เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 09-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 9 เมษายน 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ในวันนี้ (9 เม.ย. 67) ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวมีกำลังอ่อน


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 28-29 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 9 ? 11 เม.ย. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป ประกอบกับในช่วงวันที่ 9 ? 11 เม.ย. 2567 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านประเทศเมียนมาและผ่านภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในระยะแรก โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ฝนตกหนักบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 14 เม.ย. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 8 ? 9 เม.ย. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ส่วนลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 10 ? 14 เม.ย. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามัน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 11 - 14 เม.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน ส่วนในช่วงวันที่ 9 ? 14 เม.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 6 (73/2567) (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 11 เมษายน 2567)


บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป ประกอบกับในช่วงวันที่ 9?11 เมษายน 2567 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านประเทศเมียนมาและผ่านภาคเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้


วันที่ 9 เมษายน 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด


วันที่ 10 เมษายน 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย และชัยภูมิ

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง


วันที่ 11 เมษายน 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ และตาก









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 09-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


จับตา ทร. เตรียมแถลงผลสอบ 'เรือหลวงสุโขทัย' อับปางบ่าย 9 เม.ย.นี้

"กองทัพเรือ" เตรียมแถลงผลสอบข้อเท็จจริง "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง ช่วงบ่าย 9 เม.ย.นี้ พร้อมเยียวยากำลังพล ครอบครัวผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และผู้สูญหาย



เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ทร.) เตรียมแถลงรายละเอียดผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ในวันที่ 9 เม.ย. 67 เวลา 15.00 น. ที่ ห้องเจ้าพระยา หอประชุม ทร. โดยมี ผบ.ทัพเรือภาค 1 เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ และ นาวาโท พิชิตชัย เถื่อนนาดี ผู้บังคับการ ร.ล.สุโขทัย ขณะเกิดเหตุ ที่ปัจจุบันย้ายเป็นหัวหน้าพลาธิการ กองเรือฟริเกตที่ 1 ร่วมการแถลงข่าวฯ ด้วย

ทั้งนี้ จะมีการชี้แจงถึงสาเหตุหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เรืออับปาง จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหาย ตลอดจนการเยียวยาให้กับกำลังพล ครอบครัวผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และผู้สูญหาย รวมทั้งผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้


https://www.dailynews.co.th/news/3328520/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 09-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


กางแผนสร้าง 'ท่าเรือครุยส์' เกาะสมุย จ่อชง ครม. ก.ค.-ก.ย.นี้ ปักธงเปิดใช้ ธ.ค.75



'มนพร' ร่วมคณะนายกฯ ลงใต้ กางแผนพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ เกาะสมุย จ่อชง ครม. ก.ค.-ก.ย.นี้ คาดเริ่มสร้าง ม.ค.72 พร้อมเปิดให้บริการ ธ.ค.75 รับนักท่องเที่ยวปีละ 1.8 แสนคน พ่วงเล็งขยายสนามบินสมุย หลังผู้โดยสารโตต่อเนื่อง

8 เม.ย.2567-นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังร่วมคณะตรวจราชการของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ แหลมนิคม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีว่า ตามนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของรัฐบาล

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมโดยกรมเจ้าท่าได้วางแผนพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือ ฝั่งอ่าวไทยรองรับการเดินเรือในเส้นทางจากท่าเรือต้นทางที่สิงคโปร์ และท่าเรือปลายทางที่ฮ่องกง โดยจอดที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี

ในส่วนของฝั่งอันดามันรองรับการเดินเรือในเส้นทางจากท่าเรือต้นทางที่สิงคโปร์ แวะเข้าจอดที่เกาะภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ โครงการ Cruise Terminal ที่เกาะสมุย โดยกรมเจ้าท่า (จท.) ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นเกี่ยวกับการออกแบบและคัดเลือกพื้นที่เสร็จแล้ว โดยสามารถรองรับนักท่องเที่ยว 180,000 คนต่อปี รองรับเรือ Cruise 118 ลำต่อปี คาดการณ์รายได้ตลอดระยะเวลาโครงการ 30 ปี มีมูลค่า 8,500 ล้านบาท สัดส่วนของรายได้โครงการแบ่งเป็น รายได้จากท่าเทียบเรือ 91% และรายได้เชิงพาณิชย์ 9%

สำหรับความคืบหน้าในขณะนี้ อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) จากผลการศึกษาค่าใช้จ่ายของโครงการ 10,430.67 ล้านบาท ผลประโยชน์ของโครงการ ประกอบด้วย การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว การหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ ค่าตรวจคนเข้าเมือง/ค่าพิธีศุลกากร และมูลค่าซาก 46,417.23 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ (EIRR) 15.57% โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบโครงการได้ภายใน ก.ค.-ก.ย. 2567

"หลังจากนั้นจะเป็นการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน การออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน เริ่มต้นการก่อสร้างประมาณ ม.ค. 2572 แล้วเสร็จ พ.ย. 2575 และเปิดให้บริการใน ธ.ค. 2575" นางมนพร กล่าว

นางมนพร กล่าวต่อว่า โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีพื้นที่รวมประมาณ 47 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่บนชายฝั่ง ได้แก่ อาคารบริการและที่จอดรถ และถนนสาธารณะ 15 ไร่ พื้นที่นอกชายฝั่ง ได้แก่ สะพานขึง อาคารผู้โดยสาร 3 ชั้น และท่าเทียบเรือเฟอรี่และเรือยอร์ช 32 ไร่ ขณะเดียวกัน ได้กำชับ จท. เร่งรัดการพัฒนาท่าเทียบเรือเกาะสมุยที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มศักยภาพของท่าเรือสำหรับรองรับเรือขนส่งนักท่องเที่ยวจากเรือสำราญ (Landing Pier) และผู้โดยสารจากเรือสำราญ (Cruise) ซึ่งเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการจะสามารถรองรับเรือ Tender พร้อมกันได้ครั้งละ 4 ลำ มีอาคารพักคอยรองรับผู้โดยสาร (Terminal) พื้นที่ 1,800 ตารางเมตร รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้ถึง 1,300 คน/วัน

สำหรับความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสมุยนั้น เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้โดยสารตั้งแต่ ม.ค. 2566 ? มี.ค. 2567 แบ่งออกเป็น ผู้โดยสารในประเทศ ? ขาเข้า 1.4 ล้านคน ผู้โดยสารในประเทศ ? ขาออก 1.45 ล้านคน ผู้โดยสารระหว่างประเทศ ? ขาเข้า 1.04 แสนคน ผู้โดยสารระหว่างประเทศ ? ขาออก 1.15 แสนคน โดยมีแผนการที่จะปรับปรุงระบบไฟ Approach หัวทางวิ่ง 17 ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาขอเช่าพื้นที่กับเทศบาลท้องถิ่น และจะขอขยายเที่ยวบินที่ให้บริการ จาก 50 เที่ยวบิน/วัน เป็น 70 เที่ยวบิน/วัน


https://www.thaipost.net/economy-news/567045/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 09-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ล่องเรือหา 'สาหร่ายขนนก' ที่ป่าโกงกางสตูล



8 เมษายน 2567 ในช่วงน้ำ 14 ถึง 15 ค่ำ และ 1 ถึง 2 ค่ำฤดูแล้ง ชาวบ้านหมู่ที่ 8 บ้านนาพญา ตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล จะนำเรือออกล่องไปตามลำคลองเรียบป่าโกงกางเพื่อหาสาหร่ายสาย (สาหร่ายขนนก) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าหา ลาโต๊ส , ลาสาย หรือ สาย

โดยแหล่งหาสาหร่ายสายจะมีด้วยกัน 2 ลำคลองคือ 1 โซนท่านาพญา และ 2 โซนท่าพะยอมทันทีระดับน้ำในลำคลองลดลง จนเกือบถึงยอดอกชาวบ้านที่ว่างเว้นการออกเรือหาปูดำหรือออกเรือหาแมงกะพรุน ก็จะพากันออกไปหาในช่วงฤดูแล้งเพื่อเป็นรายได้เสริม

โดยทุกคนที่มาหาจะมีทั้งวัยรุ่นและผู้สูงอายุอย่างคุณลุงปิยะศักดิ์ เภอสม อายุ 68 ปี ที่ยอมรับว่าออกมาหาสาย ตั้งแต่วัยหนุ่มนานถึง 30 ปีแล้ว โดยเคยหามากสุดในชีวิตคือ 40 กิโลกรัม เมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ตอนนี้หาได้มากสุด 10 กว่ากิโลกรัม โดยอุปกรณ์ก็จะมีแว่นตาดำน้ำและภาชนะสำหรับใส่สาหร่ายสาย โดยการหาในแต่ละครั้งจะต้องดำดิ่งลงไปในน้ำที่มีความลึกประมาณยอดอก แต่หากลึกกว่านั้น ก็จะหลีกเลี่ยงไปหาพื้นที่อื่นเพื่อเซฟร่างกายด้วยเช่นกันเพราะจะต้องกลั้นหายใจให้นานเพื่อที่จะไปดึง สาหร่ายสายขึ้นมาจากน้ำให้ได้

น้องวินกับน้องแม๊ค บอกว่า หากวันไหนไม่ออกเรือหาปูดำหรือหาแมงกะพรุน พอเข้าสู่ฤดูแล้งก็จะออกมาหา สาหร่ายสายหรือสาย โดยช่วงแรก ๆก็จะออกมาหากับคุณพ่อ พอรู้แหล่งพิกัดก็จะออกมาหาตามลำพัง โดยพบว่า สาหร่ายสาย มักจะอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อนริมป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อกระโดดลงน้ำและเท้าถึงพื้น สัมผัสว่ามีความนิ่มก็หมายความว่าบริเวณนั้นมี สาหร่ายสาย เป็นจำนวนมากนั่นเอง ใน 1 ปีหาได้เพียงไม่กี่เดือน โดยจะหาได้มากสุดก็ช่วงที่น้ำลดลงต่ำสุด เพราะต้องใช้ความชำนาญในการกลั้นลมหายใจในการดำน้ำดึงสาหร่ายขึ้นมา

การออกมาหา สาหร่ายสาย(สาหร่ายขนนก) หรือ ลาโต๊ส ในครั้งนี้ทีมเกษตรอำเภอละงูและทีมผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งสมาชิก อบต.ละงู ก็หวังจะผลักดันให้พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กับอาหารพื้นถิ่นที่ขึ้นชื่อที่มีลักษณะเฉพาะเพราะจะมีทานในช่วงน้ำลงและฤดูแล้งเท่านั้น

นางสาวมนัสนันท์ นุ่นแก้ว เกษตรอำเภอละงู บอกว่า หลังจากลงพื้นที่ในครั้งนี้จะเข้ามาส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มกันส่งเสริมอาชีพ ร่วมกันทำกิจกรรม เช่น การอนุรักษ์สาหร่ายสายให้อยู่คู่กับลูกหลาน และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยจะทำร่วมกับผู้นำท้องที่ท้องถิ่นเพื่อต่อยอด โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอละงู

นายตารอด ใบหลำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บอกว่า สาหร่ายสาย นับเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการเป็นอย่างมากและที่นี่ก็จัดเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มีสาหร่ายสาย หรือ ลาโต๊ส เยอะที่สุดอีกหนึ่งแหล่งในจังหวัดสตูล โดยอนาคตก็เตรียมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์มาดูวิถีชีวิตของชาวบ้านในการหาสาหร่าย ชิมกันสดๆถึงอรรถรสความกรอบ ใหม่สดของสาหร่ายชนิดนี้ ที่ชาวบ้านนาพญา ตำบลละงู อำเภอละงูจังหวัดสตูลพร้อมดูแล

ด้าน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 5 สตูลได้ศึกษาวิจัยการใช้สาหร่ายสายหรือสาหร่ายขนนก พบสรรพคุณที่โดดเด่นคือมีสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งมีวิตามินที่ร่างกายต้องการ สาหร่ายชนิดนี้จะเจริญเติบโตในที่มีคุณภาพน้ำที่สะอาดเท่านั้น

ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้รับประทานเป็นผักจิ้ม โดยการล้างให้สะอาดก่อนนำมากิน เพราะสาหร่ายสายเมื่อถูกน้ำจืดเพียงไม่นานก็จะตายหากไม่รีบทาน พบในช่วงฤดูแล้งเดือนมีนาคม ? พฤษภาคม และจะเริ่มลดลงเมื่อเข้าหน้าฝนในช่วงมิถุนายนถึงตุลาคม สำหรับพื้นที่พบสาหร่ายสาย ตามแนวชายฝั่งอำเภอท่าแพ,ละงู ,ทุ่งหว้า เพราะมีลักษณะคล้ายคลึงกันมีลักษณะเป็นหินดินดานเป็นโคลนทราย

พื้นที่ความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนนั้นพบว่า มีคุณประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ไม่ว่าจะเป็นทางตรงและทางอ้อม สรรพสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดที่เข้ามาพึ่งพิงจะใช้ประโยชน์จากป่าชายเลน ในแง่ของแหล่งอาหารที่อยู่อาศัยแหล่งหลบภัยเช่นเดียวกับสาหร่ายสาย หรือ สาหร่ายขนนก ที่ยึดเอาป่าชายเลนเป็นเสมือนบ้านของตนเองยังคุณประโยชน์ให้แก่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ได้เก็บหามาบริโภคในครัวเรือน และยังสามารถขายเพื่อเป็นรายได้จนเจอครอบครัวอีกด้วย

นับเป็นการเกื้อกูลเอื้อประโยชน์แก่กัน ทั้งป่าชายเลน สาหร่าย และชาวบ้านในบริเวณนั้นประโยชน์จากสาหร่ายสาย ชาวบ้านมีการถ่ายทอดองค์ความรู้และนำไปสู่วิถีแห่งภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นได้ต่อไป


https://www.naewna.com/likesara/798047

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 09-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


'ปลูกต้นไม้' ผิดที่ ไม่มีประโยชน์ แถมทำให้ 'โลกร้อน' มากกว่าเดิม

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า "การปลูกต้นไม้" ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้เกิด "ภาวะโลกร้อน" ได้ แนะควรทำการฟื้นฟูป่าในภูมิอากาศแบบร้อนชื้น



การฟื้นฟู "ป่าเสื่อมโทรม" และ "การปลูกป่าทดแทน" เป็นเครื่องมือหนึ่งในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่นิยมทำกันทั่วโลก เพราะเราต่างรู้กันดีว่า "ต้นไม้" ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดภาวะโลกร้อนได้ดี แต่ดูเหมือนว่าในบางกรณีที่มีต้นไม้หนาแน่นเกินไปแสงแดดสะท้อนกลับจากพื้นผิวโลกน้อยลง นั่นหมายความว่าโลกก็ดูดซับความร้อนได้มากกว่าเดิม

ซูซาน คุก-แพตตัน หนึ่งในผู้ร่วมวิจัยกล่าวกับเอเอฟพีว่า การฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมบ้างพื้นที่ จะส่งผลร้ายต่อสภาพภูมิอากาศมากขึ้น โดยการวิจัยนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นว่า อัตราส่วนสะท้อนมีความสำคัญต่อการเกิดภาวะโลกร้อน และการสร้างอิทธิพลความเย็น (Cooling Effect) ของต้นไม้

โครงการฟื้นฟูป่าที่ไม่ได้คำนึงถึงอัตราส่วนสะท้อน จะมีการประเมินค่าประโยชน์ทางสภาพอากาศของต้นไม้เพิ่มเติมไว้สูงเกินไป 20-80%


"อัตราส่วนสะท้อน" ตัวช่วยโลกเย็น

นักวิทยาศาสตรู้ว่าการฟื้นฟูป่าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ "อัตราส่วนสะท้อน" หรือ "แอลบีโด" ซึ่งเป็นปริมาณรังสีดวงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับจากพื้นผิวดาวเคราะห์ แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ได้ว่าเกิดขึ้นอย่างไร โดยการศึกษาใหม่ที่ได้ตีพิมพ์ ในวารสาร Nature Communications ช่วยไขความลับดังกล่าว

"อัตราส่วนสะท้อน" หรือ "แอลบีโด" สามารถพบได้มากที่สุดในพื้นที่แช่แข็งของโลก เช่น เกาะกรีนแลนด์ และทวีปแอนตาร์กติกา โดยเฉพาะหิมะและน้ำแข็งที่ใสเหมือนกระจก มีแอลบีโดสูงพอที่จะสะท้อนแสงอาทิตย์ได้มากถึง 90%

ในขณะเดียวกัน ป่าไม้ก็มักจะมีสีเข้มกว่าพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าป่าดูดซับแสงแดดได้มากขึ้นและกักเก็บความอบอุ่นไว้ ทำให้มีอัลเบโด้ต่ำ

ดังนั้นแอลบีโดจึงเปรียบเสมือนสารทำความเย็นที่สำคัญของโลก เช่นเดียวกับผืนดินและมหาสมุทรที่ดูดซับความร้อนส่วนเกินและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตัวการสำคัญที่ทำให้โลกร้อน


"ป่าร้อนชื้น" เหมาะสมกับการ "ฟื้นฟูป่า"

การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าหลายประเทศให้คำมั่นว่าจะปลูกต้นไม้หลายพันล้านต้น เพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันภาวะโลกร้อน แต่ไม่ใช่ว่าทุกความพยายามจะสร้างประโยชน์ให้กับโลกได้อย่างเท่าเทียมกัน

สำหรับภูมิอากาศแบบร้อนชื้น เช่น ป่าแอมะซอน และพื้นที่แอ่งรอบลุ่มน้ำคองโก นับเป็นพื้นที่กักเก็บคาร์บอนสูงและการเปลี่ยนแปลงของอัลเบโดต่ำ จึงเป็นรูปแบบสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสำหรับการฟื้นฟูพื้นที่ป่า แต่สำหรับพื้นที่ประเภททุ่งหญ้าเขตอบอุ่นและทุ่งหญ้าสะวันนา ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งจะที่ปลูกป่าทดแทน

แม้คุก-แพตตัน จะเน้นย้ำว่าการฟื้นฟูป่าไม้ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อผู้คนและโลกของเราอย่างมากมาย เช่น ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ เป็นแหล่งน้ำสะอาดและอากาศบริสุทธิ์ แต่ให้ปลูกป่าในตำแหน่งที่ดีที่สุด ในพื้นที่สภาพภูมิประเทศที่ไม่เหมาะสม ก็จะได้ผลออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 20% เมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของอัลเบโด

"ไม่ได้มีเงิน เวลา ทรัพยากร และแรงงานพอที่จะปลูกต้นไม่ได้ทุกที่ ดังนั้นเราจึงใช้ประโยชน์สูงและได้รับผลตอบแทนจากสภาพภูมิอากาศสูงสุดต่อการลงทุนที่มีจำกัด ในทุกไร่ที่เราปลูก" เธอกล่าวเสริม


ที่มา: Euro News, Phys


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1121198

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:39


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger