ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 17-05-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ในวันที่ปัญหาปลาทูไทยกำลังวิกฤติ ทำไมลูกปลาทูยังคงถูกจับกิน
.......... โดย ณัฏฐ์นรี เฮงสาโรชัย


Summary

- เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินว่าปลาทูไทยแท้อย่าง ?ปลาทูแม่กลอง? กำลังจะหายไป ทำให้ปลาทูส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ตามตลาดกลายเป็นปลาทูที่นำเข้าจากต่างประเทศและจากทางทะเลใต้ของไทย ซึ่งมีเนื้อสัมผัสที่ต่างออกไปและขนาดเล็กลง

- ต้นเหตุของปัญหาส่วนหนึ่งเป็นมาจากการทำประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มักจับลูกปลาทูติดอวนลากมาด้วยจำนวนมาก ทำให้หลายคนน่าจะเคยเห็นคนขายลูกปลาทูหลายกิโลกรัมตามตลาดและทางออนไลน์ได้ไม่ยาก

- เมื่อไม่นานมานี้ บรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทย ออกมาพูดถึงการจับลูกปลาทู จากที่มีคลิปวิดีโอขายลูกปลาทูออนไลน์ ด้วยราคาหลักร้อยต่อ 1 กิโลกรัม ทำให้เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล เพราะการจับลูกปลาทูโดยเฉพาะในช่วงฤดูวางไข่ ส่งผลให้จำนวนปลาทูลดลง

- ปัญหาการจับลูกปลาทูไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีการรณรงค์เรื่องนี้มานานหลายปี เพื่อเรียกร้องให้มีมาตรการควบคุมการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน แต่ลูกปลาทูก็ยังถูกนำมาขายในท้องตลาดให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เป็นคำถามว่าในวันที่ปลาทูไทยกำลังจะหายไป ทำไมลูกปลาทูยังคงถูกจับเป็นจำนวนมากขนาดนี้




หน้างอ คอหัก ยัดอยู่ในเข่ง นั่นคือปลาทูแสนอร่อยตัวอวบแน่นที่ใครๆ ก็ชอบ แต่เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินว่าปลาทูไทยแท้ อย่าง ?ปลาทูแม่กลอง? กำลังจะหายไป และปลาทูส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ตามตลาดก็คือปลาทูนำเข้าจากต่างประเทศและจากทางทะเลใต้ของไทย ซึ่งมีเนื้อสัมผัสที่ต่างออกไปและขนาดเล็กลง

ต้นเหตุของปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการทำประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มักจับลูกปลาทูติดอวนลากมาด้วยจำนวนมาก และมีการนำลูกปลาทูมาขายคราวละหลายกิโลกรัม จนพบเห็นตามตลาดและทางออนไลน์ได้ไม่ยาก พร้อมคำโฆษณาว่าลูกปลาทูเหล่านี้มีแคลเซียมสูงและสารอาหารเยอะ อีกทั้งราคายังถูกกว่าปลาทูขนาดปกติ จึงมีหลายคนที่ถูกโน้มน้าวและซื้อมารับประทาน

แต่เมื่อไม่นานมานี้ บรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทย ออกมาพูดถึงการจับลูกปลาทู จากที่มีคลิปวิดีโอขายลูกปลาทูออนไลน์ ด้วยราคาหลักร้อยต่อ 1 กิโลกรัม ทำให้เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล เพราะการจับลูกปลาทูโดยเฉพาะในช่วงฤดูวางไข่ส่งผลให้จำนวนปลาทูลดลง

ปัญหาการจับลูกปลาทูไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีการรณรงค์เรื่องนี้มานานหลายปี เช่น แคมเปญในเว็บไซต์ change.org เพื่อให้หยุดซื้อและหยุดบริโภคลูกปลาทูตากแห้ง หรือแคมเปญ ?ทวงคืนน้ำพริกปลาทู? นำโดยชาวประมงพื้นบ้านที่ยกขบวนเรือประมงเพื่อยื่นชื่อประชาชนกว่า 3,000 คน ต่อรัฐสภาเมื่อปี 2565 เพื่อเรียกร้องให้มีมาตรการควบคุมการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน

แต่ลูกปลาทูก็ยังถูกนำมาขายในท้องตลาดให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เป็นคำถามว่าในวันที่ปลาทูไทยกำลังจะหายไป ทำไมลูกปลาทูถึงยังคงถูกจับเป็นจำนวนมากขนาดนี้


ทำไมลูกปลาทูถึงถูกจับได้

การบังเอิญจับลูกสัตว์น้ำเป็นเรื่องปกติของชาวประมง ซึ่งส่วนใหญ่มักปล่อยกลับลงทะเลเพื่อให้พวกมันเติบโตตามวัฏจักร แต่เมื่อการทำประมงกลายเป็นธุรกิจมากขึ้น วิถีการหาปลาแบบยั่งยืนจึงค่อยๆ หายไป และตามมาด้วยปัญหาการจับลูกสัตว์น้ำที่กระทบต่อระบบนิเวศอย่างร้ายแรง

สาเหตุสำคัญที่ลูกปลาทูยังคงถูกจับอยู่มีต้นเหตุสำคัญแบ่งออกเป็น 2 ข้อ ได้แก่

1. ขนาดตาอวนที่เล็ก ประเทศไทยถือว่าใช้ขนาดตาอวนขนาดที่เล็กและถี่มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึ่งขนาดตาอวนจะถูกกำหนดขนาดแตกต่างกันออกไปตามประเภทเรือและสัตว์น้ำที่จะจับ แต่ส่วนใหญ่ขนาดอวนที่กำหนดไว้ก็เล็กพอที่จะจับลูกปลาทูได้ เช่น ลูกปลาทูอายุ 1 เดือนจะมีขนาดประมาณ 3-5 เซนติเมตร ในขณะที่ขนาดตาอวนที่กำหนดไว้จะอยู่ที่ประมาณ 2.5-4 เซนติเมตร โอกาสที่ลูกปลาทูจะติดมาด้วยก็คงไม่แปลก

2.อุปกรณ์หาปลาของเรือประมงพาณิชย์ เช่น อวนขนาดใหญ่มหึมาเท่าเครื่องบิน เพียงแค่ลงน้ำ 1 ชั่วโมงก็ได้ปลามา 2 ตัน แต่ 2 ใน 3 ของปลาที่จับได้ดันไม่ใช่ปลาเป้าหมาย และมักเป็นปลาที่ยังไม่โตเต็มวัย

อีกกรณีคือเรือปั่นไฟ เป็นเรือที่ใช้แสงไฟล่อปลาเข้ามาเพื่อให้ติดอวน มักใช้เพื่อจับปลากะตัก แต่ก็ทำให้ลูกปลาทูติดไปด้วย ความจริงแล้วเรือปั่นไฟเคยถูกห้ามใช้มาแล้วเมื่อปี 2526 ตามประกาศกระทรวงฯ แต่เมื่อปี 2539 (ในยุคที่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี) กลับยกเลิกประกาศเก่า และออกประกาศกระทรวงฉบับใหม่ โดย มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนั้น ประกาศให้กลับมาใช้วิธีการทำการประมงด้วยวิธีใช้แสงไฟล่อปลาได้เช่นเดิม ทำให้เรือปั่นไฟนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำวัยอ่อนอย่างมาก

โดยธรรมชาติ ปลาทูจะวางไข่บริเวณอ่าวไทยตลอดปี โดย 1 ตัวสามารถวางไข่ได้ 7 ครั้งต่อปี วางครั้งละประมาณ 20,000 ฟอง ทำให้ชาวประมงสามารถจับได้ตลอดทั้งปี แต่ฤดูกาลที่ปลาทูวางไข่มากมี 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ระหว่างกุมภาพันธ์-เมษายน ช่วงที่ 2 ระหว่างมิถุนายน-สิงหาคม ซึ่งกรมประมงจะประกาศปิดอ่าวตามช่วงเวลาเหล่านั้นในพื้นที่อ่าวไทยตามแต่ละเขตที่กำหนดไว้ เพื่อให้ลูกปลาทูเติบโตก่อน

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจะมีช่วงเวลาที่เรียกว่า ?ช่วงปิดอ่าว? เช่นตอนนี้อยู่ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม-14 มิถุนายน 2567 จะปิดอ่าวตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และต่อไปจะปิดอ่าวไทยรูปตัว ก ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน-15 สิงหาคม 2567 ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในฝั่งตะวันตกของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ซึ่งช่วงเวลาเหล่านี้เป็นช่วงที่ลูกปลาเกิดใหม่จะเดินทางเข้าหาฝั่ง

แต่คำว่า ?ปิดอ่าว? ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าจะห้ามเรือประมงทุกประเภทออกหาปลา แต่มีข้อยกเว้นให้สำหรับเรือประมงที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส หรือเรือประมงพื้นบ้าน ยังสามารถทำประมงได้ โดยมีเงื่อนไขตามประกาศของกรมประมง เช่น ข้อกำหนดอุปกรณ์จับปลาต่างๆ ที่สามารถใช้ได้ หลายครั้งจึงมีเหตุการณ์ลักลอบหาปลาในช่วงนี้อยู่ไม่น้อย เพราะมักจะเจอปลาที่มีไข่อยู่ด้วย


จับลูกปลาทูไม่ผิดกฎหมายหรือ?

แม้จะมีกฎหมายที่ห้ามจับลูกปลาทูนั่นคือ พระราชกําหนดการประมง (พ.ร.ก.) พ.ศ. 2558 มาตรา 57 ห้ามมิให้ผู้ใดจับสัตว์น้ำหรือนำสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็กกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดขึ้นเรือประมง ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท หรือปรับจำนวน 5 เท่าของสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมง แต่กฎหมายนี้กลับถูกสังคมวิจารณ์ว่าไม่สามารถใช้ได้ควบคุมได้จริงและสมควรต้องแก้ไข

ทางด้าน เฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อดีตอธิบดีกรมประมง ก็ออกมาชี้แจงว่า กรมประมงได้ดำเนินการในหลายวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาการจับสัตว์น้ำวัยอ่อนในช่วงที่ผ่านมา เช่น

1. ประกาศปิดอ่าวในช่วงฤดูกาลสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัววัยอ่อน

2. กำหนดห้ามไม่ให้อวนล้อมจับที่มีขนาดตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ทำการประมงในเวลากลางคืน

3. กำหนดขนาดตาอวนก้นถุงของเรืออวนลาก ไม่น้อยกว่า 4 เซนติเมตร, ขนาดตาอวนครอบหมึก ไม่น้อยกว่า 3.2 เซนติเมตร, ขนาดตาอวนครอบปลากะตัก ไม่น้อยกว่า 0.6 เซนติเมตร และตาอวนของลอบปู ไม่น้อยกว่า 2.5 นิ้ว เป็นต้น

ส่วนการบังคับใช้กฎหมาย เฉลิมชัย อธิบายว่า เนื่องจากเครื่องมือประมงที่ใช้ในประเทศไทยไม่สามารถเลือกจับสัตว์น้ำเป็นรายชนิดได้อย่างชัดเจน การทำประมงแต่ละครั้งจะได้สัตว์น้ำหลากหลายทั้งชนิดและขนาด เพราะไทยอยู่ในเขตร้อนจึงมีสัตว์น้ำหลายชนิด ซึ่งแตกต่างจากการทำประมงในเขตอบอุ่นที่มีความหลากหลายของสัตว์น้ำน้อยกว่า จึงสามารถเลือกจับสัตว์น้ำเป็นรายชนิดในการทำประมงแต่ละครั้งได้

ขณะที่ข้อกำหนดของมาตรา 57 หากพบสัตว์น้ำขนาดเล็กบนเรือประมงแม้เพียงตัวเดียวหรือชนิดเดียวก็มีความผิด จึงต้องใช้บทบัญญัติตามมาตรา 71(2) ประกอบด้วย เพื่อให้สามารถออกข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติเกี่ยวกับสัตว์น้ำที่ถูกจับได้โดยบังเอิญ จึงจะสามารถนำไปสู่การควบคุมตามกฎหมายได้

ทั้งนี้ คณะทำการศึกษา ที่แต่งตั้งโดยกรมประมง เสนอแนวทางในการประกาศกำหนดการจับ หรือการนำสัตว์น้ำขนาดเล็กขึ้นเรือประมง คือ

1. กำหนดชนิดสัตว์น้ำเพื่อนำร่องกำหนดมาตรการ ได้แก่ ปลาทู ปลาลัง และปูม้า

2. กำหนดความยาวของสัตว์ที่ห้ามจับ โดยปลาทู ปลาลัง เท่ากับ 15 เซนติเมตร ปูม้า 8.5 เซนติเมตร

3. กำหนดสัดส่วนร้อยละของสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ห้ามจับ

ฉะนั้นด้วยข้อกำหนดเหล่านี้ ทำให้การควบคุมการจับลูกปลาทูจึงยังไม่สามารถเอาผิดได้ในทุกกรณี และยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะชาวประมงก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจับสัตว์ทะเลวัยอ่อนได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่จับปลาได้มาทีละหลายๆ ตัน คงไม่สามารถคัดแยกลูกปลาทูปล่อยกลับทะเลได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่จึงก็มักจับมาคัดแยกในภายหลัง

สัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่น ลูกปลาทู มักถูกจัดเป็นประเภทปลาเป็ด หรือปลาที่คนกินไม่ได้ ในราคาต่ำประมาณ 7-8 บาทต่อกิโลกรัม และมักแปรรูปไปเป็นปลาป่น บางคนจึงคัดเหล่าลูกปลาทูออกมาเพื่อแปรรูปเป็นอาหารทะเลแห้ง ซึ่งเพิ่มมูลค่าได้สูงกว่า


ปลาทูไทยจะเป็นอย่างไรต่อ

ชาวประมงรายเล็กได้รับผลกระทบอย่างหนักกับจำนวนปลาทูไทยที่ลดลงจากช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนน่าหวั่นใจ แม้สถานการณ์ปลาทูไทยตอนนี้ถือว่าดีขึ้นแล้ว ตามคำพูดของ บัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมงคนปัจจุบันที่บอกว่า ในปี 2566 มีปริมาณการจับปลาทูในอ่าวไทยมากถึง 41,310 ตัน คิดเป็นมูลค่า 3,316.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 5,602 ตัน และพบการแพร่กระจายของลูกปลาทู ปลาลัง และสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดอื่นในพื้นที่ที่ประกาศใช้มาตรการ รวมถึงพ่อแม่ปลาทูมีความสมบูรณ์ในอัตราสูงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

อีกทั้ง ปีนี้ยังมีร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมง ทั้ง 8 ร่าง ที่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการไปแล้ว เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เข้ามาแก้ไขปัญหานี้ด้วย โดยมีทั้งหมด 7 ร่าง ได้แก่ ร่างของคณะรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะแก้ไขมาตรา 57 เพื่อให้มีการรับฟังความเห็นจากชาวประมงและทุกฝ่ายก่อนประกาศข้อกำหนดการจับสัตว์น้ำขนาดเล็ก ส่วนร่างของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่แก้ไขมาตรานี้

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้เรามีความหวังว่า สถานการณ์ปลาทูไทยจะไม่แย่ไปกว่าเดิม แต่ลูกปลาทูที่ยังคงถูกวางขายตามแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นภาพสะท้อนหนึ่งว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ และจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อปกป้องสัตว์น้ำวัยอ่อนให้โตตามธรรมชาติ การไม่จับหรือกินลูกปลาทูก็เป็นอีกทางหนึ่งที่พวกเราช่วยกันได้


อ้างอิง: thairath.co.th (1,2), greennet.or.th , twitter.com/bnasae, 4.fisheries.go.th (1,2,3), technologychaoban.com, greenpeaceth, mgronline.com, thaipbs.or.th


https://plus.thairath.co.th/topic/na...JhdGgtcGx1cw==

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม