|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณ ทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "เอวิเนียร์" ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มการเคลื่อนตัวไปทางด้านตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 30?31 พ.ค. 67 โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 28 ? 29 พ.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 30 พ.ค. ? 3 มิ.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อนึ่ง พายุดีเปรสชัน "ริมาล" บริเวณตอนใต้ของประเทศบังคลาเทศ มีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในระยะต่อไป ส่วนพายุโซนไต้ฝุ่น "เอวิเนียร์" ด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มการเคลื่อนตัวไปทางมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงวันที่ 29 ? 31 พ.ค. 67 โดยพายุทั้งสองนี้ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ไม่เข็ด! มหาเศรษฐีจ่อนำยานดำน้ำลำใหม่ ลงสำรวจซากไททานิก แม้เคยเกิดระเบิด มหาเศรษฐีพันล้านจากโอไฮโอ วางแผนเตรียมดำดิ่งสู่ก้นมหาสมุทร ณ จุดเรือไททานิก จมกับยานดำน้ำลำใหม่โดยไม่หวั่น แม้จะเกิดเหตุยานดำน้ำ "ไททัน" ระเบิด จนคนข้างในเสียชีวิตทั้งหมดเมื่อปีก่อน เครดิตภาพ : YouTube / The Connor Group สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน แลร์รี คอนเนอร์ มหาเศรษฐีระดับพันล้านจากเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นมหาเศรษฐีอีกคนที่นิยมความตื่นเต้นจากการผจิญภัยแปลกใหม่ เตรียมวางแผนดำดิ่งที่ความลึกเกือบ 4,000 เมตร ณ จุดเรือไททานิกจมที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก ด้วยยานดำน้ำลึกขนาด 2 ที่นั่ง คอนเนอร์ วางแผนครั้งนี้ร่วมกับ แพทริค ลาเฮย์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ไทรทัน ซับมารีนส์ บริษัทผู้ออกแบบและผลิตเรือดำน้ำระดับไฮเอนด์เพื่อการสำรวจ, ถ่ายทำภาพยนตร์หรือกิจการอื่น ๆ โดยเขาให้เหตุผลว่า ต้องการให้คนทั้งโลกเข้าใจว่าแม้ท้องทะเลจะน่ากลัว แต่ก็ยังคงเป็นสถานที่ที่ให้ความเพลิดเพลินและให้ประสบการณ์น่าทึ่งที่เปลี่ยนชีวิตคนได้ ถ้าหากหาประสบการณ์อย่างถูกวิธี ลาเฮย์ เป็นผู้ออกแบบยานดำน้ำลึกมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 733 ล้านบาท) ชื่อว่า Triton 4000/2 Abyssal Explorer ซึ่ง คอนเนอร์ เชื่อมั่นว่า จะเดินทางแบบไปกลับจากผิวน้ำสู่ก้นมหาสมุทรได้หลายรอบ เขาเล่า ลาเฮย์ ได้ใช้เวลาออกแบบยานดำน้ำนี้มากว่า 10 ปี แต่ในตอนแรกพวกเขายังไม่มีวัสดุและเทคโนโลยีการสร้างที่ดีพอ จนกระทั่งถึงตอนนี้ ทั้ง คอนเนอร์ และ ลาเฮย์ กล่าวว่า พวกเขาต้องการพิสูจน์ว่า การเดินทางสู่ก้นมหาสมุทรแบบเดียวกับยานดำน้ำ "ไททัน" นั้น สามารถทำได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2566 ยานไททันจะเกิดระเบิดแบบยุบตัวระหว่างดำดิ่งลงสู่จุดที่ซากเรือไททานิกจม ส่งผลให้ผู้บังคับเรือและผู้โดยสาร 5 คน เสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ สตอคตัน รัช ซีอีโอของบริษัทโอเชียนเกต เจ้าของยานดำน้ำไททัน และผู้จัดทัวร์สู่ทะเลลึกเพื่อชมซากเรือไททานิก หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมโลกตะลึงดังกล่าวไปเพียงไม่กี่วัน คอนเนอร์ ก็ติดต่อไปยัง ลาเฮย์ และเร่งเร้าให้เขาสร้างยานดำน้ำที่มีประสิทธิภาพดีกว่าขึ้นมา สามารถดำลงใต้ทะเลลึกสู่จุดเรือไททานิกจม และกลับขึ้นได้อย่างปลอดภัยหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้โลกรับรู้ว่า มนุษย์ทำเรื่องนี้ได้อย่างปลอดภัย ส่วนโศกนาฏกรรมของยานไททันที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นเพียงเพราะใช้อุปกรณ์หรือพาหนะที่ยังไม่มีคุณภาพหรือรักษาความปลอดภัยได้ดีพอ อย่างไรก็ตาม คอนเนอร์ ยังไม่ได้ระบุวันที่ชัดเจน ที่เขาจะใช้ยานดำน้ำลำใหม่ลงไปยังซากเรือไททานิกที่ก้นมหาสมุทร ที่มา : nypost.com https://www.dailynews.co.th/news/3478919/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ชักแปลกๆ! "ธีระชัย" ชี้เขมรสร้างสันเขื่อนผิดกติกาสากล ไทยมีสิทธิสั่งรื้อ ทำไมต้องมีของแลก ย้ำต้องเลิก MOU44 "ธีระชัย" ไม่เห็นด้วย รมว.กต.อ้าง MOU44 ไทย-กัมพูชา ไม่มีบทบังคับ ชี้ มีเส้นอ้างอาณาเขตของแต่ละฝ่าย ไทยจะเสียเปรียบการเจรจาในอนาคต ควรต้องยกเลิก ย้ำ ฝ่ายกัมพูชาสร้างสันเขื่อนยื่นลงทะเลให้มีผลต่อเขตแดน ไม่ถูกต้องตามกติกาสากล ไทยมีสิทธิเรียกร้องให้รื้อ ทำไมต้องมีอะไรไปแลกเปลี่ยน วันนี้ (28 พ.ค.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล แสดงความเห็นกรณี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อ้างว่า บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชา พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ว่าด้วยการอ้างสิทธิพื้นที่ทับซ้อนบริเวณไหล่ทวีป ไม่มีบทบังคับและไม่ใช่สนธิสัญญา โดยมีรายละเอียดดังนี้ "ว่าด้วย MOU44 ข่าวระบุว่า "เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2567 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะนักกฎหมายอิสระ ทำหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยบันทึกความเข้าใจ พ.ศ. 2544 ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน (MOU 2544) ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังพบไม่ได้มีการพิจารณาผ่านสภาว่า นายมาริษ ยืนยันว่า MOU ไม่ได้มีบทบังคับอะไรหรือเป็นสนธิสัญญา เขากล่าวว่า ปัจจุบันเรายังไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย และประเด็นดังกล่าวก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด MOU 2544 ไม่ได้ส่งผลต่อเขตแดนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้ เป็นเรื่องของศาลในการรับคำร้องของนายไพบูลย์ เมื่อถามถึงกรณีที่ทางกัมพูชาสร้างสันเขื่อนลงทะเลอ่าวไทย กระทรวงการต่างประเทศต้องทำหนังสือประท้วงไปอีกครั้งหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้เคยดำเนินการไปแล้วเมื่อปี 2564 นายมาริษ กล่าวว่า เรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้ และตนมีแผนที่จะไปเยือนกัมพูชาเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศดีมาก เราต้องดูเวลาว่าควรเป็นช่วงใด ซึ่งในกรอบของอาเซียน ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ ส่วนจะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาขอร้องให้รื้อสันเขื่อนดังกล่าวหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า "ขอดูระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะเรื่องความสัมพันธ์ไม่มีปัญหา เป็นเพื่อนกันไม่ใช่ว่าจะไปขอเขาอย่างเดียว ก็ต้องดูว่าเรามีอะไรที่จะไปแลกเปลี่ยนเขาได้" เมื่อถามว่า คนไทยไม่สบายใจ เพราะกัมพูชาสร้างสันเขื่อนโดยยึดหลักเขตที่ 73 ซึ่ง กินพื้นที่เกาะกูด จังหวัดตราด นายมาริษ กล่าวว่า ตนเข้าใจ ผมมีข้อสังเกตดังนี้ หนึ่ง MOU44 มีบทบังคับ การที่ MOU44 แสดงเส้นในทะเลจำนวนสองเส้น คือ เส้นสีแดงที่กัมพูชาอ้างอาณาเขต กับเส้นสีน้ำเงินที่ไทยอ้างอาณาเขต นั้น ไม่ใช่สิ่งเกินเลย หรืออุปกรณ์ตกแต่ง แต่ย่อมต้องการแสดงให้เห็นว่าทั้งสองเส้นมีนัยสำคัญ และย่อมต้องการให้มีผลบังคับต่อสิ่งที่กล่าวถึงในเนื้อหาข้อความ MOU44 การจะกล่าวว่า MOU44 ไม่ได้มีบทบังคับอะไร น่าจะไม่ถูกต้อง สอง ควรยกเลิก MOU44 การที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ยืนยันว่า MOU44 ไม่ได้มีบทบังคับอะไรหรือเป็นสนธิสัญญา นั้น ถ้าหากไม่มีความสำคัญอย่างแท้จริง รัฐบาลไทยก็ควรแจ้งยกเลิก ถึงแม้จะอ้างว่า MOU44 ไม่ได้ส่งผลต่อเขตแดนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่การแสดงสองเส้นที่กล่าวถึง อาจเปิดช่องให้กัมพูชาอ้างในอนาคตได้ว่า ไทยได้รับทราบและได้ยอมรับเส้นแบ่งเขตสีแดงไปแล้ว การปล่อย MOU44 ทิ้งไว้ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเจรจาในอนาคตที่ไม่จำเป็น สาม การรื้อสันเขื่อน การที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า ในการเจรจาให้กัมพูชารื้อสันเขื่อน ไม่ใช่ว่าจะไปขอเขาอย่างเดียว ต้องดูว่าเรามีอะไรที่จะไปแลกเปลี่ยนเขาได้ นั้น เป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพราะการสร้างสันเขื่อนกรณีเพื่อให้มีผลต่อเขตแดน ย่อมไม่ถูกต้องตามกติกาสากล และไทยย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้รื้อสันเขื่อน โดยไม่ต้องเสนออะไรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ผมจึงขอแนะนำแก่ท่านรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างสมบูรณ์ วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ" https://mgronline.com/politics/detail/9670000045909
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ปิดอ่าวไทยตอนกลาง-เขตต่อเนื่องช่วงที่ 2 พื้นที่ 8,100 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่ 16-พ.ค.-14 มิ.ย. เรือประมงสงขลา ทยอยลงน้ำแข็งที่ท่าโม่ออกเรือทำการประมง หลังเติมน้ำมัน เตรียมเครื่องมือทำการประมงลงเรือเรียบร้อยแล้ว และออกเรือทำการประมงปรกติบริเวณอ่าวไทยตอนล่างเท่านั้น เนื่องจากกรมประมงใช้มาตรการปิดอ่าว บริเวณอ่าวไทยตอนกลางเพื่อคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์ปลาทูได้วางไข่ ช่วงที่สองปิดอ่าวไทยตอนกลางและเขตต่อเนื่องตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ 8,100 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ? 14 มิถุนายน 2567 วันนี้ (28 พฤษภาคม 2567) ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงสงขลา เรือประมงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่จอดเรียงรายอยู่ที่บริเวณท่าจอดเรือท่าเทียบเรือประมงใหม่ จังหวัดสงขลา เข้าคิวทยอยกันลงน้ำแข็งที่บริเวณท่าโม่น้ำแข็ง หลังเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือในการทำประมงทั้ง อวน ทางมะพร้าว น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำจืดและเสบียงอาหารลงเรือเรียบร้อยแล้ว เพื่อออกเรือทำการประมงปรกติในอ่าวไทยตอนล่างเท่านั้น เนื่องจากในช่วงนี้ กรมประมงใช้มาตรการมาตรการปิดอ่าว เพื่อให้สัตว์น้ำวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน บริเวณทะเลอ่าวไทยตอนกลางโดยครอบคลุมเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี สำหรับในขณะนี้เป็นช่วงที่ 2 คือ ปิดอ่าวไทยตอนกลางและเขตต่อเนื่องตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ 8,100 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม - 14 มิถุนายน 2567 เพื่อให้ลูกปลาทูได้มีโอกาสเจริญเติบโตเดินทางเข้าสู่พื้นที่อ่าวไทยเพื่อให้ปลาทูสาวได้เจริญเติบโตเป็นพ่อแม่พันธุ์ มีความสมบูรณ์เพศสูงสุด สามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างยั่งยืนต่อไป และเป็นมาตรการที่กรมประมงดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 70 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ส่งผลทำให้เรือประมงในสงขลาทุกลำที่ออกเรือไปทำการประมง จะทำการประมงบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชไปจนถึงจังหวัดนราธิวาสเท่านั้น ไม่ล่วงล้ำขึ้นไปในพื้นที่ที่กรมประมงประกาศปิดอ่าวแต่อย่างใด อีกทั้งในช่วงนี้ ทางภาคใต้เป็นช่วงหน้าร้อน ทะเลอ่าวไทยตอนล่าง ไม่มีคลื่นลมเรือประมงทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ สามารถออกไปทำการประมงห่างฝั่งกลางทะเลได้ เนื่องจากสัตว์น้ำในช่วงหน้าร้อน จะไปหลบอยู่บริเวณที่มีน้ำเย็นและมีความลึก ทำให้เรือประมงที่ออกทำการประมงสามารถจับสัตว์น้ำได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าร้อนก็ตาม อีกทั้งสัตว์น้ำบริเวณอ่าวไทยตอนล่างก็ยังคงมีชุกชุมอยู่เช่นเดิมในขณะเดียวกันมาตรการปิดอ่าวของกรมประมงในช่วงฤดูปลาทูวางไข่ ช่วงที่ 2 คือ ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม - 14 มิถุนายน 2567ซึ่งจะเป็นผลดีกับชาวประมงเป็นอย่างมาก ไม่เฉพาะกับเรือประมงพาณิชย์ที่จับปลาทูเท่านั้นรวมไปถึงชาวประมงพื้นบ้าน ชายฝั่งจังหวัดสงขลาด้วย เนื่องจากที่ผ่านมา ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดสงขลาจะจับปลาทูได้เป็นจำนวนมาก อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับชาวประมงพื้นบ้านชายฝั่งจังหวัดสงขลาทุกปี https://www.naewna.com/local/807321
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|