ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
ตัวแรก! อพวช.ขึ้นทะเบียน "ออร์ฟิช" ศึกษาอนุกรมวิธาน

อพวช.ขึ้นทะเบียน "ออร์ฟิช" รายงานทางการครั้งแรกจากทะเลสตูล เตรียมส่งเข้ามาเก็บรักษาเป็นสมบัติชาติในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา ใช้เทคนิคการดองพร้อมเตรียมศึกษาอนุกรมวิธาน ด้านนักวิชาการทางทะเล ชี้ปรากฎการณ์ IOD มวลน้ำเย็นทำปลาพลัดหลงเข้าน้ำตื้น
กรณีโลกออนไลน์พบออร์ฟิช (oarfish) ปลาทะเลน้ำลึกที่ระบุว่าจับได้แถวทะเล จ.สตูล สร้างความฮือฮาในวงการผู้เชี่ยวชาญด้านปลา และถือเป็นรายงานอย่างเป็นทางการแรกในประเทศไทย
แม้จะยังเป็นปริศนาว่า ออร์ฟิช ความยาว 2.7 เมตรพลัดหลงเข้ามาในทะเลอันดามันของไทย ด้วยเหตุผลทางธรรมชาติหรือเป็นการเตือนภัยเหตุแผ่นดินไหวหรือไม่ แต่ในมุมของนักวิชาการทางทะเล และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ให้ข้อมูลตรงกันว่าอาจมาจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ IOD
"คาดออร์ฟิช มาถึงทะเลอันดามันของประเทศไทยได้ เพราะผลกระทบของกระแสน้ำจากปรากฏการณ์ IOD"
คำยืนยันนี้ ผศ.ดร.สุภฎา คีรีรัฐนิคม อาจารย์ประจำสาขาวิทยาศาสตร์การประมงและทรัพยากรทางน้ำ คณะวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมดิจิทัล ม.ทักษิณ เผยแพร่ผ่านเพจวิทยาศาสตร์การประมงและทรัพยากรทางน้ำ บอกถึงปัจจัยที่ทำให้ออร์ฟิช พลัดหลงเข้าอันดามัน
นักวิชาการ บอกว่า ออร์ฟิช ปลาริบบิ้น หรือปลาพญานาค เป็นปลาทะเลลึก อา ศัยในทะเลในชั้น Mesopelagic Zone ความลึกตั้งแต่ 201-1,000 เมตรกินแพลงก์ตอน กุ้ง หมึก ขนาดเล็ก เป็นอาหาร
การพบในไทยทะเลลึกแค่ 100 เมตร ค่อนข้างตื่นเต้น ถือเป็นรายงานอย่างเป็นทางการแรกในไทย การอพยพหรือเคลื่อนย้ายจากทะเลลึกเข้าในเขตน้ำตื้น อาจจะด้วยเหตุผลหลายประการ ที่มีการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนตัวของกระแสน้ำเย็นเข้าใกล้ฝั่ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทำให้กระแสน้ำมีการเปลี่ยนแปลง
"ปลาตัวนี้ อาจจะไม่สบายทรงตัวไม่ได้ จึงต้องอพยพ และโดนกระแสน้ำพัดพาเข้ามาในเขตน้ำตื้น และถูกจับในพื้นที่ทะเลไทย ตามธรรมชาติออร์ฟิช อยู่ในชั้นนำลึกชั้น Mesopelagic Zone ซึ่งกระแสน้ำค่อนข้างอ่อน และออร์ฟิชจะลอยตัวนิ่งๆ"
ออร์ฟิช ความเชื่ออสุรกายใต้ทะเล-แผ่นดินไหว
กระนั้นก็ตาม ผศ.ดร.สุภฎา ระบุว่า ในญี่ปุ่น และแถบยุโรปมีการพูดเรื่องปลาตัวนี้ว่าเป็นอสุรกายในทะเล เป็นเรื่องที่ในญี่ปุ่นเองมีความเชื่อ เพราะมีหลายครั้งที่การปรากฏตัวของปลาตัวนี้ จะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวได้ แม้ว่าอาจจเป็นไปได้ที่ปลาเข้ามาตามกระแสน้ำพัดเข้ามาเอง
การที่ออร์ฟิช เข้ามาใกล้ฝั่งเกิดขึ้น ด้วยสาเหตุจากกระแสน้ำในชั้นลึกไหลรุนแรง เพราะการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก แต่ไม่ได้ยืนยันว่า อาจจะมีความสัมพันธ์กับแผ่นดินไหว แต่ในญี่ปุ่นเอง การค้นพบปลาตัวนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดแผ่นดินไหวทุกครั้งเพียงแค่บางครั้งเท่านั้น ที่มีการพบปรากฏการณ์เช่นนี้
