ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
ห้ามจับเล่น เพจดังเตือน พบทากทะเลหายาก blue dragon ที่ภูเก็ต สวยอันตราย

เพจขยะมรสุม เผย ทากทะเลสุดหายาก Blue Dragon Sea Slug ลอยมาเกยชายหาดที่ จ.ภูเก็ต จำนวนมาก "อ.ธรณ์" เตือน ทากเหล่านี้มีสีสวยแต่มีพิษอันตราย ห้ามใช้มือเปล่าจับเด็ดขาด
รายงานความเคลื่อนไหวทางด้านสิ่งแวดล้อม สายรักษ์โลก ต้องอ่านที่เพจนี้ เพจดังด้านสิ่งแวดล้อม "เพจขยะมรสุม" ???s?????????? ???????? โพสต์ภาพหากทะเลสีฟ้าสวย สุดหายาก Blue Dragon Sea Slug ที่ถูกพบลอยตามกระแสน้ำมาติดชายหาดกะรนที่ จ.ภูเก็ต
ทางด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ทากทะเลชนิดนี้เป็นญาติของหอยฝาเดียว โดยทากทะเล blue dragon เป็นที่รู้จักของนักดำน้ำเป็นอย่างดี แม้มีขนาดเล็กแต่สีสวย แต่ถึงขั้นเป็นเป้าหมายในการเก็บแต้มของเหล่านักดำน้ำผู้นิยมสัตว์เล็ก
ด้วยสีและลำตัว ที่กลมกลืนกับน้ำทะเล แถมยังเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มันสามารถหาอาหารและพรางตัวไปกับกระแสน้ำ จากบรรดานักล่าบนบก ในน้ำ และใต้น้ำได้เป็นอย่างดี
"ทากทะเลเป็นสัตว์พิสดาร บางชนิดสามารถกินสัตว์ที่มีเข็มพิษแล้วดึงเอาเซลล์เข็มพิษมาไว้ในตัวเพื่อป้องกันตัวเอง นักดำน้ำบางคนอาจเจอทากพวกนี้กำลังกินไฮดรอยด์ (ขนนกทะเล) โดยมีเข็มพิษอยู่ปลายเนื้อเยื่อที่ยื่นออกมาคล้าย ?หนาม? ตามลำตัว"
ผศ.ดร.ธรณ์ อธิบาย
?เราเรียกทากทะเลกลุ่มนี้ว่า Aeolidida พวกเธอสามารถดึงเข็มพิษจากสัตว์อื่นมาใช้ได้ แต่ในจำนวนนี้ สุดยอดทากคือเจ้ามังกรฟ้า (Glaucus atlanticus) ทากทะเลกลุ่มนี้ดำรงชีวิตกลางน้ำ เรียกกันว่า pelagic nudibranch?
"เนื่องจากทากทะเลชนิดนี้ออกล่าและกินแมงกะพรุนทะเลที่มีพิษร้าย อย่างเช่น Portuguese man o' war ทากทะเล blue dragon จึงมีพิษร้ายเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ควรจับแตะโดน หรือนำมาเลี้ยงเป็นอันขาด โดยหากเผลอพลั้งไปแตะถูกเข็มพิษของทากเหล่านี้เข้า ให้ถอนพิษโดยการใช้น้ำส้มสายชูล้างบริเวณบาดแผล"
"และเนื่องจาก ทากทะเล blue dragon ล่าแมงกะพรุน Portuguese man o' war เป็นอาหาร จึงมีโอกาสมากที่ระยะนี้จะมีแมงกะพรุนพิษ Portuguese man o' war ลอยมาติดชายฝั่งใน จ.ภูเก็ต เช่นเดียวกัน ซึ่ง ผศ.ดร.ธรณ์ ก็ได้เตือนว่า ห้ามจับต้องแมงกะพรุนเหล่านี้ เพราะมีอันตรายจากพิษเช่นกัน ดังนั้นผู้ที่เล่นน้ำ เดินชายหาดใน จ.ภูเก็ต ระยะนี้ จึงควรระวังเป็นอย่างยิ่ง"
Blue dragon มักพบได้ทั่วไปในมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดีย บริเวณชายฝั่งประเทศออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และยุโรป บริเวณน่านน้ำเขตร้อน ในทะเลน้ำอุ่น แต่ไม่ค่อยพบในบริเวณน่านน้ำไทย
