ขอบคุณข่าวจาก มติชน
ผลตรวจสุขภาพเต่าทะเลในธรรมชาติ ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ วิตก ตัวเมียมากกว่าตัวผู้ 7 เท่า

วันที่ 16 สิงหาคม เฟซบุ๊ก ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เรื่องผลการตรวจสุขภาพ เต่าทะเลครั้งแรกในประเทศไทย มีเนื้อหาต่อไปนี้
ผลการตรวจสุขภาพเต่าทะเลในธรรมชาติเป็นครั้งแรกของไทย มีทั้งข่าวดีและข่าวไม่สู้จะดีแจ้งให้เพื่อนธรณ์ทราบ
แต่ก่อนแจ้ง ต้องท้าวความถึงต้นเรื่อง เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เราริเริ่มทำ
ความเดิมเกิดจากวิกฤตหญ้าทะเล ทำให้กรมทะเลตั้งคณะทำงาน ผมดูเรื่องสัตว์ทะเลหายาก จึงพูดคุยกับน้องๆ ก่อนบอกว่าจัดไปเลยจ้ะ
จัดในที่นี้คือใส่โครงการแบบจัดเต็ม ไม่สนใจเรื่องงบ ค่อยไปว่ากันภายหลัง
หนึ่งในโครงการจัดไปเลยจ้ะคือการตรวจสุขภาพสัตว์หายากในธรรมชาติ
เพราะเราจะเฝ้ารอแต่เต่าเกยตื้นแล้วค่อยตรวจ ก็เหมือนโรงพยาบาลรอผู้ป่วยเข้ามาหา
หากเป็นเชิงรุก เราต้องออกไปตรวจตามชุมชน เพื่อดูแลตั้งแต่ต้น
ฉันใดฉันนั้น การตรวจเต่าในทะเลย่อมให้ผลที่เราต้องการเป็นอย่างยิ่ง
ฟังดูเหมือนง่าย แต่เราต้องทำเพียบเลย เพราะเต่าหรือพะยูนไม่รู้จักการมาตรวจเอง เราต้องตามไปตรวจในทะเล ซึ่งยากกว่าตรวจเต่าในบ่อเลี้ยงแบบคนละเรื่อง
แต่ด้วยความกรุณาของกระทรวงทรัพยากรฯ/กรมทะเล รวมถึงเสียงเชียร์ในโพสต์ต่างๆ จากเพื่อนธรณ์ โปรเจ็คจัดไปเลยจ้ะ กลายเป็นจริงเฉยเลย
จึงเป็นครั้งแรกที่เราลงทะเลไปตรวจเต่าจริงๆ มิใช่เต่าเลี้ยงหรือเต่าเกยตื้น
เราวางกรอบพื้นที่ กรมทะเลระดมผู้คนทั้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอาสาสมัคร ช่วยกันเต็มที่
ได้เต่ามาตรวจ 24 ตัว เยอะมากจนตกใจ ถือว่าเป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวนพอใช้เลยนะ
เต่าทั้งหมดเป็นเต่าตนุ เรื่องนั้นไม่แปลก เพราะนี่คือเต่าชนิดหลักในแหล่งหญ้าทะเลอันดามัน
ความหนาแน่น 0.43 ตัวต่อไร่ ถือว่าเยอะใช้ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องประชากรเต่าในแหล่งหญ้าทะเล (ทะเลทั่วไปน้อยกว่านี้)
เต่าวัยรุ่น 7 ตัว เต็มวัย 17 ตัว ถือว่าอยู่ในสัดส่วนที่รับได้ มีเต่าเด็กๆ ขึ้นมาทดแทนเต่าพ่อแม่พันธุ์
การตรวจสุขภาพทำหลายอย่าง พบว่าอยู่ในเกณฑ์ดี/ดีมาก เยี่ยมไปเลย
อย่างไรก็ตาม พบบาดแผลจากผลของมนุษย์ 2 ตัว แต่ยังไม่ร้ายแรง ยังพบว่า 1 ตัวอึออกมามีพลาสติกปะปน
ก็ยังพอรับได้สำหรับสถานการณ์ในทะเลยุคนี้ ไม่ถึงขั้นหวั่นวิตก
แต่ที่วิตกจริงคือสัดส่วนเพศเมีย/ผู้
เต่าตัวเมีย 21 ตัว ตัวผู้ 3 ตัว !
สามตัวเป็นสัดส่วนที่น่าห่วง ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบโลกร้อน ทำให้ทรายร้อนกว่าอดีต
เพศของเต่ากำหนดโดยอุณหภูมิในทราย เมื่อร้อนขึ้น ลูกเต่าฟักออกมาจะเป็นตัวเมียเพิ่มขึ้น เพิ่มเรื่อยๆ จนเกิดปัญหา ตัวผู้ไม่พอผสมพันธุ์ เกิดประเด็นอย่างไข่เต่ามะเฟืองไม่ฟักเลย 3 รัง (เคยเล่าให้ฟังตอนผมไปภูเก็ต)
ยังมีกรณีน้ำเชื้อน้อย เกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ บางทีไข่เต่าที่ไม่ได้รับการผสมมีเกิน 50%
นี่คือ wake up call ตื่นได้แล้ว โลกร้อนเล่นงานเต่าใหญ่แล้ว
ยังมีอีกหลายข้อมูลน่าสนใจ แต่ที่อยากสรุปคืองานนี้ทำให้เราก้าวหน้าเรื่องการอนุรักษ์สัตว์หายากไปเยอะเลย
สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับยุคนี้ เราต้องการข้อมูลดีๆ แบบนี้เป็นประจำ ทำให้ทุกปี
เมื่อเรารู้มากขึ้น เราจะช่วยได้มากขึ้น
จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะมีงบประมาณสนับสนุนเรื่องอย่างนี้เป็นประจำ
ไม่ใช่แค่ทำเฉพาะกิจ
จะมาเล่าเรื่องดีๆ ให้ฟังอีกนะครับ.
https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_4740198
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|