ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ญี่ปุ่นปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีสู่ทะเล แม้บำบัดแล้ว จะปลอดภัยแค่ไหน? .......... Thairath Plus Nature Matter

Summary
- ญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะที่ประสบภัยสึนามิลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกในวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมาแม้ว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจีนและเกาหลีจะต่อต้านก็ตาม เพราะอาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและอาหารทะเล
- สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ให้ข้อมูลว่า น้ำที่ปนเปื้อนจะได้รับการบำบัดผ่านระบบการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง (Advanced Liquid Processing System: ALPS) ที่ตรวจสอบแล้วปลอดภัยตามมาตรฐานของ IAEA
- แผนปล่อยน้ำนี้ดำเนินมาหลายปีแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ออกมาเตือนในปี 2019 ว่า พื้นที่สำหรับเก็บวัสดุกำลังจะหมด ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยน้ำในรูปแบบที่ผ่านการบำบัดและเจือจางสูง
- สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ มีการศึกษาและแนะให้ญี่ปุ่นเสนอข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ให้มีคนกลางตรวจสอบ และทำงานร่วมกับประเทศผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
เป็นกระแสไปทั่วโลกกับประเด็นที่ญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ในวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา แม้ว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจีนและเกาหลีจะต่อต้านก็ตาม เพราะอาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและอาหารทะเล
โดยจีนได้ห้ามการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นทั้งหมด เพื่อตอบโต้กับที่ญี่ปุ่นปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้ว ทำให้เกิดความบาดหมางและตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนเคยวิพากษ์วิจารณ์แผนดังกล่าวว่าไม่ปลอดภัยมาแล้ว
ส่วนเกาหลีใต้แม้รัฐบาลจะไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ แต่ยังคงมีกระแสต่อต้านจากภาคประชาชน โดยมีกลุ่มคนนำเข้าไปถือป้ายที่สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อต่อต้านการปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้ว และถูกจับกุมไป 16 คน
อีกทั้งฝ่ายนิติบัญญัติที่เป็นฝ่ายค้านมองว่า การปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีอาจเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์
ส่วนในญี่ปุ่น สหภาพแรงงานชาวประมง มองว่าอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชาวประมง
แม้ญี่ปุ่นจะประกาศแผนการปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วนี้ออกมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว และทำให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองอย่างรุนแรงกับจีนและเกาหลีใต้ แต่กัมมันตภาพรังสีในน้ำยังคงเป็นเรื่องที่ส่วนใหญ่มองว่าเป็นสิ่งที่อันตรายมาก แม้จะมีการบำบัดแล้วก็ตาม
น้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วปลอดภัยจริงไหม?
สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ให้ข้อมูลว่า น้ำที่ปนเปื้อนจะได้รับการบำบัดผ่านกระบวนการกรองที่เรียกว่า ระบบการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง (Advanced Liquid Processing System: ALPS) เพื่อกำจัดกัมมันตภาพรังสีส่วนใหญ่ก่อนนำไปจัดเก็บ โดย ALPS คือระบบสูบน้ำและกรอง ซึ่งใช้ชุดปฏิกิริยาเคมีเพื่อกำจัดนิวไคลด์กัมมันตรังสี 62 ชนิดออกจากน้ำที่ปนเปื้อน