การค้นพบครั้งนี้จึงเป็นการค้นพบทากทะเล blue dragon เป็นครั้งแรกๆ ของประเทศ ปัจจุบัน สถานะของ Blue Dragon ก็อยู่ในบัญชีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ของ IUCN
https://www.nationtv.tv/gogreen/378928742
******************************************************************************************************
เฮ! เปิดวินาที ลูกเต่าแม่ทองดี กว่า 40 ตัว ฟักออกจากไข่ลงสู่ทะเล

เฮ! เปิดวินาที ลูกเต่าแม่ทองดี กว่า 40 ตัว ฟักไข่คลานลงสู่ทะเล ผลระบบนิเวศเกาะเต่าสมบูรณ์ คาดจะมีแม่เต่าทะเลทยอยขึ้นมาวางไข่อีก
31 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา สมาชิกชมรมรักษ์เกาะเต่า ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน รับรายงานจากเต่าทองรีสอร์ท หาดทรายนวล หมู่ 2 ต.เกาะเต่า ทางด้านทิศใต้ของเกาะเต่า ว่า ได้พบบรรดาลูกเต่า จากหลุมที่ 1 ของแม่เต่าชื่อ "ทองดี" ที่วางไข่บริเวณหาดทรายได้เริ่มทยอยออกจากหลุมแล้ว ทางชมรมจึงประสานนักชีววิทยาทางทะเล และสมาชิกชมรมฯเร่งเดินทางไปตรวจสอบพบว่า มีลูกเต่าบางส่วนได้ลงสู่ทะเลไปแล้วกว่า 10 ตัว และมีบางส่วนที่ทางพนักงานรีสอร์ทได้ช่วยนำใส่ไว้ในถัง เพื่อตรวจเช็คความพร้อมก่อนปล่อยลงสู่ท้องทะเล
ต่อมา นักชีววิทยาทางทะเล และสมาชิกชมรม ได้ร่วมกันช่วยเหลือให้ลูกเต่าออกจากรังเต่าลงสู่ท้องทะเลอย่างปลอดภัย อีกจำนวน 29 ตัว ซึ่งในช่วงเวลาเต่าออกจากรังมีน้ำขึ้นสูงคลื่นลมแรง และมี 1 ตัวที่ยังไม่แข็งแรงเพียงพอ จึงได้ปรึกษาสัตวแพทย์ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) เห็นว่าควรดูอาการไว้ 1 คืน โดยจะทำการปล่อยกลับลงสู่ท้องทะเลในวันถัดไปหากลูกเต่ามีความแข็งแรงพอ ซึ่งหลังจากลูกเต่าได้ออกลงท้องทะเล คณะทั้งหมดได้ช่วยกันตรวจรังเต่า เพื่อให้แน่ใจไม่มีลูกเต่าติดค้างอยู่ในรังแล้ว
นางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า กล่าวว่า แม่เต่า "ทองดี" เป็นเต่าทะเลตัวแรกที่ขึ้นมาวางไข่บนเกาะในปีนี้ โดยคณะได้ทำการนับเปลือกไข่ที่ได้ฟักออกเป็นตัวแล้วได้ทั้งสิ้น 42 ฟอง พบไข่เน่า 3 ฟอง และไข่ที่มีการพัฒนาไม่สมบูรณ์อีก 1 ฟอง รวมทั้งสิ้น 46 ฟอง ซึ่งการทำงานของทีมอาสาสมัคร ได้รับการอบรมและกำกับโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.)ในทุกขั้นตอน
"จากสภาพพื้นที่หลุม 1 มีซากปะการังหักและเปลือกหอยจำนวนมาก ทำให้ทรายมีความแน่น จึงอาจส่งผลต่อการขุดและออกจากรังของลูกเต่าด้วยตนเอง ผู้เชี่ยวชาญจึงจำเป็นต้องช่วยโดยการปัดทรายที่ปิดส่วนด้านบนออกทีละน้อย แต่ยังคงให้เต่าออกจากไข่เองตามธรรมชาติ เราคาดหวังว่าจะมีแม่เต่าตัวอื่นๆขึ้นมาวางไข่อีก ซึ่งแสดงถึงระบบนิเวศน์พื้นที่เกาะเต่าที่ยังคงมีความสมบูรณ์" นางรำลึก กล่าว
https://www.nationtv.tv/news/region/378928766
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|