ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
คลื่นใหญ่หอบซัดหอยกะพงเกยหาดนับ 100 เมตร ชาวบ้านเมืองคอนเฮเก็บกิน-ขาย
นครศรีธรรมราช - หลังจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันมา 3-4 วัน และมีคลื่นลมแรง ทำให้คลื่นใหญ่หอบซัดหอยกะพงเกยหาดโคกตะเคียน ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ยาวนับ 100 เมตร ชาวบ้านเก็บกิน-ขาย คาดถูกซัดมาจากจุดที่มี "ดอนหอย"

วันนี้ (14 พ.ย.) ที่หาดโคกตะเคียน ต.สระแก้ว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช หลังจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันมา 3-4 วัน และมีคลื่นลมแรง พบว่าคลื่นได้ซัดหอยกะพงที่อยู่ใต้ท้องทะเลขึ้นมาเกยชายหาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้เดินทางมาเก็บหอยกะพง ซึ่งถูกซัดมาเกยหาดปริมาณมหาศาลตลอดแนวหาดหลาย 100 เมตร
ชาวบ้านนับ 100 คน พากันมาเก็บหอยที่ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่ง แต่ละคนเก็บได้เป็นจำนวนมาก บางคนเก็บได้มากว่า 100 กก. นอกจากนี้มีชาวบ้านจากหลายพื้นที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ทราบข่าวถึงปรากฏการณ์นี้ได้พากันเดินทางมาดู และมาเก็บเป็นของติดไม้ติดมือ เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยมาก ในแต่ละปีจะเกิดขึ้นในช่วงมรสุมที่มีคลื่นลมแรง
ชาวบ้านในพื้นที่ที่มาเก็บหอยเล่าว่า ปรากฏการณ์หอยกะพง หรือหอยถูกคลื่นซัดเข้ามาจากท้องทะเล ในพื้นที่ศาลาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในรอบ 15 ปี โดยพบว่าคลื่นใต้น้ำซัดหอยขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น (13 พ.ย.) หอยที่เก็บมานั้นต้องนำไปแช่น้ำทะเลก่อนให้คายทรายออก ก่อนจะนำไปประกอบอาหารและนำไปขายได้ การที่คลื่นซัดขึ้นมาจำนวนมากเช่นนี้เข้าใจว่า คลื่นลมได้รุนแรงในจุดที่มี ?ดอนหอย? หรือแหล่งที่มีหอยอุดมสมบูรณ์ คลื่นซัดจนหลุดจากที่ยึดเกาะจนถูกคลื่นหอบมาเกยหาด
อย่างไรก็ตาม ปรากฏการ์ณนี้สร้างความตื่นเต้นให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ปรากฏการณ์หอยที่ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งจำนวนมหาศาลในครั้งนี้ยังไม่มีใครระบุว่ามาจากสาเหตุใด แต่เบื้องต้นมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าอาจจะมาจากระบบนิเวศที่ได้รับผลกระทบจากการนำเครื่องมือประมงผิดกฎหมายมาคราดหาหอยแครงในท้องทะเล ทำให้แนวดอนหอยเสียหายขาดการยึดเกาะที่มั่นคง เมื่อเกิดคลื่นลมแรงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
https://mgronline.com/south/detail/9660000102360
******************************************************************************************************
วาฬสีน้ำเงิน พี่ใหญ่มาเยือนทะเลไทยฝั่งอันดามัน เป็นครั้งที่ 4 แถวหมู่เกาะสุรินทร์

วานนี้ (13 พ.ย.2566) เพจเฟซบุ๊ค ThaiWhales โพสต์คลิปสั้นๆ และข้อความว่า มีพี่ใหญ่ Blue whale หรือ วาฬสีน้ำเงิน มาเยือนหมู่เกาะสุรินทร์ ฝั่งอันดามัน และเดือนที่แล้วก็มี Omura?s whales ทางแอดมินบอกว่านำคลิปมาจากน้องสายป่าน- อภิญญา สกุลเจริญสุข Apinya นักแสดงและครูสอน Freedive และคุณกฤษดา ราหมัน ไกด์บนเรือ ที่พบวาฬ
แจ้งว่าได้ส่งข่าวให้เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)แล้ว ทั้งผชช. หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก อันดามันทั้ง 2 และสัตวแพทย์ ทช.?อยากไปเก็บข้อมูลกันมากเลย ? อยากจะรู้เหมือนกันว่า ปีนี้กระแสน้ำเป็นยังไง หรืออะไรที่มีผลต่อการมีวาฬหายากๆ แวะเข้ามาอันดามันหลายตัวมั๊ย ก่อนหน้านี้ก็พบ omura?s ที่พบน่าจะมากกว่า 3 ตัวเลยค่ะ?
จากฐานข้อมูลข่าว กรมทช. ระบุว่า ในทะเลไทยเคยพบวาฬสีน้ำเงินเพียง 3 ครั้ง พบเห็นบริเวณฝั่งทะเลอันดามันทั้งหมด โดยพบครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2550 ที่หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ต่อมาพบเข้ามาเกยตื้นที่เกาะลิบง จ.ตรัง เมื่อปี พ.ศ. 2556 ล่าสุดเมื่อปี พ.ศ. 2560 พบที่หมู่เกาะสิมิลัน จ. พังงา ดังนั้น การพบครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ 4
จากการพบวาฬสีน้ำเงินในทะเลอันดามันส่วนใหญ่จะเกิดจากการอพยพย้ายถิ่นตามแหล่งอาหารที่มีความอุดมสมบูรณ์ วนไปเรื่อยๆ โดยอาหารหลักของวาฬสีน้ำเงินจะเป็น กุ้งเคยและแพลงก์ตอน แต่ก็อาจจะกินสัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่น ปลาขนาดเล็กเข้าไปด้วย ซึ่งจะมีอัตราการกินอาหารอยู่ที่ 2-5% ของน้ำหนักตัว บางส่วนก็อพยพเพื่อหาพื้นที่ในการออกลูกและเลี้ยงดู โดยแต่ละกลุ่มก็จะมีประมาณ 2-5 ตัว แต่ส่วนใหญ่จะพบครั้งละตัว เนื่องจากวาฬสีน้ำเงินสามารถดำน้ำลงไปหาอาหารได้ลึกถึง 100 เมตร และอยู่ใต้น้ำได้ครั้งละ 20-40 นาที
ทั้งนี้ "วาฬสีน้ำเงิน" ถือเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวประมาณ 26-29 เมตร น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ ประมาณ 100-200 ตัน แต่ที่ใหญ่ที่สุดจากสถิติเท่าที่มีการบันทึก ความยาวจะอยู่ที่ 31.2 เมตร เฉพาะลิ้นก็มีน้ำหนักเกือบเท่าช้างหนึ่งตัว หัวใจมีขนาดเท่ารถยนต์คันหนึ่ง และเส้นเลือดบางเส้นกว้างขนาดที่มนุษย์พอจะลงไปว่ายน้ำได้ และครีบหางก็มีขนาดกว้างกว่าปีกของเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก จัดเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา ปัจจุบัน มีปริมาณวาฬสีน้ำเงินในซีกโลกใต้อยู่ประมาณ 1,350 ตัว อีกทั้งมีหลักฐานว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ต่อปี แต่ยังไม่มีการประมาณจำนวนวาฬชนิดนี้ที่ดีพอในบริเวณอื่นของโลก
สำหรับสถานภาพวาฬสีน้ำเงิน พ.ศ. 2561 IUCN Red List กำหนดสถานภาพให้เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered Species, EN) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเสนอเป็นสัตว์ป่าสงวน เพื่อเข้าบรรจุตามกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 (มาตรา6)
https://mgronline.com/greeninnovatio.../9660000102227
******************************************************************************************************
แฉกองเรือประมงเวียดนามนับ 100 ลำบุกยึดอ่าวนครศรีฯ ทำประมงเสรีนานนับเดือน

นครศรีธรรมราช - แฉกองเรือประมงพาณิชย์เวียดนามนับ 100 ลำ ยึดหน้าอ่าวนครศรีธรรมราช ทำประมงได้อย่างเสรีต่อเนื่องนานนับเดือนแล้ว เรือประมงไทยเผยแจ้งกองทัพเรือแล้วยังเฉย
ภาพจากเรือประมงพาณิชย์ชาวนครศรีธรรมราช ลำหนึ่งได้บันทึกไว้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อกลับเข้าฝั่งได้นำภาพนี้มาเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ประมงพาณิชย์หน้าอ่าวนครศรีธรรมราช ว่ากำลังอยู่ในภาวะวิกฤตจากการรุกล้ำของกองเรือประมงเวียดนามนับ 100 ลำ เข้ามาทำประมงได้อย่างเสรี และต่อเนื่องมานานนับเดือนแล้ว โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยเข้าตรวจสอบ หรือเข้าเฝ้าระวังแนวน่านน้ำของประเทศไทย
ไต๋เรือประมงพาณิชย์ ผู้บันทึกภาพนี้ซึ่งไม่ขอเปิดเผยตัวเอง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา อ่าวไทยบริเวณแนวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ไปจนถึงเกาะกระ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ระยะใกล้ฝั่งมาก ห่างจากชายฝั่งนครศรีธรรมราชประมาณ 20-35 ไมล์ทะเล และชัดเจนว่านี่คือน่านน้ำนครศรีธรรมราช และน่านน้ำประเทศไทยในระยะใกล้ฝั่งมาก ซึ่งได้บันทึกภาพพิกัดที่พบไว้เป็นหลักฐาน จะเต็มไปด้วยกองเรือประมงเวียดนามตามภาพ ทั้งระยะใกล้ ระยะไกล ชาวประมงไทยไม่กล้าทำอะไร เนื่องจากกลัวว่ากองเรือเวียดนามเหล่านี้จะติดอาวุธ
กองเรือเวียดนามทำประมงอยู่นับเดือนแล้ว และยังคงทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน เป็นการใช้ตะแกรงคราดหน้าดินหาสัตว์น้ำจำพวกปลิงทะเล ปลิงบอล ราคาแพงที่มีอยู่ชุกชุมในอ่าวนครศรีธรรมราช ทำลายหน้าดินใต้ทะเลอย่างรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้เรือประมงไทย ก่อให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ประมงซ้ำอีก แจ้งทางการโดยเฉพาะทางกองทัพเรือไปแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ทั้งๆ ที่เรือของเจ้าหน้าที่ออกจากฝั่งมาถึงแนวทำประมงของกองเรือเวียดนามพวกนี้ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า บางช่วงเวลาเรือประมงพื้นบ้านที่ออกไปทำประมงพาณิชย์ ห่างจากฝั่งประมาณ 5-6 กิโลเมตร เคยพบเรือประมงเวียดนามเหล่านี้เช่นเดียวกัน ทำให้ชาวประมงเกิดความวิตกว่าอาจเกิดกระทบกระทั่งกันกลางทะเล ระหว่างชาวประมงไทยกับชาวประมงเวียดนาม และอาจนำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินได้ หากมีการปล่อยปละละเลยกันเช่นนี้
https://mgronline.com/south/detail/9660000102279
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|