ขึ้นทะเบียน "ออร์ฟืช" เป็นสมบัติชาติตัวแรก
ขณะที่ขั้นตอนการรับส่ง "ออร์ฟืช" ปลาทะเลลึกตัวแรกที่จับได้ในทะเลสตูล ซึ่งถือเป็นรายงานแรกในทะเลไทย มีการประสานจากผู้เชี่ยวชาญกรมประมง เพื่อนำมาเก็บรักษาเป็นสมบัติชาติภายใต้พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)
วัชระ สงวนสมบัติ นักวิชาการประจำพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) บอกกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ในมุมนักอนุกรมวิธาน ถือว่าการเจอ "ออร์ฟิช" ครั้งแรกในทะเลสตูล ค่อนข้างน่าตื่นเต้น และออร์ฟิช ก็เป็นปลาที่น่าสนใจมันน่าตื่นเต้นมาก ไม่ว่าจะเจอที่ไหนยิ่งมาเจอในเมืองไทยก็ยิ่งน่าตื่นเต้น
ถือเป็นโอกาสดีที่มีการสื่อสารให้คนรับทราบถึงการค้นพบออร์ฟิชในไทย หลายคนที่เกี่ยวข้องทั้งผู้เชี่ยวชาญ และนักอนุกรมวิธานก็พยายามจะช่วยกันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาไม่ให้เกิดความเสียหาย
หลักฐานการค้นพบ "ออร์ฟิช" จากทะเลไทย
วัชระ บอกว่า แม้จะมีคนเจอและโพสต์ในโซเชียล แต่หากไม่มีคนสนใจกับออร์ฟิช ก็คงเป็นเพียงข่าวในเฟซบุ๊กแล้วก็หายไป ไม่มีข้อเท็จจริงไม่มีหลักฐาน
ถ้าออร์ฟิช ได้มาอยู่ในพิพิธภัณฑ์จะกลายเป็นหลักฐาน ยืนยันว่ามันเคยมีจริง และนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ แม้จะเป็นซาก แต่ตัวปลา จะใช้ในการตรวจ และศึกษาองค์ความรู้ใหม่ของออร์ฟิชก็ได้ และสำคัญคือถูกเก็บในไทย ใช้ประโยชน์ในอนาคต
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีการพบออร์ฟิชส่วนหัว แต่เป็นของต่างประเทศสั่งเข้ามาและตัดหัวเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ แต่สำหรับตัวอย่างจากสตูลเป็นออร์ฟิชที่ตายในธรรมชาติความสำคัญจึงต่างกัน และถือเป็นรายงานแรกของไทย
เหตุผลใช้ "การดอง"ไม่สตัฟฟ์
สำหรับกระบวนการเก็บรักษาออร์ฟิช นายวัชระ กล่าวว่า จะเลือกใช้การดองออร์ฟืช มากกว่าการสตัฟฟ์ เหตุผลเพราะถ้าสตัฟฟ์ ซากตัวอย่าง จะเป็นชิ้นส่วนแห้ง ซึ่งการเก็บรักษาและใช้ประโยชน์อื่นได้ยาก นอกจากการโชว์อย่างเดียว
ส่วนการดอง สามารถนำมาจัดแสดงโชว์ได้ แต่อาจจะยุ่งยากเล็กน้อย เพราะต้องใส่ตู้ แต่การดองโอกาสที่ตัวอย่างจะเสียหายมีน้อยกว่า และยังใช้ประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ได้อีกเช่น งานอนุกรมวิธาน ดูรายละเอียดต่างๆได้ ส่วนการสตัฟฟ์ต้องแร่ออกมา และอาจทำลายชิ้นส่วนสำคัญไป
ตัวยาว 2.7 เมตรการที่หักมาจะเก็บมาเป็นชิ้น 2-3 ท่อน เพื่อความง่ายในการเก็บขึ้นเรือประมงมา ส่วนการนำมาเข้าตู้ดองทางอพวช.เตรียมพร้อมเก็บชิ้นส่วนปลาขนาดใหญ่ที่มีความยาว 2 เมตรอยู่แล้ว
จัดท่าให้เหมือน "ออร์ฟิช" มีชีวิต
นายวัชระ บอกว่า หากออร์ฟิช ส่งมาถึง อพวช.แล้ว จะถูกบันทึก และขึ้นทะเบียนหมายเลขนำเข้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งแน่นอนว่าออร์ฟิช คือรายงานแรกของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาของไทย
ขั้นตอนการดองปลาหายาก กระบวนการดอง ถ้าจะให้สมบูรณ์เหมือนปลายังมีชีวิต ก็ต้องมีการเซ็ตท่าให้เหมือนกับมันยังมีชีวิตมากที่สุด โดยเฉพาะออร์ฟิช จุดเด่นคือตัวครีบหงอนสีแดงของออร์ฟิช ต้องเก็บรายละเอียดให้เห็นมากที่สุด
จากนั้นต้องฟิกด้วยฟอร์มาลีน ทาบริเวณผิวภายนอก เพราะสรรพคุณทำให้เนื้อเยื่อภายนอกแข็งตัว และครีบหงอนสีแดงแถวหัว หรือครีบฝอยที่มีรายละเอียดต้องคลี่ออกและทาฟอร์มาลีน 10-20 นาทีครีบจะไม่แข็งตัว
ส่วนตัวเนื้อที่อาจจะเน่า ก็จะฉีดฟอร์มาลีนเข้าไปที่กล้ามเนื้อด้วย โดยขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานนับ 1-2 สัปดาห์เพราะออร์ฟิชมีความยาว และขนาดใหญ่ ถ้าผ่านขั้นตอนนี้ไป แล้วก็ต้องนำออร์ฟิช แช่น้ำ เพื่อให้ฟอร์มาลีนระเหยออกจากตัวปลาให้มากที่สุด โดยกลิ่นในน้ำ และในตัวปลาจะเริ่มเจือจางลง จึงเปลี่ยนใส่ในเอธิลแอลกอฮอล์ 75% และใส่แท็งก์ดอง
ออร์ฟิชตัวแรก จะได้รับเลขหมาย ยืนยันการขึ้นทะเบียนเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา โดยสมบูรณ์ เป็นฐานข้อมูลที่เผยแพร่ในระดบโลกให้เข้ามาค้นหาหมายเลข และพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาชิ้นส่วนสำคัญของไทยรอการศึกษาวิจัย
นักอนุกรมวิธาน บอกว่าสำหรับปลาทะเลขนาดใหญ่ ที่เคยเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาแล้วคือ โมลาโมล่า หรือปลาพระอาทิตย์ ซึ่งมีการสตัฟฟ์ และเป็นการเรคคอร์ดแรกที่เจอในทะเลไทย
"ตื่นเต้นมาก ถือเป็นกำไรชีวิตที่ได้จเห็นออร์ฟิชปลาทะเลลึก 1,000 เมตรจากทะเลไทย เคยเห็นแต่ในภาพทหารอเมริกัน ยืนถ่ายออร์ฟิชเมือราว 40 ปีและทุกคนคิดว่าเป็นพญานาค แต่แท้จริงแล้วมันคือออร์ฟิช"
IOD พา "ออร์ฟิช" พลัดหลงเข้าอันดามัน
เพจวิทยาศาสตร์การประมงและทรัพยากรทางน้ำ TSU ระบุว่ารายงานการพบออร์ฟิซ (Oarfish ) ขนาดความยาว 2.4 เมตร ปลาทะเลที่สามารถพบได้ในระดับน้ำที่ลึกมากจากเรือประมง ก.เทพเจริญพร 15 บริเวณเกาะอาดัง อ.ละงู จ.สตูล เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2567 (เครดิตคุณ Wannarrong Sa-ard ผู้รายงานคนแรก)
ปลาออร์ หรือ ปลาริบบิ้น เป็นปลากระดูกแข็งชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Regalecus glesne อยู่ในวงศ์ Regalecidae มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับพญา นาคตามความเชื่อของไทย หรือมังกรทะเลในความเชื่อในยุคกลางของชาวตะวันตก
โดยมีความยาวได้สูงสุดยาวถึง 9 เมตร และหนัก 300 กิโลกรัม แต่ก็มีบันทึกไว้ในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ด้วยว่า ปลาชนิดนี้เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่ยาวที่สุดในโลก โดยอาจยาวได้ถึง 11 เมตร
ในขณะที่รายงานไม่ยืนยันอีกบางกระแส ระบุว่าอาจยาวถึง 15 เมตร หรือกว่านั้น มีส่วนหัวที่ใหญ่ ลำตัวแบนสีเงิน มีจุดสีฟ้าและดำประปราย มีครีบหลังสีชมพูแดง บนหัวที่อวัยวะแลดูคล้ายหงอนเป็นจุดเด่น
หลังจากนี้ทางสำนักงานประมงจังหวัดสตูลได้เก็บตัวอย่างและจะนำไปเก็บรักษาไว้ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเพื่อไว้ศึกษาในโอกาสต่อไป
https://www.thaipbs.or.th/news/content/335728
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|