ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 06-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation


ลูกเต่ามะเฟืองทายาท "แม่ท้ายเหมือง" ฟักจากไข่กลับสู่ทะเล เป็นรังแรกของปี

ของขวัญจากทะเล! ลูกเต่ามะเฟืองทายาท "แม่ท้ายเหมือง" ออกจากไข่คลานออกจากหลุม กลับสู่ท้องทะเลเป็นรังแรกของปีแล้ว ที่ จ.พังงา



5 กุมภาพันธ์ 2567 นายปรารพ แปลงงาน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2567 เจ้าหน้าที่ได้พบการยุบตัวของหลุมอนุบาลไข่เต่ามะเฟือง รังแรกของปี จากแม่เต่าชื่อ "แม่ท้ายเหมือง" ที่พบการเสียชีวิตจากเชือกลอบหมึกพันรัดจนจมน้ำตาย ซึ่งจากการเฝ้ารอของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ มา 58 วัน

เมื่อพบสัญญานการยุบตัวของหลุมไข่กว่า 24 ชม. พบลูกเต่ามะเฟืองบางส่วน เริ่มเดินขึ้นจากหลุมเวลา 22.45 น. คืนที่ผ่านมา จำนวน 6 ตัว จากการตรวจสอบเบื้องต้น ลูกเต่าทุกตัวมีความแข็งแรงไข่แดงหน้าท้องยุบตัวแล้วมีช่องเปิดหน้าท้องเล็กน้อยแสดงถึงความพร้อมของลูกเต่าที่จะใช้เป็นพลังงานในการเดินทางสู่ทะเล

ลูกเต่ามะเฟืองทายาท "แม่ท้ายเหมือง" ฟักจากไข่กลับสู่ทะเล เป็นรังแรกของปี
นอกจากนี้ ยังพบลูกเต่าที่โผล่หัว ขึ้นจากพื้นทราย แต่ยังไม่เดินออกจากหลุมเพาะฟักจำนวน 23 ตัว คาดว่าจะเดินกลับสู่ทะเลในช่วงค่ำของวันนี้ และยังมีลูกเต่าที่อยู่ใต้ผืนทรายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะมีการป้องกันแสงแดด อุณหภูมิ ความร้อนไม่ให้ทำอันตรายต่อลูกเต่าโดยการทำหลังคาคลุมทับหลุมไว้เรียบร้อยแล้ว

ลูกเต่ามะเฟืองทายาท "แม่ท้ายเหมือง" ฟักจากไข่กลับสู่ทะเล เป็นรังแรกของปี
ทั้งนี้ อุทยานฯ ได้ควบคุมกระบวนการให้ลูกเต่าเดินขึ้นจากหลุมด้วยตัวเองเพื่อให้เป็นไปตามธรรมชาติ ได้สร้างพื้นที่เดินกลับที่ไม่ปะปนกับรอยเท้าของมนุษย์และทำอาณาเขตให้ผู้สนใจที่มาเยี่ยมชม และเรียนรู้โดยไม่รบกวนเต่า และจัดเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการสอดส่องปัจจัยคุกคามตลอดเวลา ซึ่งการตายของแม่ท้ายเหมือง จะไม่สูญเปล่า หากได้รับการถอดบทเรียน ที่นำไปสู่การคุ้มครองสัตว์ทะเลหายากในอนาคตต่อไป


https://www.nationtv.tv/news/region/378939879


******************************************************************************************************


งานวิจัยพบหูฉลามที่ขายในไทยกว่า 62% มาจากฉลามเสี่ยงสูญพันธุ์



ผลสำรวจล่าสุดพบการบริโภคหูฉลามของคนไทยมีแนวโน้มลดลงในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ไวล์ดเอดขอคนรุ่นใหม่ชวนครอบครัว #ฉลองไม่ฉลาม ตรุษจีนนี้ หลังงานวิจัยพบ "หูฉลาม" ที่ขายในไทยกว่า 62% มาจากฉลามเสี่ยงสูญพันธุ์
เปิดศักราชใหม่ปีมังกร องค์กรไวล์ดเอด ขอชวนทุกคนเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน #ฉลองไม่ฉลาม ลด ละ เลิกบริโภคเมนูที่ทำจากฉลาม โดยเฉพาะซุปหูฉลาม หลังผลการศึกษาดีเอ็นเอจากผลิตภัณฑ์หูฉลามที่ขายในไทยพบ ชนิดพันธุ์ฉลามส่วนใหญ่ (62%) มีสถานภาพเสี่ยงสูญพันธุ์

