ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 14-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


"ยางิ" สร้างความเสียหายสาหัส โทษโลกร้อนได้ไหม?


SHORT CUT

- เฮอริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน คือพายุที่ได้รับพลังงานจากน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้ระดับความเร็วเพิ่มขึ้น

- นักวิทยาศาสตร์พบว่า พายุเหล่านั้นเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ท่ามกลางวิกฤติโลกร้อน

- แม้พายุจะอ่อนกำลังลง แต่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นก็สร้างความเสียหายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด




แม้จะสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่หลายประเทศในเอเชียก็ยังคงได้รับความเสียหายหนักจากผลกระทบของพายุ "ยางิ" เกินกว่าที่คาดคิด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า "โลกร้อน" คือปัจจัยสำคัญของภัยพิบัติครั้งนี้

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "ซูเปอร์ไต้ฝุ่นยางิ" ได้ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ในฟิลิปปินส์ พัดถล่มทำลายล้างเกาะไหหลำของจีน ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าถล่มทางตอนเหนือของเวียดนาม ทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม น้ำท่วม คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 127 บาดเจ็บหลายร้อยคน ผู้คนนับล้านทั่วภูมิภาคไม่มีไฟฟ้าใช้ และหลายคนจำเป็นต้องอพยพหนีออกจากบ้าน

ด้วยความเร็วลมสูงสุดอย่างน้อย 203 กม./ชม. ยางิจึงเป็นพายุไซโคลนเขตร้อนที่ทรงพลังเป็นอันดับสองของโลกจนถึงปีนี้ รองจากพายุเฮอริเคนเบริล และเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในเอเชียปีนี้เช่นกัน


อะไรทำให้พายุลูกนี้สร้างความเสียหายรุนแรงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด

"ซูเปอร์ไต้ฝุ่น" เป็นพายุที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับพายุเฮอริเคนระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด

แม้ว่าจะมีชื่อแตกต่างกันไปตามพื้นที่ที่เกิดขึ้น แต่เฮอริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน ล้วนมีกลไกการหมุนวนขนาดใหญ่ที่ใช้อากาศอุ่นและชื้นเป็นเชื้อเพลิง พวกมันจะเริ่มก่อตัวขึ้นในน่านน้ำเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร บริเวณที่ผิวทะเลมีอุณหภูมิอย่างน้อยราว 27 องศาเซลเซียส

โดยปกติพายุหมุนเขตร้อนจะเริ่มอ่อนกำลังลงเมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่แผ่นดิน เนื่องจากไม่ได้รับพลังงานจากน้ำทะเลอุ่นอีกต่อไป แต่กว่าจะถึงจุดที่พายุสลายตัว มันก็สร้างความเสียหายระดับหายนะในทุกพื้นที่ที่เคลื่อนตัวผ่านไป


"โลกร้อน" ทำให้พายุทวีความรุนแรงขึ้น

การก่อตัวของพายุสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พบว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" คือสาเหตุที่ทำให้พายุไต้ฝุ่น พายุเฮอริเคน และพายุไซโคลน มีความรุนแรงขึ้นกว่าปกติ เพราะน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น ยิ่งกลายเป็นพลังงานสำคัญที่ทำให้พายุเพิ่มความเร็วลมได้มากกว่าเดิม

บรรยากาศที่อุ่นขึ้นยังกักเก็บความชื้นเอาไว้ ทำให้บริเวณที่เกิดพายุ มีฝนตกหนักมากขึ้น ส่งผลให้พายุยังสามารถเคลื่อนตัวปกคลุมแผ่นดินได้เป็นระยะเวลานาน ขณะที่ระดับน้ำทะเลซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็มีบทบาทในการสร้างความเสียหายต่อชุมชนชายฝั่งขณะเกิดพายุเช่นกัน

นั่นหมายความว่า หากอุณหภูมิของโลกและน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็มีโอกาสที่เราจะได้เผชิญกับซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงมากกว่านี้ในอนาคต

ที่มา: euronews


https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852731

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม