ขอบคุณข่าวจาก Greennews
สถานการณ์เต่าทะเลไทย 67 "เต่าตนุ-กระ แนวโน้มดี สวนทิศเต่าหญ้า-มะเฟือง"

(ภาพ : ทช.)
"เต่าตนุ?เต่ากระ วางไข่เพิ่มขึ้น ? เต่าหญ้า วางไข่ลดลง ? เต่ามะเฟือง ลดต่อเนื่องเหลือไม่ถึง 10 กำลังติดแทกศึกษาหามาตรการอนุรักษ์-เต่าหัวค้อนยังคงไม่พบขึ้นวางไข่" กรมทะเลเผย แนวโน้มสถานการณ์ 5 เต่าทะเลไทย วาระ "วันเต่าทะเลโลก" (World Sea Turtle Day) 16 มิ.ย. 2567
"ขยะ?เศษอวน?ภัยธรรมชาติ" ยังคงเป็น 3 ปัจจัยคุกคามสำคัญ ? กระทรวงทรัพยากรฯ เล็งใช้เทคโนโลยีช่วยแก้วิกฤต "ใกล้สูญพันธุ์"
สถานการณ์?แนวโน้ม 67
"จากการติดตามและเก็บข้อมูลการวางไข่ของเต่าทะเลไทยตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561?2566 พบว่าการวางไข่ของเต่าตนุ และเต่ากระมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนเต่าหญ้ามีแนวโน้มลดลงพบการวางไข่น้อยมาก ซึ่งหากพบการวางไข่จะมีเพียง 1?2 รังต่อปี ส่วนเต่ามะเฟืองถึงจะมีแนวโน้มการวางไข่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บางปีก็จะไม่พบการวางไข่ เนื่องจากแม่เต่ามะเฟืองจะกลับมาวางไข่อีกครั้งหลังจากวางไข่ไปแล้วในช่วง 3?5 ปี
ทั้งนี้พื้นที่การวางไข่ของเต่าตนุและเต่ากระ พบวางไข่ทั้งบนชายหาดของแผ่นดินใหญ่และชายหาดของเกาะ ต่างๆ ทั้งทางฝั่งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ส่วนพื้นที่การวางไข่ของเต่ามะเฟืองและเต่าหญ้าจะพบวางไข่ เฉพาะชายหาดบนแผ่นดินใหญ่ทางฝั่งทะเลอันดามันเท่านั้น
ณ ขณะนี้ นานาประเทศได้ให้ความสําคัญกับเต่ามะเฟือง เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีการอพยพย้ายถิ่นระยะไกล จึงมี แหล่งอาศัยในพื้นที่ทางทะเลระหว่างประเทศ จัดเป็นทรัพยากรร่วมของภูมิภาคและระดับโลก จํานวนประชากรพ่อแม่พันธุ์เต่ามะเฟืองที่มาผสมพันธุ์และวางไข่ในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเพียงปีละไม่ถึง 10 ตัว" ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) หรือกรมทะเล เปิดเผยสถานการณ์เต่าทะเลล่าสุด
ติดแท็ก 11 เต่ามะเฟือง หามาตรการอนุรักษ์
"กรมฯ ได้จับมือองค์กรอัพเวลล์ ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรจากแคลิฟอร์เนีย เพื่อศึกษาเส้นทางการเดินทางของเต่ามะเฟือง โดยได้ติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณระบุตําแหน่งผ่านดาวเทียมขนาดเล็กบนหลังเต่ามะเฟืองจากการอนุบาลที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน จังหวัดภูเก็ต จำนวน 11 ตัว
ผลจากการติดตามสัญญาณผ่านดาวเทียมแสดงถึงเส้นทางการเดินทางและพฤติกรรมการดำน้ำ โดยพบว่า เต่าบางตัวอยู่ใกล้จุดปล่อย ขณะที่บางตัวเดินทางไปทางตะวันตกสู่หมู่เกาะอันดามัน และดูเหมือนจะวนเวียนอยู่ในวงแหวนมหาสมุทร และอีกตัวหนึ่งเดินทางไปทางใต้สู่เกาะสุมาตรา ข้อมูลที่ได้ทำให้เข้าใจในเส้นทางการเดินทางของเต่ามะเฟืองหลังจากปล่อยจากบ่ออนุบาล ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนมาตรการในการอนุรักษ์เต่ามะเฟืองต่อไป" อธิบดีกรมทะเล กล่าว
"ขยะ?เศษอวน?ภัยธรรมชาติ" 3 ปัจจัยคุกคามสำคัญ?เล็งใช้เทคโนโลยีช่วยแก้
"เต่าทะเลคือหนึ่งในประชากรที่มีแนวโน้มจะถูกคุกคามเพิ่มมากขึ้นโดยปัญหาหลักเกิดจากขยะและเศษพลาสติกที่หลุดลอยอยู่ในท้องทะเลทำให้สัตว์ทะเลอาจกินเข้าไปจนถึงแก่ชีวิตอีกทั้งเกิดจากเครื่องมือการทำประมงและจากภัยธรรมชาติ
ได้สั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและปลอดภัยในการสำรวจ พร้อมให้ผสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เพื่อเร่งศึกษาการวิจัยเรื่องเต่าทะเลในประเทศฯ โดยเฉพาะเต่ามะเฟืองที่ใกล้จะสูญพันธุ์จากโลก" พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าว
"ใกล้สูญพันธุ์" แนวโน้มภาพใหญ่ในไทย
"เต่าทะเล" เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่เคยมีหลักฐานพบว่าอาศัยอยู่ทั่วไปในสมัย 130 ล้านปีก่อน นอกจากนั้นยังมีหลักฐานว่าเคยพบซากโบราณ (fossil) ก่อนหน้านั้นไม่น้อยกว่า 200 ล้านปี ทั่วโลกพบเต่า 7 ชนิด แพร่กระจายอยู่เฉพาะในทะเลเขตร้อนและเขตอบอุ่น คือ เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) เต่าตนุ (Chelonia mydas) เต่าหลังแบน (Natator depressus) เต่ากระ (Eretmochelys imbricata) เต่าหัวฆ้อน (Caretta caretta) เต่าหญ้า (Lepidochelys olivacea) และเต่าหญ้าแคมป์ (Lepidochelys kempi)
เต่าทะเลทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลกระทบโดยตรงจากมนุษย์ ในอดีตเต่าทะเลจำนวนมากต้องถูกล่าเพื่อนำเนื้อและไขมันมาบริโภค กระดองและซากเต่าทะเล ถูกนำมาแปรรูปเป็นเครื่องประดับตกแต่ง ไข่เต่าทะเลเกือบทั้งหมดถูกนำมาบริโภค ทำให้เต่าทะเลที่จะเจริญเติบโตไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ลดลงอย่างรวดเร็ว กิจกรรมของมนุษย์บริเวณทะเลและชายฝั่ง ทำให้แหล่งวางไข่ แหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งหากินของเต่าทะเลมีจำนวนลดลง
ในประเทศไทยพบเต่าทะเลเพียง 5 ชนิด คือ เต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า และเต่าหัวค้อน โดยเต่าหัวค้อนไม่เคยพบขึ้นวางไข่ในประเทศไทยเลยตลอดระยะ 20 ปี ที่ผ่านมาเพียงแต่มีรายงานพบหากินอยู่ในน่านน้ำไทยเท่านั้น
ปัจจุบัน "เต่ามะเฟือง" ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าสงวน ส่วนเต่าทะเลอีก 4 ชนิด อยู่ในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562
สภาวะแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลงส่งผลให้ประชากรเต่าทะเลมีความอ่อนแอลง ในประเทศไทยสถิติการวางไข่ของเต่าทะเลลดลงมากกว่า 5 เท่า จากจำนวนมากกว่า 2,500 รังต่อปี เหลือเพียงปีละ 300-400 รังต่อปี ในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าเต่าทะเลในประเทศไทยจะได้รับความคุ้มครองก็ตามแต่สถิติการลดลงก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันเต่าทะเลลดลงจนมีแนวโน้มว่าจะสูญพันธุ์ไปในไม่ช้า สาเหตุที่ทำให้เต่าทะเลลดลงมีสาเหตุสำคัญ ดังนี้
1.อัตราการรอดของลูกเต่าทะเลเองในธรรมชาติต่ำมาก และใช้ระยะเวลานานนับ 10 กว่าปีที่จะถึงวัยเจริญพันธุN
2.การลักลอบเก็บไข่เต่าทะเล เนื่องจากค่านิยมในการบริโภคไข่เต่าทะเลของนักท่องเที่ยว ทำให้ปริมาณความต้องการไข่เต่าทะเลสูง ราคาไข่เต่าทะเลจึงสูง การลักลอบเก็บไข่เต่าเพื่อบริโภคหรือจำหน่ายจึงยังเป็นปัญหาใหญ่
3.การติดเครื่องมือประมงทั้งที่ไม่เจตนาและโดยตั้งใจ เช่นทำการประมงอวนลาก อวนลอย และเบ็ดราว บริเวณชายฝั่งหน้าแหล่งวางไข่เต่าทะเล หรือ แหล่งหาอาหารของเต่าทะเล โดยเฉพาะในช่วงฤดูการวางไข่เต่าทะเล ซึ่งเครื่องมือทำการประมงเหล่านี้ เป็นตัวการโดยตรง ที่ทำลายพันธุ์เต่าทะเลทั้งที่เจตนาและไม่ได้เจตนา
ซึ่งเต่าทะเลเป็นสัตว์น้ำที่หายใจด้วยปอดเมื่อติดอวน หรือ เบ็ดอยู่ใต้น้ำนานๆ ก็จะจมน้ำตายได้ นอกจากนั้นชาวประมงบางกลุ่มทำการดักจับเต่าทะเลโดยเจตนา เพื่อนำเนื้อไปบริโภคหรือฆ่าเพื่อเอาไข่ในท้อง
4. การบุกรุกทำลายแหล่งแพร่ขยายพันธุ์ของเต่าทะเล โดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญจึงมีการบุกรุกสร้างที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ทำให้สภาพความเหมาะสมของแหล่งวางไข่เต่าทะเลเสียไป ปัจจุบันแหล่งที่เหมาะสมสำหรับวางไข่เต่าทะเลเหลือน้อยมาก
ข้อมูลการวางไข่ของเต่าทะเลในปี 2565 (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2565) พบการวางไข่ของเต่าทะเล 604 รัง ประกอบด้วยเต่าตนุ 348 รัง และเต่ากระ 256 รังไม่พบการวางไข่ของเต่าหญ้าและเต่ามะเฟือง
แหล่งวางไข่หลักของเต่าทะเลทางฝั่งอ่าวไทยพบที่เกาะครามจังหวัดชลบุรีและเกาะกระนครศรีธรรมราชส่วนฝั่งทะเลอันดามันพบที่หมู่เกาะสิมิลันพังงา
เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลการวางไข่ของเต่าทะเลในอดีตจากข้อมูลการวางไข่ย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560 พบการวางไข่ของเต่าทะเล จำนวน 373 รัง (เต่าตนุ 296 รัง เต่ากระ 73 รัง เต่าหญ้า 2 รัง เต่ามะเฟือง 2 รัง) ปี 2561 พบการวางไข่ของเต่าทะเลจำนวน 413 รัง (เต่าตนุ 246 รัง เต่ากระ 167 รัง ไม่พบการวางไข่ของเต่าหญ้าและเต่ามะเฟือง) ปี 2562 พบการวางไข่ของเต่าทะเลจำนวน 434 รัง (เต่าตนุ 226 รัง เต่ากระ 203 รัง เต่าหญ้า 2 รัง เต่ามะเฟือง 3 รัง) ปี 2563 พบการวางไข่ของเต่าทะเล 491 รัง (เต่าตนุ 240 รัง เต่ากระ 234 รัง เต่าหญ้า 1 รัง เต่ามะเฟือง 16 รัง) ปี 2564 พบการวางไข่ของเต่าทะเล 502 รัง (เต่าตนุ 199 รัง เต่ากระ 283 รัง เต่าหญ้า 2 รัง เต่ามะเฟือง 18 รัง)
จากข้อมูลข้างต้นพบว่าพื้นที่การวางไข่ของเต่าตนุและเต่ากระพบวางไข่ทั้งบนชายหาดของแผ่นดินใหญ่และชายหาดของเกาะต่างๆทั้งทางฝั่งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
แนวโน้มของจำนวนครั้งของการวางไข่ของเต่ากระมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนเต่าตนุมีแนวโน้มลดลง สำหรับพื้นที่การวางไข่ของเต่ามะเฟืองและเต่าหญ้าจะพบวางไข่เฉพาะชายหาดบนแผ่นดินใหญ่ทางฝั่งทะเลอันดามันเท่านั้น โดยเต่าหญ้าพบการวางไข่น้อยมาก ซึ่งหากพบการวางไข่จะมีเพียง 1 ? 2 รังต่อปี และมีแนวโน้มการวางไข่ที่ลดลง ในขณะที่เต่ามะเฟืองแม้มีแนวโน้มการวางไข่เพิ่มขึ้นระหว่างปี 2563 ? 2564 แต่ในปี 2565 ไม่พบการวางไข่ของเต่ามะเฟือง อาจเนื่องจากแม่เต่ามะเฟืองจะกลับมาวางไข่อีกครั้งในช่วง 3 ? 5 ปี (Shanker et al., 2003)" กรมทะเลระบุใน "ระบบฐานข้อมูลทัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง" อ้างอิงผลสำรวจปี 2565 (ปรับปรุงข้อมูล ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2567)
https://greennews.agency/?p=38130
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|