ขอบคุณข่าวจาก Greennews
"อัตราฟอกขาวเฉลี่ย 60-80% ตาย 40%" สถานการณ์ปะการังฟอกขาว 67
"อัตราฟอกขาวเฉลี่ย 60-80% ? ฟื้นตัว 60% ตาย 40%" สถานการณ์ปะการังฟอกขาวไทย 2567 กรมทะเลสรุปวิกฤต "ค่อนข้างรุนแรง ? ทะเล อ่าวไทยหนักกว่าอันดามัน ? 4 ชนิดเสียหายมากที่สุด"

"ปีนี้สถานการณ์ปะการังฟอกขาวค่อนข้างรุนแรงโดยฝั่งอ่าวไทยเริ่มมีรายงานพบปะการังฟอกขาวในช่วงกลางเดือนเมษายนและสูงสุดในเดือนพฤษภาคมในขณะที่ฝั่งทะเลอ่าวไทยเริ่มเริ่มมีรายงานพบปะการังฟอกขาวในช่วงกลางเดือนเมษายนและสูงสุดในเดือนพฤษภาคมในขณะที่ฝั่งทะเลอันดามันเริ่มมีรายงานปะการังฟอกขาวในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมและสูงสุดในเดือนมิถุนายน
สำหรับสถานการณ์ปะการังฟอกขาวโดยภาพรวมของประเทศไทย มีอัตราการฟอกขาวประมาณ 60-80% หลังจากนั้นปะการังที่ฟอกขาวค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น 60% และมีบางส่วนตายไป 40%
จากการสำรวจพบปะการังน้ำตื้นโซนแนวราบคือบริเวณโผล่พ้นน้ำหรือปริ่มน้ำในช่วงเวลาน้ำลงสุดฟอกขาวเฉลี่ยมากกว่า 80% แบ่งเป็นฝั่งอ่าวไทยมากกว่ากว่า 90% ฝั่งอันดามันอยู่ระหว่าง 60-70% ปะการังที่ตายจากการฟอกขาวเฉลี่ย 50% แบ่งเป็นฝั่งอ่าวไทยมากกว่า 90% ฝั่งอันดามันอยู่ระหว่าง 20-30%
ในพื้นที่น้ำลึกบริเวณปะการังแนวลาดชันที่มีระดับความลึกมากกว่า 3 เมตร พบการฟอกขาวเฉลี่ย 60% แบ่งเป็นฝั่งอ่าวไทยอยู่ระหว่าง 80-90% ฝั่งอันดามันอยู่ระหว่าง 40-50% ปะการังที่ตายจากการฟอกขาวเฉลี่ย 30% แบ่งเป็นฝั่งอ่าวไทยอยู่ระหว่าง 30-40% ฝั่งอันดามันอยู่ระหว่าง 15-25%
อย่างไรก็ตาม พบแนวปะการังในบางพื้นที่ที่ไม่พบปะการังฟอกขาวประมาณ 10% โดยมีรายละเอียดแตกต่างกันระหว่างพื้นที่
จากการสำรวจเบื้องต้นพบชนิดปะการังที่เสียหายและตายลงเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ปะการังเขากวาง (Acropora spp.) ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora spp.) และปะการังผิวยู่ยี่ (Porites rus)"
ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยถึงปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในปี พ.ศ. 2567 วันนี้ (21 ส.ค. 2567)
"สำหรับสถานภาพปะการังมีแนวโน้มเสื่อมโทรมลงเนื่องจากมีปะการังตายเพิ่มขึ้นการฟื้นฟูแนวปะการังจึงอาจมีความจำเป็นและต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่
กรมฯได้มอบหมายให้ส่วนที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นพร้อมกับติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ปะการังฟอกขาว เป็นสภาวะที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียว (Zooxanthellae) ที่อาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการังแบบพึ่งพากัน (Symbiosis) และเป็นแหล่งพลังงานหลักของปะการังทำให้ปะการังอ่อนแอเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอและอาจตายได้ในที่สุดหากอยู่ในสภาวะเครียดเป็นเวลานาน
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการฟอกขาวเป็นวงกว้างคือ #ภาวะโลกร้อน และสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้ #อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นจนปะการังเครียดและสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลีในเนื้อเยื่อให้ปะการังจนเห็นโครงสร้างหินปูนสีขาวนอกจากอุณหภูมิน้ำที่ร้อนขึ้นแล้วน้ำจืดรวมทั้งสารเคมีและมลพิษต่างๆที่ไหลลงสู่ทะเลล้วนส่งผลต่อการดำรงชีวิตและการฟอกขาวของปะการัง
การฟอกขาวของปะการังที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การดำรงชีวิต ความมั่นคงทางอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้น เราทุกคนควรตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีจิตสำนึกที่ดีต่อระบบนิเวศทางทะเล และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยเริ่มต้นที่ตัวเราและส่งต่อถึงคนรอบข้างหรือคนในครอบครัว ไม่ทิ้งขยะ น้ำเสีย หรือสิ่งปฏิกูลลงในทะเล เพื่อลดปัจจัยทำให้เกิดการฟอกขาว และลดมลภาวะทางทะเลได้อีกด้วย " ดร.ปิ่นสักก์ กล่าว
https://greennews.agency/?p=38709
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
|