
25-08-2023
|
 |
Senior Member
|
|
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
|
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ทะเลน้ำแข็งแอนตาร์กติกาแตก ทำลูกเพนกวินจักรพรรดิตายนับหมื่นตัว
นักวิทยาศาสตร์พบว่า ทะเลน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ละลายและแตกตัวเร็วกว่าปกติ ส่งผลลูกเพนกวินที่ยังไม่โตพอจะรอดชีวิตในทะเล จมน้ำหรือหนาวตายในทะเลนับหมื่นตัว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียมจับภาพเหตุการณ์น่าสลด เมื่อแผ่นทะเลน้ำแข็งขนาดใหญ่ในทวีปแอนตาร์กติกา ที่ขั้วโลกใต้ ละลายและแตกตัวออกจากกัน ทำให้ในขณะที่มีโคโลนีเพนกวินอยู่ด้านบน ส่งผลให้ลูกเพนกวินจักรพรรดิ ที่ขนกันน้ำสำหรับว่ายน้ำยังไม่ขึ้น จมน้ำหรือหนาวตายในทะเลจำนวนมาก คาดว่าอาจถึง 10,000 ตัว
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ทางตะวันตกของแอนตาร์กติกา บริเวณทะเลเลลิงเชาเซน โดย ดร.ปีเตอร์ เฟรตเวลล์ จากสำนักงานสำรวจแอนตาร์กติกแห่งอังกฤษ (BAS) กับเพื่อนร่วมงานรายงานเรื่องนี้ผ่านวารสาร Communications Earth & Environment พร้อมเตือนว่า ความสูญเสียครั้งนี้เป็นลางบอกเหตุของหายนะที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่า โคโลนีของเพนกวินจักรพรรดิมากกว่า 90% จะสูญพันธุ์ในช่วงสิ้นศตวรรษที่ 21 นี้ เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้ทะเลน้ำแข็งตามฤดูกาลของทวีปแอนตาร์กติกา มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ
"เพนกวินจักรพรรดิพึ่งพาทะเลน้ำแข็งในวัฏจักรการสืบพันธุ์ เนื่องจากเป็นพื้นที่มั่นคงสำหรับใช้เลี้ยงดูลูกของพวกมัน แต่ถ้าน้ำแข็งดังกล่าวไม่กว้างขวางอย่างที่ควรจะเป็น หรือแตกตัวเร็วกว่าปกติ นกเหล่านี้จะลำบาก" ดร.เฟรตเวลล์บอกกับ บีบีซี
"ยังมีความหวังอยู่ เราสามารถลดการปล่อยคาร์บอนที่เป็นสาเหตุของโลกร้อนได้" ดร.เฟรตเวลล์กล่าวเสริม "แต่หากเราไม่ทำ เราจะเป็นผู้ผลักให้นกที่งดงามเป็นเอกลักษณ์นี้ไปสู่ขอบเหวของการสูญพันธุ์"
ทั้งนี้ ดร.เฟรตเวลล์กับเพื่อนร่วมงานใช้ดาวเทียม เซนติเนล-2 (Sentinel-2) ของสหภาพยุโรป ติดตามสังเกตการณ์โคโลนีเพนกวิน 5 กลุ่มในทะเลเบลลิงเชาเซน ประกอบด้วยโคโลนีบนเกาะ รอธส์ไชล์ด, เกาะเวอร์ดี, เกาะสไมลีย์, คาบสมุทรไบรอัน และแหลมฟรอกเนอร์
ตามปกติแล้ว เพนกวินวัยผู้ใหญ่จะขึ้นไปอยู่ทะเลน้ำแข็งในช่วงเดือนมีนาคม ในขณะที่ฤดูหนาวของซีกโลกใต้ใกล้เข้ามา พวกมันจะเกี้ยวพาราสี, ผสมพันธุ์, วางไข่ และเลียงดูลูกตลอดหลายเดือนหลังจากนั้น จนกระทั้งลูกของมันโตพอที่จะไปเผชิญโลกกว้าง ซึ่งมักจะเป็นช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม
แต่เมื่อปีก่อน น้ำแข็งเริ่มแตกตัวในเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่ลูกเพนกวินจะงอกขนกันน้ำสำหรับว่ายน้ำ ส่งผลให้การสืบพันธุ์ใน 4 โคโลนี ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง มีเพียงโคโลนีที่อยู่ทางเหนือสุดที่เกาะรอธส์ไชลด์ เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จบ้าง
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2719952
******************************************************************************************************
จีน ฮ่องกง แบนอาหารทะเลจากญี่ปุ่นทันที หลังปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสี
จีน ฮ่องกงลงดาบ ห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นทันที หลังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ เริ่มปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัด ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกแล้ววันนี้

เมื่อ 24 ส.ค. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน รัฐบาลจีนประกาศห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากญี่ปุ่นทั้งหมดแล้ว หลังจากญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ได้รับการบำบัดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่ก่อให้เกิดสึนามิเมื่อ 12 ปีก่อน ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกแล้วในวันนี้ (24 ส.ค.)
สำนักงานศุลกากรของจีนออกแถลงการณ์ทันทีในวันนี้ว่า สำนักงานศุลกากรรู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่งเกี่ยวกับความเสี่ยงของกัมมันตรังสีที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารทะเล และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่นำเข้าจากญี่ปุ่น หลังจากเริ่มปล่อยน้ำเสียที่ผ่านการบำบัด
ในขณะที่รัฐบาลฮ่องกงภายใต้การนำของนายจอห์น ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงได้ประกาศห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากพื้นที่ 10 จังหวัดของญี่ปุ่น อาทิโตเกียว, ฟุกุชิมะและ ชิบะ ทันทีในวันนี้ เนื่องจากหวั่นวิตกในเรื่องความปลอดภัย หลังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะเริ่มปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกแล้วในวันนี้
มีรายงาน ญี่ปุ่นส่งออกอาหารทะเลไปยังจีน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2565 จนทำให้จีนถือเป็นตลาดรับซื้ออาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ในขณะที่ฮ่องกง ส่งออกอาหารทะเลไปยังประเทศจีนมากที่สุดรองลงมาเป็นอันดับสอง หรือประมาณ 42% ของอาหารทะเลที่ญี่ปุ่นส่งไปขายในประเทศจีน ในปี 2565
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ซึ่งดำเนินกิจการโดยบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ (Tepco, เทปโก) ได้เริ่มปล่อยน้ำรอบแรกที่ผ่านการบำบัดผ่านอุโมงค์ใต้น้ำสู่มหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว เมื่อเวลา 13.03 น. ของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น หลังรัฐบาลญี่ปุ่นได้ลงนามอนุมัติเมื่อสองปีก่อน และระบุว่า ได้รับ 'ไฟเขียว' ผ่านการตรวจสอบจากทบวงการพลังงานปรมาณูสากลของสหประชาชาติ (IAEA) แล้ว ถึงแม้จะถูกต่อต้านคัดค้านอย่างหนักจากชาวประมงในญี่ปุ่นเอง ประชาชนที่เป็นห่วงทะเล และกลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนชาติเพื่อนบ้านทั้งเกาหลีใต้และจีน
รัฐบาลจีนได้ยืนยันในจุดยืนที่คัดค้านต่อแผนการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ มาตลอด โดยระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าน้ำจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ เหล่านี้มีความปลอดภัย ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นตอบโต้คำวิพากษ์วิจารณ์ของจีนว่า จีนได้เผยแพร่ข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
สำหรับปริมาณน้ำที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะรอบแรก อยู่ที่ 7,800 ลูกบาศก์เมตร หรือเทียบเท่ากับสระว่ายน้ำตามมาตรฐานโอลิมปิก จำนวน 3 สระ และต้องใช้ระยะเวลาในการปล่อยน้ำลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเป็นเวลาประมาณ 17 วัน.
ที่มา : Reuters, South China Morning Post
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2719887
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|