อย่างไรก็ตาม ALPS ไม่สามารถกำจัดทริเทียมออกจากน้ำที่ปนเปื้อนได้ ซึ่งทริเทียมเป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีบีต้า มีความเสี่ยงต่ำแต่เป็นอันตรายเมื่อเข้าสู่ร่างกายผ่านทางปากหรือแผลเมื่อรับปริมาณมาก ซึ่งจากการตรวจสอบความปลอดภัยของ IAEA ได้ข้อสรุปว่า แผนการของญี่ปุ่นในการปล่อยน้ำบำบัดที่เก็บไว้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิลงสู่ทะเลนั้นสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของ IAEA
ราฟาเอล มาเรียโน กรอสซี (Rafael Mariano Grossi) อธิบดี IAEA ได้ส่งรายงานอย่างเป็นทางการต่อ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น โดยระบุว่าการปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดจะมีผลกระทบทางรังสีวิทยาต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อมเล็กน้อย
ทั้งนี้ รายงานนี้เป็นผลงานจากการทำงานเกือบ 2 ปีโดยคณะทำงานเฉพาะกิจของ IAEA ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากภายในหน่วยงาน ซึ่งได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลจาก 11 ประเทศ โดยทบทวนแผนของญี่ปุ่นต่อมาตรฐานความปลอดภัยของ IAEA ซึ่งทำหน้าที่เป็นข้อมูลอ้างอิงระดับโลกในการปกป้องผู้คนและสิ่งแวดล้อม และมีส่วนทำให้ความปลอดภัยระดับสูงทั่วโลก
"IAEA จะยังคงให้ความโปร่งใสแก่ประชาคมระหว่างประเทศ ทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดสามารถพึ่งพาข้อเท็จจริงและวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว เพื่อแจ้งความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดกระบวนการ" มาเรียโน กรอสซี กล่าว
มาเรียโน กรอสซี กล่าวว่า IAEA จะดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยต่อไปในระหว่างขั้นตอนการปล่อยน้ำและลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และจัดให้มีการตรวจสอบออนไลน์แบบสดบนเว็บไซต์
"สิ่งนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า มาตรฐานความปลอดภัยระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องจะยังคงถูกนำมาใช้ตลอดกระบวนการที่ยาวนานหลายทศวรรษที่กำหนดโดยรัฐบาลญี่ปุ่นและ Tokyo Electric Power Company (TEPCO)" มาเรียโน กรอสซี กล่าว
ทำไมญี่ปุ่นจำเป็นต้องปล่อยน้ำเสียออกมา
หลังจากแผ่นดินไหวและสึนามิที่ทำลายล้างของญี่ปุ่นในปี 2011 ส่งผลให้น้ำภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะปนเปื้อนด้วยสารกัมมันตภาพรังสีสูง ตั้งแต่นั้นมาน้ำใหม่จะถูกสูบเข้าไปเพื่อทำให้เศษเชื้อเพลิงในเครื่องปฏิกรณ์เย็นลง ในขณะที่น้ำใต้ดินและน้ำฝนรั่วไหลเข้าไป ทำให้เกิดน้ำเสียที่มีกัมมันตรังสีมากขึ้น
ทั้งนี้ แผนปล่อยน้ำนี้ดำเนินมาหลายปีแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกมาเตือนในปี 2019 ว่า พื้นที่สำหรับเก็บวัสดุกำลังจะหมด ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยน้ำในรูปแบบที่ผ่านการบำบัดและเจือจางสูง
อย่างไรก็ตาม บริษัท TEPCO คาดว่า จะปล่อยน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วประมาณ 200 หรือ 210 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมเป็นต้นไป และมีแผนที่จะปล่อยน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดอย่างต่อเนื่องจำนวน 456 ลูกบาศก์เมตรในระยะเวลา 24 ชั่วโมง และรวมทั้งหมด 7,800 ลูกบาศก์เมตรในระยะเวลา 17 วัน ซึ่งการดำเนินการจะถูกระงับทันที และจะดำเนินการตรวจสอบหากตรวจพบความผิดปกติใดๆ ในอุปกรณ์ระบายหรือระดับการเจือจางของน้ำเสียที่ผ่านการบำบัด
ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจะเป็นอย่างไรบ้าง
