ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
รูโหว่ชั้นโอโซนเกิดใหม่ ใหญ่กว่าทวีปแอนตาร์กติกาสองเท่า

ภาพจำลองรูโหว่ชั้นโอโซนขนาดยักษ์ ที่ค้นพบล่าสุดเหนือทวีปแอนตาร์กติกา
ที่มาของภาพ,ESA / CS / DLR
ข้อมูลล่าสุดจากดาวเทียมคอเปอร์นิคัส เซนทิเนล (Copernicus Sentinel) ขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) พบว่าเกิดรูโหว่ใหม่ขนาดยักษ์ในชั้นโอโซนของบรรยากาศโลก โดยรูโหว่นี้อยู่เหนือขั้วโลกใต้ ทั้งมีขนาดใหญ่กว่าทวีปแอนตาร์กติกาถึงสองเท่า
นี่คือหนึ่งในรูโหว่ของชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเหล่านักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากเหตุภูเขาไฟใต้น้ำระเบิดที่ประเทศตองกา เมื่อช่วงต้นปี 2022
บรรยากาศชั้นโอโซนอยู่ที่ระดับความสูง 15-30 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ประกอบไปด้วยโมเลกุลของก๊าซที่มีอะตอมของธาตุออกซิเจน 3 ตัว (O3) ซึ่งช่วยปกป้องสิ่งมีชีวิตบนโลกจากอันตรายของรังสีอัลตราไวโอเล็ต (ยูวี) จากดวงอาทิตย์
ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 มีการค้นพบรูโหว่ขนาดยักษ์ในชั้นโอโซนแถบขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ทำให้ประชาคมโลกร่วมกันทำอนุสัญญาห้ามการใช้สารซีเอฟซี (Chlorofluorocarbons - CFCs) ซึ่งส่งผลให้รูโหว่ในชั้นโอโซนบางแห่งปิดตัวและหลายแห่งมีขนาดเล็กลง
ทว่ามวลอากาศเย็นของฤดูหนาวในแต่ละปี ทำให้เกิดเมฆบางชนิดที่ทำลายก๊าซโอโซนได้ จนในปัจจุบันยังคงเกิดรูโหว่ตามฤดูกาลในชั้นโอโซนเหนือขั้วโลกทั้งสองแห่งอยู่
อย่างไรก็ตาม รูโหว่ชั้นโอโซนเหนือขั้วโลกใต้และทวีปแอนตาร์กติกาในปีนี้ มีขนาดใหญ่โตจนน่าตกใจ โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา รูโหว่ดังกล่าวได้ขยายขนาดขึ้นใหญ่สุดถึง 26 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ใหญ่กว่าทวีปอเมริกาเหนือ และคิดเป็นสองเท่าของพื้นที่ทวีปแอนตาร์กติกาเอง
รูโหว่ในชั้นโอโซนของปีนี้ ยังมีความกว้างใหญ่เทียบได้กับประเทศจีนและประเทศรัสเซียรวมกัน ทั้งยังมีขนาดเป็น 3 เท่าของพื้นที่ประเทศบราซิลอีกด้วย
ศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางแห่งยุโรป (ECMWF) ระบุว่ารูโหว่ในชั้นโอโซนเหนือขั้วโลกใต้ของปีนี้ ก่อตัวขึ้นเร็วกว่าปกติตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม ซ้ำยังขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเป็นเพราะการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำ Hunga Tonga-Hunga Ha'apai ที่ประเทศตองกา เมื่อช่วงต้นปี 2022 โดยเหตุการณ์นี้จัดว่าเป็นการระเบิดที่ทรงพลัง ยิ่งกว่าระเบิดปรมาณูที่ถล่มเมืองฮิโรชิมา 100 ลูกรวมกัน และยังทำให้เกิดกลุ่มควันที่พวยพุ่งขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์โลก
นักวิทยาศาสตร์ของ ECMWF สันนิษฐานว่า การปะทุอย่างรุนแรงของภูเขาไฟใต้น้ำที่ตองกา ได้ดันให้โมเลกุลน้ำถึง 50 ล้านตันลอยขึ้นสู่บรรยากาศชั้นบนของโลก ทำให้มีไอน้ำเพิ่มขึ้นในบรรยากาศถึง 10% ทันที ซึ่งไอน้ำที่แตกตัวเป็นอนุภาคมีประจุสามารถจะทำลายชั้นโอโซนได้ เช่นเดียวกับสารซีเอฟซี
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญของ ECMWF ประเมินว่า การเกิดรูโหว่ยักษ์ในชั้นโอโซนตามฤดูกาลเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่น่าวิตก และมันน่าจะปิดลงได้เองภายในเวลาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนแนวโน้มการเยียวยารูโหว่ในชั้นโอโซนทั่วโลกนั้น หากปริมาณของสารซีเอฟซีที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศยังคงต่ำอยู่เช่นนี้ คาดว่ารูโหว่จะปิดตัวลงได้อย่างสมบูรณ์ในปี 2050
https://www.bbc.com/thai/articles/c3gl1enjerko
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|