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์ และสาเหตุหลักมาจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ) ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก
อย่างไรก็ตามข้อมูลจาก องค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า การปล่อย ก๊าซเรือนกระจก ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1.1 องศาเซลเซียส ทศวรรษที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2011-2020) เป็นช่วงที่ร้อนที่สุด ทั้งนี้ผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้โลกได้รับผลกระทบ และก่อให้เกิดภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้งรุนแรง การขาดแคลนน้ำ ไฟไหม้รุนแรง ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น น้ำท่วม น้ำแข็งขั้วโลกละลาย วาตภัยขนาดใหญ่ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ
กรมกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุป 10 ภัยพิบัติที่เกิดจาก "Climate Change"
- อากาศสุดขั้ว : สภาพอากาศโดยเฉลี่ยร้อนขึ้นตามอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ทำให้ฤดูร้อนยาวนาน ฤดูหนาวจะสั้นลง พายุมีความรุนแรงและฝนตกหนักรวมทั้งเกิดภัยแล้วถี่ขึ้น
- คลื่นความร้อน(Heat Wave) : ในช่วงฤดูร้อนเขตอบอุ่นแถบยุโรปและอเมริกาเหนืออุณหภูมิจะสูงขึ้นเกือบ 50 องศา อากาศร้อนอบอ้าวหลายสัปดาห์และยังทำให้เกิดไฟป่า เผาทำลายพืชและสัตว์อย่างกว้างขวาง
- ภัยแล้งซ้ำซาก : ปรากฎการณ์เอลนีโญ และลานีญา ทำให้เกิดความแห้งแล้ง ฝนตกหนัก ทวีความรุนแรงและถี่ขึ้นถึง 5 เท่า ในช่วง 100 ปี
- หิมะถล่มเมือง : ทวีปอเมริกาเหนือและตอนเหนือของยุโรปอาจเกิดปรากฎการณ์หนาวสุดขั่ว อุณหภูมิติดลบต่ำกว่าจุดเยือกเย็น หิมะตกต่อเนื่องยาวนาน
- พายุหมุนขนาดยักษ์ : น้ำทะเลในมหาสมุทรมีอุณหภูมิสูง ทำให้เกิดพายุหมุนเขตร้อน เช่น ใต้ฝุ่น เฮอริเคน ไซโคลน ถี่และรุนแรงกลายเป็นซูเปอร์พายุหมุน (Superstorm) ที่ก่อภัยพิบัติน้ำท่วม ดินถล่ม
- น้ำท่วมโลก : เกิดจากสภาวะโลกร้อนส่งผลให้น้ำแข็งบริเวณขั่วโลกละลายลงสู่ทะเลและมหาสมุทร ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เมืองที่อยู่ติดชายทะเลอาจจะจมอยู่ใต้น้ำ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวสะโลกร้อนที่เกิดขึ้น
- กระแสน้ำมหาสมุทรแปรปรวน : การละลายของน้ำแข็งขั่วโลกทำให้การไหลเวียนของกระแสน้ำอุ่น และกระแสน้ำเย็นเคลื่อนที่ช้าลง ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตบนบกและสัวต์ในทะเล
- ทะเลเป็นกรด : น้ำทะเลมีความเป็นกรดสูงสภาวะทางเคมีเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตหลายชนิดในระบบนิเวศทางทะเลต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่
- พืชและสัตว์สูญพันธุ์ : เกิดปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาว ระบบนิเวศเสื่อมโทรมสิ่งมีชีวิตบนบกดำรงชีวิตได้ยาก ทั้งการผลัดใบ ผลิดอกของพืชการอพยพย้ายถิ่นของสัตว์รวมถึงการจับคู่ผสมพันธุ์วางไข่
- โรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ : การระบาดของโรคร้ายจากเขตร้อนแพร่กระจายไปสู่ภูมิภาคอื่นของโลกง่ายขึ้นทั้งโรคมาลาเลีย ไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบ โรคคอตีบ และเกิดเชื้อโรคชนิดใหม่ เช่น โรคซาร์ส
ข้อมูลระบุเพิ่มเติมว่าผลกระทบจาก "Climate Change" ได้สร้างความเสียหายและทวีความรุนแรงขึ้นทุกปีๆ ลุกลามกระทบไปถึงความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศอย่างต่อเนื่องแบบลูกโซ่ เสี่ยงต่อการเกษตร สุขภาพของมนุษย์ โครงสร้างพื้นฐาน การดำรงชีวิต และเศรษฐกิจของทั่งโลก ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาสมดุลของโลกใบนี้เอาไว้ UN ได้มีการทำโครงการ ActNow เป็นโครงการรณรงค์ของสหประชาชาติว่าด้วยการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนในระดับบุคคล ทุกคนสามารถช่วยลดภาวะโลกร้อน และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการทำกิจกรรมที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม
https://www.komchadluek.net/quality-...ronment/546045
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|