ในขณะที่บางประเทศสนับสนุนญี่ปุ่น เช่น สหรัฐอเมริกา และไต้หวันที่เห็นพ้องกันว่า ปริมาณทริเทียมควรมีผลกระทบน้อยที่สุด แม้จีนและหมู่เกาะแปซิฟิกต่างคัดค้าน โดยการปล่อยก๊าซดังกล่าวอาจส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ และอาจคุกคามสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมทางทะเล
กรมศุลกากรของจีนจึงประกาศว่า จะหยุดนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำทั้งหมดที่มาจากญี่ปุ่น เพื่อป้องกันความเสี่ยงของการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีในความปลอดภัยของอาหารที่เกิดจากการปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนนิวเคลียร์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่น และเพื่อปกป้องสุขภาพของผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งหมายความว่าการห้ามดังกล่าวอาจจำกัดผลิตภัณฑ์จากมหาสมุทรอื่นๆ นอกเหนือจากอาหารทะเล เช่น เกลือทะเลและสาหร่ายทะเล
นอกจากนี้ ยังเกิดการวิจารณ์อย่างหนักจากประเทศจีนว่าเป็น ?การกระทำที่เห็นแก่ตัวและขาดความรับผิดชอบ? เช่นเดียวกับในฮ่องกงที่ต่อต้านเช่นกัน
"การกระทำของญี่ปุ่นในการปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนนั้นขาดความรับผิดชอบ ผิดกฎหมาย และผิดศีลธรรม ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่า เศษนิวเคลียร์และวัสดุต่างๆ ปลอดภัย พวกมันไม่ปลอดภัยโดยสิ้นเชิง" จาเคย์ ชุม (Jacay Shum) นักเคลื่อนไหววัย 73 ปี กล่าว
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือก็เรียกร้องให้ระงับการปล่อยน้ำทันที โดยเรียกว่าเป็น 'อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ'
ส่วนในญี่ปุ่น มีผู้ประท้วงรวมตัวหน้าสำนักงานใหญ่ของ TEPCO ในโตเกียว โดยถือป้ายที่มีข้อความว่า ?อย่าโยนน้ำที่ปนเปื้อนลงทะเล!?
"ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะยังไม่สิ้นสุด คราวนี้น้ำจะถูกปล่อยออกมาเพียงประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น จากนี้ไปเราจะต่อสู้ต่อไปอีกนานเพื่อหยุดการปล่อยน้ำที่ปนเปื้อนในระยะยาว" จุน อิซึกะ วัย 71 ปี ผู้ประท้วงกล่าว
ทางออกเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติของประเทศไทย มีการศึกษาและมีข้อเสนอแนะทางออกของกรณีนี้เพื่อลดความกังวลและผลกระทบของรังสีต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลว่า
1. ให้ญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา รายงานผลการวัดกัมมันตภาพรังสีอย่างสม่ำเสมอและทันเวลา (ก่อนและหลังการระบายน้ำ) รวมถึงระดับทริเทียม (H-3 มีค่าครึ่งชีวิต 12.32 ปี) และสารกัมมันตภาพรังสีอื่นๆ
2. เปิดโอกาสให้ประเทศที่สาม เข้าร่วมในคณะทำงานด้านเทคนิคเพื่อประเมินขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อความโปร่งใสของญี่ปุ่น และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในประเทศเหล่านั้นและองค์กรระหว่างประเทศ
3. คณะทำงานด้านเทคนิคจะเป็นการดำเนินการร่วมกันภายใต้กรอบพหุภาคี ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีน เกาหลีใต้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากประเทศที่สามและ IAEA เป็นผู้ประสานงาน เพื่อดำเนินการประเมินความปลอดภัยอย่างเป็นธรรมในการปฏิบัติการดังกล่าว และเพื่อให้มั่นใจว่า การดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล ซึ่งการดำเนินการตามข้อเสนอข้างต้นจำเป็นต้องได้รับงบประมาณสนับสนุนการร่วมภารกิจจากรัฐบาลของประเทศสมาชิกและจาก IAEA
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นในตอนนี้ยังเป็นที่จับตาว่าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร และอาจต้องใช้สิ่งที่มากกว่าผลทางวิทยาศาสตร์ในสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องได้รับผลกระทบ
https://plus.thairath.co.th/topic/naturematter/103644
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|