|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ทำให้มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 28 ? 29 ต.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนอง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในวันที่ 30 ต.ค. ? 2 พ.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระยะแรก หลังจากนั้นฝนจะลดลง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตลอดช่วง ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 29 - 31 ต.ค. ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
นักวิทย์ฯ พบ ปะการังน้ำลึก 90 เมตร เกิดการฟอกขาว ภาวะโลกร้อนส่งผลไปยังน้ำลึกแล้ว นักสำรวจต่างกล่าวกันว่า ใต้มหาสมุทรลึกของโลกเราเป็นระบบนิเวศที่มีการสำรวจและเข้าใจน้อยที่สุด ข้อมูลในการศึกษาพบว่า กว่า 80% ยังไม่ได้รับการสำรวจและยังมีข้อมูลและความเข้าใจน้อยกว่าดวงจันทร์ดาวบริวารเพียงหนึ่งเดียวของโลก ทีมนักวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยพลีมัธ พบปะการังที่อยู่ใต้น้ำลึกลงไป 90 เมตรเกิดการฟอกขาว ในมหาสมุทรอินเดียในการล่องเรือสำรวจ ซึ่งการพบในครั้งนี้เป็นการค้นพบที่ลึกที่สุดเท่าที่เคยมี และชี้ให้เห็นว่าผลกระทบจากภาวะโลกร้อนส่งผลไปยังน้ำลึกแล้ว หลังจากที่เคยเชื่อว่าพื้นที่ใต้มหาสมุทรนี้จะปลอดภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ Phil Hosegood หัวหน้าทีมสำรวจ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างมา มันไม่ควรจะเกิดขึ้น ปะการังที่อยู่ลึกกว่านั้นถูกมองว่ามีความยืดหยุ่นต่อภาวะโลกร้อนในมหาสมุทรมาตลอด เพราะน้ำที่พวกมันอยู่นั้นเย็นกว่าบนผิวน้ำและเชื่อกันว่ายังคงค่อนข้างคงที่ การค้นพบในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดและเป็นสัญญาณที่น่ากังวล เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์เคยคิดกันว่าปะการังน้ำลึกนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากโลกร้อน หรืออย่างน้อยก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ในการเก็บข้อมูลจากหลายแหล่ง จากติดตามเป็นระยะ การใช้หุ่นยนต์ใต้น้ำพร้อมกล้องบันทึก ข้อมูลดาวเทียม และอุณหภูมิของมหาสมุทร ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าแนวปะการัง 80% ในพื้นที่สำรวจที่ระดับความลึก 90 เมตรเกิดการฟอกขาวแล้ว ข้อมูลในการสำรวจแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการฟอกขาวเกิดจากเทอร์โมไคลน์ (Thermocline, ชั้นดินระหว่างน้ำเย็นและน้ำอุ่น) มีความลึกขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ วงจรความแปรปรวนนี้ขยายวงกว้างมากขึ้น? หลังจากการค้นพบที่น่ากังวลนี้ ทางทีมวิจัยเรียกร้องให้มีการศึกษาอย่างเร่งด่วนเพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งทำได้คือขยายความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบที่มากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซึ่งมีข้อมูลน้อยมาก "สิ่งนี้น่าจะส่งผลให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศที่สำคัญซึ่งแนวปะการังเหล่านี้มอบให้กับโลกของเรา" .... Nicola Foster หนึ่งในทีมวิจัยเสริม https://mgronline.com/science/detail/9660000095167
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
'ชาวบ้านเกาะสาหร่าย' ร้อง 'ศรชล.' แก้เครื่องมือผิดกม. คราด 'ปลิงทะเลลูกบอล' ส่งจีน-เวียดนาม 27 ตุลาคม 2566 ที่ท่าเทียบเรือเจ้าท่า สาขาสตูล ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 โดย พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช มอบนโยบายนาวาเอก แสนย์ไท บัวเนียม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพื้นที่ตอนใต้ จ.สตูล ศรชล.ภาค 3/รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล , ว่าที่ นาวาเอก รัฐพล แก้วกระจาย หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ศรชล.