โดยผลสำรวจความต้องการบริโภคหูฉลามของคนไทยที่อาศัยในเขตเมืองทั่วประเทศไทยจำนวน 1,007 คน พ.ศ. 2566 โดยองค์กรไวล์ดเอดและบริษัทวิจัยแรพพิด เอเชีย (Rapid Asia) พบว่า คนไทยในเขตเมืองบริโภคหูฉลามบ่อยที่สุดในร้านอาหารกับครอบครัว (60%) ตามด้วยงานแต่งงาน (57%) สังสรรค์กับเพื่อนในร้านอาหาร (46%) และงานรวมญาติในช่วงเทศกาลตรุษจีน (42%) ไวล์ดเอดจึงขอชวนทุกคนชวนสมาชิกในครอบครัวเลิกสั่ง เลิกสังสรรค์ด้วยเมนูจากฉลามทุกชนิดตั้งแต่ตรุษจีนนี้และตลอดไป

ผลสำรวจล่าสุดพบว่า การบริโภคหูฉลามของคนไทยในเขตเมืองมีแนวโน้มลดลงในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยผู้บริโภคที่ยังกินหูฉลามในรอบ 12 เดือน มีจำนวนลดลง 27.5% เมื่อเทียบกับการสำรวจในพ.ศ. 2560 นอกจากนี้ คนไทยที่บริโภคหูฉลามเป็นครั้งคราวตั้งแต่ 2-5 ครั้งต่อปี มีจำนวนลดลง 47% ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า การรณรงค์มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคฉุกคิดถึงผลกระทบของการบริโภคฉลามมากยิ่งขึ้น ถึงแม้การบริโภคมีแนวโน้มที่ลดลง แต่ยังมีคนไทยมากกว่าครึ่ง (56%) ที่ต้องการบริโภคหูฉลามในอนาคต บ่งชี้ว่า ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดผู้บริโภคหูฉลามที่สำคัญ

องค์กรไวล์ดเอด (WildAid) ร่วมกับทีมนักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กรมประมง และนักวิจัยอิสระ เผยผลการศึกษาที่ระบุชนิดพันธุ์ปลาฉลามจากผลิตภัณฑ์หูฉลามจากแหล่งค้าในหลายจังหวัดครั้งแรกในประเทศไทย และได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Conservation Genetics พบฉลามอย่างน้อย 15 ชนิดพันธุ์ ซึ่งชนิดพันธุ์ฉลามส่วนใหญ่ (62%) มีสถานภาพเสี่ยงสูญพันธุ์ตามบัญชีแดงของ IUCN Red List

"ผลวิจัยสะท้อนชัดเจนว่าซุปหูฉลามที่ถูกเสิร์ฟนั้นอาจมาจากฉลามที่กำลังเสี่ยงสูญพันธุ์ แถมอาจจะเป็นฉลามที่ยังไม่สมบูรณ์พันธุ์อีกด้วย ถ้าให้เปรียบก็เหมือนกับเรากำลังกินเสือหรือแม้แต่ลูกเสือที่มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของป่า การบริโภคของเราทุกคนจึงมีส่วนกำหนดชะตากรรมของฉลามหลายชนิดและย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงความสมดุลของท้องทะเลในที่สุด เทศกาลตรุษจีนจึงเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกคนจะเชิญชวนครอบครัวมาสังสรรค์กันโดยไม่ต้องมีเมนูฉลามทุกรูปแบบ" ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ ที่ปรึกษาองค์กรไวล์ดเอด และผู้ร่วมเขียนงานวิจัยกล่าว

