[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


รายงานสภาพอากาศ UN เผย ระดับน้ำทะเลโลกสูงเร็วขึ้นมากกว่าเท่าตัว

หน่วยงานสภาพอากาศของสหประชาชาติเผยแพร่รายงานใหม่ ชี้ว่าระดับน้ำทะเลโลกเพิ่มเร็วขึ้นกว่าช่วง 2 ทศวรรษก่อนกว่าเท่าตัว และจะเพิ่มต่อเนื่องไปเป็นพันปี



เมื่อวันศุกร์ที่ 21 เม.ย. ปี พ.ศ. 2566 องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) แห่งสหประชาชาติ (UN) เผยแพร่รายงานสภาพอากาศประจำปี ระบุว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเท่าตัว จากช่วง ค.ศ.1993-2002 (พ.ศ. 2536-2545) ซึ่งเป็นทศวรรษแรกที่พวกเขาเริ่มเก็บข้อมูล พร้อมเตือนว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทิศทางนี้ต่ออีกนับพันปี

รายงานระบุว่า ระดับน้ำทะเลโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.62 มม.ต่อปีระหว่างปี ค.ศ. 2013-2022 (พ.ศ. 2556-2565) อันเป็นผลจากการละลายอย่างรวดเร็วของธารน้ำแข็งและอุณหภูมิของมหาสมุทรที่เพิ่มสูงทุบสถิติ หมายความว่าระดับน้ำทะเลโลกเพิ่มขึ้นมาแล้วมากกว่า 10 ซม. นับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1990s

"เราพ่ายแพ้แล้วในเกมการละลายของธารน้ำแข็งและเกมการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ดังนั้นนี่จึงเป็นข่าวร้าย" นายเพตเตรี ทาลาส เลขาธิการของ WMO กล่าวในการแถลงข่าว และเสริมว่า ก๊าซเรือนกระจกระดับสูงมากที่ถูกปล่อยออกมา จะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นต่อไปอีกนับพันปี

นายทาลาสกล่าวว่า รูปแบบสภาพอากาศสุดขั้วนี้จะดำเนินต่อไปจนถึงช่วง ค.ศ.2060 ไม่ว่ามนุษย์จะใช้มาตรการใดๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจำก็ตาม แต่เขาเชื่อว่า มนุษย์ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์จากเทรนด์ด้านลบนี้ และอาจถึงขั้นบรรลุเป้าหมาย จำกัดไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มมากกว่า 1.5 องศาเซลเซียสนับตั้งแต่ยุคก่อนอุตสหกรรม แต่ประเทศกลุ่ม G7 ต้องมีแผนป้องกันโลกร้อนที่ทะเยอทะยานกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลกำลังส่งผลกระทบต่อเมืองชายฝั่งหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงอาจคุกคามการดำรงอยู่ของรัฐที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำแหลายแห่ง รวมถึงประเทศเกาะ ตูวาลู

รายงานของ WMO ซึ่งเผยแพร่ก่อนถึงวัน เอิร์ธ เดย์ (Earth Day) เพียงวันเดียว ยังแสดงให้เห็นว่า น้ำแข็งในทะเลแถบแอนตาร์กติกาลดลงไปอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนกับกรกฎาคมปีก่อน และพื้นผิวน้ำของมหาสมุทรราว 58% ทั่วโลกกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนทางทะเล (marine heatwave)

WMO ระบุอีกว่า ปี 2022 หรือ พ.ศ. 2565 เป็นปีที่ร้อนที่สุดอันดับ 5 หรือ 6 นับตั้งแต่พวกเขาเริ่มเก็บสถิติ โดยอุณหภูมิโลกสูงกว่าค่าเฉลี่ยของยุคก่อนอุตสาหกรรม 1.15 องศาเซลเซียส แม้ว่าผลกระทบจากปรากฏการณ์ ลานิญา นาน 3 ปีจะทำให้บางพื้นที่เย็นลง

แต่นักวิทยาศาสตร์คาดว่า โลกจะทุบสถิติอุณหภูมิเฉลี่ยอีกครั้งในปี 2023 หรือ 2024 เพราะอิทธิพลจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการกลับมาของ เอลนีโญ ซึ่งจะทำให้บางพื้นที่ร้อนขึ้น


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2685800


******************************************************************************************************


อช.หมู่เกาะลันตา เผยภาพสวรรค์ใต้ทะเล "เกาะห้า" ชี้ ปะการังโตเร็วกว่า 2 เท่า

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ เผยภาพความสวยงามใต้ท้องทะเลของหมู่เกาะห้า พบว่าแนวปะการัง มีความสมบูรณ์สวยงาม และมีการเจริญเติบโตดีกว่าปกติ 2-3 เท่า หลังจุดนี้ได้รับความนิยมจากนักดำน้ำ



ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2566 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ เผยภาพความสวยงามใต้ท้องทะเลของหมู่เกาะห้า หรือที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันด้วยภาษามลายูว่า "เกาะตุกนลิมา" ในพื้นที่ อ.เกาะลันตา ซึ่งปัจจุบันหมู่เกาะห้า ถือเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยสุดของกระบี่ กลายเป็นสวนสวรรค์ของเหล่านักดำน้ำ และ นทท.เพราะนอกจากน้ำทะเลที่ใสราวกับแก้วแล้ว สวนปะการังใต้ทะเลรอบๆ หมู่เกาะ ยังสวยงามสมบูรณ์สุดๆ ภาพที่ถูกนำมาเผยแพร่ครั้งนี้ เป็นภาพของการลงดำน้ำสำรวจแนวปะการังรอบเกาะ รวมทั้งติดตามการฟื้นตัวแปลงอนุบาลปะการังที่ปลูก และขยายพันธุ์ โดยการนำเศษปะการังที่แตกหักที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 โดย จนท.อช.หมู่เกาะลันตา สำรวจร่วมกับองค์กร Ocean Quest Malaysia-Sea Shepherd Dive จากมาเลเซีย และภาคเอกชนในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 19-21 เม.ย. จากการสำรวจพบว่าแนวปะการังมีความสมบูรณ์สวยงาม และมีการเจริญเติบโตที่ดีกว่าปกติ 2-3 เท่า

นายเนรมิต สงแสง หน.อุทยานฯ เผยว่า จากการลงดำสำรวจในแปลงที่มีการเพาะ พบว่าปะการังของที่นี่เติบโตได้ดีกว่าปกติทั่วไป ซึ่งตามปกติการเติบโตของปะการังบางสายพันธุ์จะอยู่ที่ 1-1.5 ซม.ต่อปี แต่ที่เกาะห้า กลับโตขึ้นปีละ 2-3 ซม. ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก นอกจากนี้ยังพบว่ามีความสมบูรณ์มาก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ทางอุทยานฯ จะมี จนท.คอยดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด ไม่ให้ถูกกระทบจากการท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันเกาะห้า กำลังได้รับความนิยมจาก นทท.มากขึ้น

เรียกว่าร้อยละ 40 ของ นทท.ที่เข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จะมาที่นี่เป็นหลัก เพราะสามารถดำน้ำชมปะการัง ได้ทั้งแบบฟรีไดฟ์วิ่ง (Freediving) ดำน้ำลึก (Scuba) หรือดำดูผิวน้ำ (Snorkeling) โดยสามารถเดินทางมาได้ทั้งจากเกาะลันตา นั่งเรือสปีดโบ๊ตประมาณ 30 นาที หากมาจากเกาะพีพี นั่งเรือประมาณ 1 ชม. แต่ละปีจะปิดพื้นที่ในช่วงฤดูมรสุม 3-4 เดือน เพื่อให้ธรรมชาติได้พักฟื้นตัวเองด้วย.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2685690