ภาค 3 , นายสุขเกษม ศรีงาม เจ้าพนักงานประมงชำนาญงาน หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล)ประมงจังหวัดและประมงอำเภอเมืองสตูล สนธิกำลังนำเรือ เจ้าท่าภูมิภาค สาขาสตูล และเรือของมนุษย์กบ ศรชล.ออกลาดตระเวนตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายทางทะเล หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ว่ามีการลักลอบใช้เครื่องมือผิดกฎหมายคราดปลิงทะเลลูกบอล สร้างความเสียหายให้ทรัพยากรธรรมชาติและเครื่องมือประมงของชาวบ้าน ซึ่งการออกลาดตระเวนพร้อมเพิ่มความถี่ในการตรวจตรารอบเกาะสาหร่ายในครั้งนี้ แม้จะไม่พบการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล (ศรชล.สตูล) พร้อมคณะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงรับฟังปัญหา จากผู้นำชาวบ้านในพื้นที่และเชิญเจ้าของแพรับซื้อปลิงทะเลลูกบอล มาแจ้งถึงการรับซื้อปลิงทะเลลูกบอลจากกลุ่มเรือประมงที่ใช้เครื่องมือคราดในครั้งนี้มีความผิดทางกฎหมาย พร้อมให้แนวทางการทำงาน 3 ข้อประเด็นหลัก ด้านนายรอดาษ นากมา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเกาะสาหร่าย ยอมรับว่า ปัญหาการลักลอบทำประมงด้วยการใช้เครื่องมือ คราดปลิงทะเลลูกบอล มีจริง โดยมีการใช้เรือประมาณ 10 ลำเป็นเรือหางพร้อมเครื่องมือคราดสร้างความเสียหายให้กับเครื่องมือประมงของชาวบ้าน ซึ่งปัญหานี้มีมาต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 2 ปีแล้วที่ชาวบ้านเกาะสาหร่ายประสบปัญหา โดยกลุ่มเรือที่เข้ามาทำส่วนใหญ่มาจากต่างถิ่น จึงอยากให้ศรชล.เข้ามาช่วยเหลือ ตรวจตรา ป้องปรามการกระทำผิด รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล (ศรชล.สตูล) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่รับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ได้เสนอแนะ 3 ประเด็นใหญ่คือ 1 ให้มีการรวมตัวกันผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อทำการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น 2. หากเกินขีดความสามารถให้แจ้งมายัง ศรชล.หรือ ว่าสำนักงานประมงจังหวัด/หรือว่าหน่วยปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ 3 ศรชล.ได้เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน/เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดประมงผิดกฎหมายเพื่อจำกัดเสรีในการกระทำความผิดกฎหมาย ควบคุมดำเนินคดีการกระทำความผิดต่อไป โดยลักษณะของการกระทำความผิดเป็นการใช้เครื่องมือคราดปลิงทะเล สร้างความเสียหายให้ทรัพยากรและเครื่องมือประมงอื่น เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรสัตว์น้ำ สำหรับการแก้ไขปัญหาประมง และการกระทำความผิดประมง เป็นปัญหาซับซ้อนที่ต้องร่วมมือกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐประชาชนและผู้ทำอาชีพประมง ในทุก ๆ เรื่องการสร้างความตระหนักรู้วินัย/ทุกคนต้องร่วมมือกันเชื่อว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย สำหรับปลิงทะเลลูกบอล การข่าวพบว่ามีการซื้อขายกิโลกรัมละ 60-70 บาทในตัวปลิงที่มีขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก 35 บาท มีการจับเพื่อส่งขายไปเป็นยาบำรุงร่างกาย ในประเทศเวียดนามและจีน ซึ่งชาวบ้านเกาะสาหร่ายหากเดินหาริมชายหาดหลังน้ำลดสามารถทำได้ สำหรับคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดสตูล ได้ประกาศ เรื่อง กำหนดเครื่องมือทำการประมง วิธีการทำการประมง และพื้นที่ทำการประมง ที่ห้ามใช้ทำการประมงจับสัตว์น้ำ พ.ศ.2560 เครื่องมือประมงประเภทคราดประกอบกับเรือยนต์ทำการประมงปลิงทะเล ทำให้เกิดการทำลายหน้าดิน หญ้าทะเล ปะการัง อันเป็นแหล่งวางไข่และเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อชาวประมง อาศัยมาตรา 28 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง มาตรา 71 (1)แห่งพระราชกำหนดประมง พ.ศ.2558 (มีโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง) https://www.naewna.com/likesara/765579
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
โลกร้อนทะลุพิกัด 5 เดือนติดต่อกันตั้งแต่ มิ.ย.-ต.ค. รับปี 66 ขึ้นแท่นร้อนที่สุด รายงานการประเมินผลสภาพอากาศโลกปี 2566 ชี้ชัด ปีนี้จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการตรวจวัด ภายหลังอุณหภูมิเฉลียโลกร้อนทะลุพิกัด 5 เดือนติด ตั้งเดือนมิถุนายน ลากยาวจนมาถึงตุลาคม สัญญาณโลกเดือดไม่ได้ปรากฎแค่ในกระดาษ ช่วงเวลานับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา เป็นครั้งแรกที่คนทั่วโลกรับรู้ถึงผลกระทบภัยโลกร้อนที่พุ่งทะยานขึ้นเรื่อบๆ จากอุณหภูมิโลกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาโดยตลอดทุกเดือน จวบจนถึงเดือนตุลาคม ไฟป่ารุนแรงในหลายทวีป คลื่นความร้อนครั้งปรัวติศาสตร์ถล่มยุโรป และพายุรุนแรงที่พัดกระหน่ำหลายประเทศ ชี้ชัดว่าโลกกำลังเดือดของจริง จาก 5 รายงานวิเคราะห์สถานะภูมิอากาศโลกในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 โดย ? NASA?s GISTEMP ? NOAA?s GlobalTemp ? Hadley/UEA?s HadCRUT5 ? Berkeley Earth ? Copernicus/ECMWF เผยว่า โลกกำลังเดินหน้าสู่ปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการตรวจวัดนับตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 หรือกว่า 100 ปีก่อนเป็นต้นมา และอาจเป็นปีที่ร้อนที่สุดในรอบหลายพันปี โดยพบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา สูงทำลายสถิติในปีก่อนๆ อย่างมาก จากข้อมูลสรุปโดย Carbon Brief ที่ได้รีวิวทั้ง 5 รายงานวิเคราะห์ที่กล่าวมานี้ พบว่า ? เดือนมิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน และมีแนวโน้มมากว่าเดือนตุลาคมนี้ จะเป็นเดือนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึก ? ปี 2566 จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ? ปรากฎการณ์เอลนีโญจะยังคงสถานะรุนแรงไปจนถึงกลางปี 2567 ส่งให้อุณหภูมิโลกในปีหน้าจะยังคงสูงผิดปกติ ? เดือนตุลาคมนี้มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นร้อนกว่าปกติมากเท่าเดือนกันยายน ที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกได้พุ่งทะลุ 1.8 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบก่อนช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ? การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิมหาสมุทรก็พุ่งสูงจนสร้างสถิติใหม่ในเดือนกันยายนเช่นกัน โดยพบว่ามหาสมุทรกำลังร้อนขึ้นอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ? พืดน้ำแข็งทะเลขั้วโลกกำลังหดตัวอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ภายใต้ความร้อนของอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงขึ้น ? การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกในปีนี้ สอดคล้องกับการพยากรณ์การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ย้ำชัดว่าภาพการณ์อนาคตที่เลวร้ายเมื่อโลกยิ่งร้อนขึ้น อาจเกิดขึ้นจริง สาเหตุโลกร้อนสุดขั้วในปี 66 จากการวิเคราะห์ของนักวิทยาศาตร์จากสถาบันชั้นนำทั่วโลก ระบุว่า ต้นตอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกอย่างรวดเร็วในปี 2566 เป็นผลมาจากสภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากทั่วโลกยังคงปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมหาศาลขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ประกอบกับสถานการณ์เอลนีโญในปีนี้ ที่ส่งแรงให้ภูมิอากาศทั่วโลกมีความร้อนและแห้งแล้งมากขึ้น อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมดวงอาทิตย์ในรอบ 11 ปี และการเพิ่มขึ้นของเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดในช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีส่วนในการทำให้อุณหภูมิโลกพุ่งสูงอย่างรวดเร็วในปีนี้เช่นกัน ในขณะที่ภาพการณ์สภาวะภูมิอากาศโลกในช่วงปีหน้ายังคงมีแนวโน้มอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น จากสถานการณ์ปรากฎการณ์เอลนีโญที่ยังคงความรุนแรงจนถึงช่วงกลางปีหน้า https://www.nationtv.tv/gogreen/378934451
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|