"การพบชนิดพันธุ์ฉลามที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ ไปจนถึงใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์หูฉลามที่ขายอยู่ในไทย สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์จากฉลาม โดยเฉพาะชนิดพันธุ์ที่ต้องการการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน และการพบชนิดพันธุ์ที่มีสถานภาพถูกคุกคาม ตาม IUCN Red List ในครีบขนาดเล็ก ทำให้ต้องมีการศึกษาการใช้ประโยชน์จากฉลามที่ยังไม่สมบูรณ์พันธุ์ต่อไป เนื่องจากปลาฉลามที่ยังไม่สมบูรณ์พันธุ์จะเป็นกลุ่มประชากรที่สำคัญในการฟื้นตัวของประชากรปลาฉลามในอนาคต" ผศ.ดร.วัลย์ลดา กลางนุรักษ์ ผู้วิจัยและอาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์และประมง คณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. กล่าว


ปัจจุบัน 1 ใน 3 ของชนิดพันธุ์ปลาฉลามและกระเบนทั่วโลกตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากการทำประมงมากเกินขนาด เพราะความต้องการนำทุกชิ้นส่วนไปบริโภค สอดคล้องกับการลดลงของประชากรฉลามในหลายส่วนทั่วโลก นอกจากนี้ทีมนักวิจัยยังพบว่า ร้อยละ 34 ของชนิดพันธุ์ปลาฉลามที่พบในตัวอย่างครีบไม่เคยปรากฏพบในน่านน้ำไทย บ่งชี้ว่าตลาดค้าหูฉลามในประเทศไทยต้องพึ่งพาแหล่งวัตถุดิบจากต่างประเทศ เป็นศูนย์กลางการนำเข้าผลิตภัณฑ์ครีบฉลามมาจากหลายแหล่ง เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในประเทศและเพื่อส่งออกอีกครั้ง

"ผลของงานวิจัยชิ้นนี้ช่วยยืนยันว่า ประเทศไทยเป็น 1 ในผู้เล่นสำคัญในการนำเข้าและส่งออกหูฉลามในภูมิภาค สอดคล้องกับรายงานฉบับอื่นที่พูดถึงบทบาทการกระจายผลิตภัณฑ์หูฉลามของไทยในท้องตลาดในระดับสากล ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการจับฉลามมาตัดครีบเป็น ๆ ก่อนทิ้งร่างกายที่เหลือลงทะเลจะลดน้อยลงมากแล้วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยหูฉลามจำนวนมากมาจากฉลามที่ถูกจับจากเครื่องมือประมงทั่วไป แต่ก็ปฏิเสธได้ยากถึงบทบาทของอุตสาหกรรมหูฉลามที่ส่งผลต่อประชากรปลาฉลามหลายชนิดที่ถูกคุกคามจนเสี่ยงต่อการสูญพันธ์และกระทบโครงสร้างประชากรปลาฉลามไปแล้วหลายชนิดในอดีตรอบโลก" นายศิรชัย อรุณรักษ์ติชัย ช่างภาพสื่อมวลชน นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และทีมนักวิจัย กล่าว

"กรมประมงเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการฉลามของประเทศไทย (NPOA-Sharks) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานด้านบริหารจัดการทรัพยากรและการอนุรักษ์ฉลาม ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ซึ่งรวมถึงการเก็บข้อมูลฉลามจากการส่งออกและนำเข้า และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากฉลาม กรมประมงยืนยันว่าจะให้ความสำคัญกับมาตรการเพื่อควบคุมติดตามและตรวจสอบการค้าฉลามชนิดพันธุ์ที่อยู่ในบัญชีของอนุสัญญาไซเตสเพื่อการใช้ประโยชน์จากฉลามอย่างยั่งยืนต่อไป" นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง กล่าว

ทั้งนี้ องค์กรไวล์ดเอดเตรียมดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักถึงผลกระทบของการบริโภคเมนูฉลามที่มีต่อระบบนิเวศในท้องทะเล โดยอ้างอิงจากผลวิจัยดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และจะทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและหน่วยงานภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และการบริหารจัดการฉลามของประเทศไทย (NPOA-Sharks) สร้างการมีส่วนร่วมและผลักดันการอนุรักษ์ฉลามอย่างยั่งยืนต่อไป


https://www.nationtv.tv/gogreen/378939865

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม