|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 26 พ.ย. - 1 ธ.ค. 63 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย0 ในช่วงวันที่ 26 ? 27 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศมาเลเซีย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากเกิดขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 28 พ.ย. ? 1 ธ.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงตลอดช่วง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงวันที่ 30พ.ย. ? 1 ธ.ค. 63 ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากเกิดขึ้น ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 27 พ.ย. ? 1 ธ.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 26-27 พ.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง และควรหลีกเลี่ยงการเดืนเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
สุดสลด วาฬนำร่อง-โลมา เกยตื้นตายร่วม 100 ตัวที่หาดนิวซีแลนด์ วาฬนำร่องจำนวนเกือบ 100 ตัวและโลมาจำนวนหนึ่ง เกยตื้นตายที่ชายหาดของเกาะแชตแฮม ประเทศนิวซีแลนด์ โดยเจ้าหน้าที่ต้องทำการุณยฆาตพวกมันหลายตัวด้วย สำนักข่าว บีบีซี รายงานในวันพุธที่ 15 พ.ย. 2563 ว่า เจ้าหน้าที่ของกรมอนุรักษ์ธรรมชาติ (DOC) ของนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า พวกเขาได้รับแจ้งเหตุมีวาฬนำร่องจำนวนมากเกยตื้นที่หาด ไวตังกี เวสต์ บีช บนเกาะแชตแฮม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่เมื่อพวกเขาไปถึงก็เหลือวาฬเพียงไม่กี่ตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ ตามการเปิดเผยของ DOC มีวาฬนำร่องตายทั้งหมด 97 ตัว และโลมาตายอีก 3 ตัว โดยเจ้าหน้าที่ต้องทำการุณยฆาตวาฬที่เกยตื้นจำนวน 26 ตัว เนื่องจากทะเลมีสภาพเลวร้ายเกินไป และเชื่อว่ามีฉลามขาวยักษ์มาว่ายรออยู่ในน่านน้ำใกล้เคียงแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุวาฬเกยตื้นเช่นนี้ DOC ระบุด้วยว่า สมาชิกชนเผ่าท้องถิ่นอย่าง โมริโอริ และ เมารี ประกอบพิธีตามความเชื่อของพวกเขา เพื่อเป็นเกียรติแก่ดวงวิญญาณของเหล่าวาฬที่ตาย และจะปล่อยให้ซากวาฬย่อยสลายไปตามธรรมชาติ ทั้งนี้ วาฬนำร่องเป็นหนึ่งในวาฬสายพันธ์ุที่พบได้มากที่สุดในน่านน้ำของนิวซีแลนด์ และที่เกาะแลตแฮมเกิดเหตุวาฬเกยตื้นขึ้นบ่อยครั้ง โดยในปี 2461 เคยมีวาฬมาเกยตื้นพร้อมกันร่วม 1,000 ตัวมาแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้วาฬนำร่องมาเกยตื้น https://www.thairath.co.th/news/foreign/1983717
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
รมว.ทรัพยากรฯ เผยภาพการค้นพบซาก "วาฬโบราณ" บ้านแพ้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ เผยภาพการค้นพบซาก "วาฬโบราณ" บ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และคณะสำรวจยังพบซากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมอยู่ด้วย เตรียมส่งวิเคราะห์หาอายุ คาดทราบในหนึ่งเดือน วันนี้ (25 พ.ย.) เพจ "TOP Varawut - ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา" หรือ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่ติดตามการสำรวจขุดค้นโครงกระดูกวาฬโบราณ บ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โดยเผยว่า ?วันนี้ ผมอยู่ที่ตำบลอำแพง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อติดตามการสำรวจขุดค้นโครงกระดูกวาฬ หลังได้รับแจ้งการค้นพบจาก บริษัท ไบรท์ บลู วอเตอร์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เจ้าของพื้นที่ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา โดยการสำรวจขุดค้นซากวาฬตามหลักวิชาการในพื้นที่ได้มีการดำเนินการ โดย กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง และได้รับความอนุเคราะห์และความร่วมมือจากเจ้าของพื้นที่ จากผลการสำรวจขุดค้นเพิ่มเติม พบว่า ชิ้นส่วนกระดูกวาฬสะสมตัวอยู่ในตะกอนดินเหนียวทะเลโบราณ โครงกระดูกวาฬที่พบมีการเปลี่ยนสภาพจากการแทนที่ของแร่ธาตุอื่นยังไม่สมบูรณ์ ส่วนใหญ่มีสภาพค่อนข้างเปราะบาง ทีมงานจึงเร่งทำการสำรวจขุดค้น ตั้งแต่วันที่ 9-15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 และพบกระดูกวาฬอีกหลายชิ้นที่เรียงตัวต่อเนื่อง สามารถขุดค้นได้มากกว่า 50% ประกอบด้วย กระดูกสันหลังที่สมบูรณ์ 19 ชิ้น กระดูกซี่โครง ข้างละ 5 ชิ้น สะบักไหล่ และครีบด้านซ้าย ต่อมาคณะสำรวจได้เข้าพื้นที่เพื่อทำการสำรวจเพิ่มเติมอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ค้นพบชิ้นส่วนกระดูกวาฬเพิ่มเติม รวมมากกว่า 80% ได้แก่ กระดูกสันหลังส่วนลำตัวถึงส่วนคอ กระดูกซี่โครง และกะโหลกพร้อมขากรรไกรสภาพสมบูรณ์ โดยหลังจากนี้ จะนำตัวอย่างไปอนุรักษ์ในห้องปฏิบัติการและเตรียมศึกษาวิจัยเพื่อระบุสายพันธุ์ต่อไป นอกจากโครงกระดูกวาฬ คณะสำรวจยังพบซากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในบริเวณโดยรอบ เช่น ฟันฉลาม ฟันกระเบน เปลือกหอย ปูทะเล เพรียงทะเล และเศษไม้ และได้นำตัวอย่าง เปลือกหอย ซากพืช และกระดูกวาฬ ส่งวิเคราะห์หาอายุด้วยวิธีศึกษาธาตุคาร์บอน-14 (C-14) แล้ว คาดว่า จะทราบผลประมาณอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าครับ จากการพบโครงกระดูกวาฬบนแผ่นดินซึ่งห่างจากชายฝั่งทะเลปัจจุบันประมาณ 12 กิโลเมตร ในครั้งนี้ เป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ถึงการรุกของน้ำทะเลเข้ามาในแผ่นดินเมื่อหลายพันปีก่อน ทั้งยังสามารถศึกษาประวัติและวิวัฒนาการของวาฬและสัตว์ทะเลในอดีต บ่งชี้ถึงความหลากหลายทางชีวภาพจากการพบซากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ร่วมกับวาฬ นอกจากนี้ ผลที่ได้จากการสำรวจด้วยวิธีการเจาะสำรวจศึกษาชั้นตะกอนดินและเทียบสัมพันธ์ ยังช่วยในการแปลความหมายถึงสภาพแวดล้อมในอดีต การหาขอบเขตชายทะเลโบราณในพื้นที่ราบลุ่มเจ้าพระยา ตลอดจนศึกษาการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลในปัจจุบันและอนาคตที่มีผลจากปัจจัยทางธรณีวิทยาและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งผมได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีดำเนินการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ต่อไป https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000121550 ********************************************************************************************************************************************************* เกิดอะไรขึ้น!วาฬเกยตื้นหมู่อีกแล้ว ตายเกือบ100ตัวบนชายฝั่งเกาะนิวซีแลนด์ วาฬนำร่องเกือบ 100 ตัวสิ้นลมอย่างน่าสลด หลังเกยตื้นหมู่ที่ชาแธม หมู่เกาะห่างไกลของนิวซีแลนด์ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าอะไรคือสาเหตุที่นำมาพวกมันมาเกยตื้นหมู่ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่อนุรักษ์สัตว์เปิดเผยว่าได้รับแจ้งเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เมื่อวันอาทิตย์(22พ.ย.) แต่ตอนไปถึงจุดที่เหล่าวาฬเกยตื้น ตามแนวชายหาดไวตางีเวสต์ พบว่าเหลือวาฬเพียงไม่กี่ตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ รวมแล้วทั้งสิ้นมีวาฬตาย 97 ตัวและโลมา 3 ตัว อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้พวกมันเกยตื้นหมู่เกาะแห่งนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากนิวซีแลนด์ ไปทางตะวันออกราวๆ 800 กิโลเมตร เจมมา เวลช์ เจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงอนุรักษ์ธรรมชาติของนิวซีแลนด์(DOC) รบุในถ้อยแถลงว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำการุณยฆาตวาฬเกยตื้น 26 ตัว สืบเนื่องจากสภาพคลื่นทะเลปั่นป่วน และแน่นอนกว่าการเกยตื้นเช่นนี้ จะนำพาฝูงฉลามขาวมายังน่านน้ำ กระทรวงอนุรักษ์ธรรมชาติเผยว่าสมาชิกชนพื้นเมืองโมริโอริและมาโอริ ได้ประกอบพิธีเพื่อแสดงความเคารพเหล่าดวงวิญญาณของวาฬ และซากของพวกมันจะถูกทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยตามธรรมชาติ วาฬนำร่องเป็นหนึ่งในสายพันธุ์วาฬที่พบเห็นบ่อยที่สุดในน่านน้ำต่างๆของนิวซีแลนด์ และมันสามารถโตได้สูงสุด 6 เมตร เหตุเกยตื้นหมู่เกิดขึ้นเป็นประจำแถวหมู่เกาะชาแธม และเมื่อปี 1918 เคยมีวาฬว่ายมาเกยตื้นมากถึงราวๆ 1,000 ตัว นับเป็นเหตุการณ์เกยตื้นหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ ขณะเดียวกันเหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้นราวๆ 2 เดือน หลังจากเกิดเหตุวาฬเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดอีกหนหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยมีวาฬตายอย่างน้อย 380 ตัวตายบนชายหาดเกาะแทสมาเนียของออสเตรเลีย ยังไม่ทราบคำตอบอย่างชัดเจนว่าทำไมวาฬถึงเกยตื้น แต่วาฬนำร่องชักว่ายเข้ามาเกยตื้นชายฝั่งบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้วาฬนำร่องไม่ได้ถูกพิจารณาว่าเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ แม้ไม่ทราบจำนวนประชากรที่้แท้จริงของพวกมัน เมื่อ 2 ปีก่อน ฝูงวาฬนำร่องราวๆ 145 ตัว ตายหลังจากเกยตื้นชายหาดเกาะสจ๊วร์ต ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ มีหลากหลายทฤษฎีที่พยายามตอบคำถามว่าทำไมเหตุเกยตื้นหมู่จึงเกิดขึ้น โดยบางส่วนบอกว่าฝูงวาฬอาจสับสน หลังไล่ตามฝูงปลาที่พวกมันไล่ล่าเข้ามาใกล้ชายฝั่ง ส่วนคนอื่นๆเชื่อว่าผู้นำฝูงอาจผิดพลาดพาสมาชิกทั้งฝูงเกยตื้นชายฝั่ง เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน กองทัพเรือศรีลังกา และอาสาสมัครกู้ภัย เข้าช่วยเหลือฝูงวาฬนำร่องกว่า 120 ตัว ซึ่งว่ายมาเกยตื้นบริเวณชายหาดของเมืองปานาดูรา (Panadura) นับเป็นเหตุวาฬเกยตื้นที่มีจำนวนวาฬฝูงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ https://mgronline.com/around/detail/9630000121588 ********************************************************************************************************************************************************* ทีมแพทย์ดีใจ!! "วาฬเพชฌฆาตดำ" กินอาหารเองได้แล้ว เป็นครั้งแรกในรอบ 10 วันที่วาฬเพชฌฆาตดำที่เกยตื้น บริเวณบ้านเกาะเตียบ อ.ปะทิว จ.ชุมพร สามารถกินอาหารเองได้ หลังจากก่อนหน้านี้ต้องให้อาหารทางสายยาง นับเป็นครั้งแรกที่วาฬฯ ตัวนี้ สามารถกินอาหารได้เอง หลังจากที่พบวาฬฯ ตัวนี้วันแรกเมื่อวันที่14 พฤศจิกายน2563 โดยมีการรายงานว่า กรม ทช.ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โครงการส่วนพระองค์ฯ อ.ปะทิว จ.ชุมพร กรณีพบ วาฬเกยตื้น บริเวณชายหาดหน้าโครงการฯ ผลการตรวจสอบเป็น วาฬเพชฌฆาตดำ ความยาวประมาณ ๔ เมตร เกยตื้นแบบมีชีวิต เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันผลักดันออกสู่ทะเล แต่วาฬไม่สามารถว่ายน้ำออกไปได้ จึงเคลื่อนย้ายมาในพื้นที่อ่าวเกาะเตียบ ซึ่งมีคลื่นลมสงบ และพยายามผลักดันสู่ทะเลอีกครั้ง แต่วาฬก็กลับมาเกยตื้นซ้ำ จึงเริ่มปฐมพยาบาลและเฝ้าดูอาการเพื่อประเมินสภาพของวาฬต่อไป ต่อจากนั้น ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่จึงมีการรักษา ติดตามอาการ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด มาโดยตลอดช่วง 10 วันที่ผ่านมา เช่น การทรงตัว การหายใจ และมีการเจาะเลือดเพื่อส่งตรวจสุขภาพ การให้สารน้ำ น้ำตาล และวิตามินทางเส้นเลือด เป็นต้นซึ่งในช่วงที่ผ่านมาอาการจะค่อนข้างทรงตัวและจากรายงานเมื่อวานนี้ (24 พ.ย.2563)ยังคงให้อาหารทางสายยาง ผลการตรวจเลือดพบว่า วาฬมีภาวะเครียดและกล้ามเนื้ออักเสบ จึงให้ยาซึมและยาแก้การอักเสบ นอกจากนี้ยังพบพยาธิใบไม้ปนมากับเสมหะ จึงเก็บตัวอย่างเพื่อระบุชนิดพยาธิต่อไป ทั้งนี้ วาฬชนิดนี้ พบได้บริเวณนอกชายฝั่งทั้งอ่าวไทยและอันดามัน บริเวณอ่าวไทยตอนกลาง สำรวจพบบริเวณเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มีประมาณ ๕๐ ตัว https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000121391
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ระทึกในแม่น้ำออสซี่ จระเข้น้ำเค็ม และ ฉลามหัวบาตร เผชิญหน้ากัน ระทึกในแม่น้ำออสซี่ - วันที่ 25 พ.ย. เดอะซัน เผยแพร่วิดีโอการเผชิญหน้าระหว่าง ฉลามหัวบาตร กและ จระเข้น้ำเค็ม ในแม่น้ำออร์ด ทางตะวันตกเฉียงเหนือไกลของออสเตรเลีย นางเชลซี วูด และ นายไบรซ์ คอนโนล บันทึกวิดีโอช็อตเด็ดขณะพักผ่อนวันหยุด และแชร์ทางยูทูบแชนเนล Caravan Adventure Aus เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นางวูดให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอ็นซีเอว่า คนมากมายตกปลาและเด็กๆ เล่นน้ำกัน จึงไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก "เราสองคนออกไปตกปลาในน้ำลึกถึงหัวเข่า ห่างหลายเมตรจากจุดที่เราเห็นจระเข้ในเวลาต่อมา" นางวูดบอกด้วยว่า จระเข้มีความยาวเกือบ 5 เมตร วิดีโอดังกล่าวบันทึกจากมุมสูงด้วยโดรน เผยฉลามหัวบาตรว่ายน้ำห่างจากจระเข้ตัวใหญ่กว่า หลังเห็นมันใกล้ๆ ฉลามหัวบาตรจึงดูเล็กกระจิดริดทีเดียวเมื่อเทียบกับจระเข้ตัวดังกล่าวที่เป็นพันธุ์น้ำเค็ม สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จระเข้บางตัวในออสเตรเลียโตเต็มที่ด้วยลำตัวยาวถึง 6 เมตร น้ำหนักมากถึง 1,300 กิโลกรัม ส่วนฉลามหัวบาตรตัวผู้จะโตเต็มที่ด้วยลำตัวยาวถึง 2 เมตร https://www.khaosod.co.th/around-the...s/news_5400919
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|