|
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
|
#1
|
||||
|
||||
ขับรถท่องเที่ยวเทียวไป ทั่วแคว้นแดนไกล...หนองคาย...ลาว...เลย...ภาคที่ 3
.....เลย.....
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 09-07-2012 เมื่อ 11:06 |
#2
|
||||
|
||||
หลังจากขับรถท่องเที่ยวในลาวกับ Fortuner Club อยู่ 6 วัน....เราเดินทางกลับเข้าไทย และนอนพักค้างคืนที่หนองคายอยู่หนึ่งคืน พอวันรุ่งขึ้น ก็ออกเดินทางแต่เช้าเข้า จังหวัดเลย โดยจะใช้เมืองเชียงคาน เป็นจุดพำนักพักแรม... เส้นทางที่เราใช้ คือ เส้นทางหลวงหมายเลข 211(เชียงคาน-ปากชม) ซึ่งเป็นเส้นทางสายสวยที่ลัดเลาะไปตามริมแม่น้ำโขง จากตัวเมืองหนองคาย ไปถึงเมืองเชียงคาน รวมระยะทาง 190 กิโลเมตร
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 01-06-2012 เมื่อ 23:44 |
#3
|
||||
|
||||
ก่อนจะออกนอกเขตเมืองหนองคาย...เราแวะทำบุญและไหว้ หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย พระเจ้าองค์ตื้อ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ฝีมือช่างฝ่ายเหนือ และล้านช้างผสมกัน นับเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามมาก เป็นพระประธานซึ่งสร้างด้วยทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด นั่งขัดสมาธิปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 3 เมตร 29 เชนติเมตร สูง 4 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง เคารพนับถือมาก วัดศรีชมภูองค์ตื้อ ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2105 ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชครองเมืองเวียงจันทร์ มีเรื่องเล่าว่า พระสงฆ์ในวัดศรีชมภูองค์ตื้อได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ลงมติจะหล่อพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นในบ้านน้ำโมง (เดิมเรียกว่าบ้านน้ำโหม่ง) เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่อนุชนรุ่นหลังต่อ ๆ มา ในวันสุดท้ายเป็นวันหล่อตอนพระเกศ ในตอนเช้าได้ยกเบ้าเทแล้วแต่ไม่ติด เมื่อเอาเบ้าเข้าเตาใหม่ ทองยังไม่ละลายดี ก็พอดีเป็นเวลาจวนพระจะฉันเพล พระทั้งหมดจึงทิ้งเบ้าไว้ในเตา แล้วก็ขึ้นไปฉันเพลบนกุฏิ ฉันเพลเสร็จแล้วลงมาหมายจะเทเบ้าที่ค้างไว้ กลับปรากฏว่ามีผู้เททองติด และตอนพระเกศสวยงามกว่าเดิม เป็นที่น่าอัศจรรย์ เมื่อสืบถาม ได้ความว่า มีชายผู้หนึ่งนุ่งห่มผ้าขาวมายกเบ้านั้นเทจนสำเร็จ แต่ด้วยเหตุที่เบ้านั้นร้อน เมื่อเทเสร็จแล้ว ชายผู้นั้นจึงวิ่งไปทางเหนือบ้านน้ำโมง มีผู้เห็นยืนโลเลอยู่ริมหนองน้ำแห่งหนึ่ง แล้วหายไป หนองน้ำนั้นภายหลังชาวบ้านเรียกว่าหนองโลเลมาจนถึงปัจจุบันนี้ และชายผู้นั้นก็เข้าใจกันว่าเป็นเทวดามาช่วยสร้าง เมื่อได้นำพระพุทธรูปที่หล่อแล้วมาประดิษฐานไว้ในวัด มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่แห่งเมืองเวียงจันทร์ มาเที่ยวบ้านน้ำโมงสองท่านชื่อว่า ท่านหมื่นจันทร์ กับ ท่านหมื่นราม ทั้งสองท่านนี้ได้เห็นพระเจ้าองค์ตื้อ ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสที่จะช่วยเหลือ จึงได้ช่วยกันก่อฐาน และทำราวเป็นการส่งเสริมศรัทธาของผู้สร้าง ครั้นเมื่อขุนนางทั้งสองได้กลับถึงเมืองเวียงจันทร์แล้ว ได้กราบทูลพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งครองเมืองเวียงจันทร์ในเวลานั้น พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้เสด็จมาทอดพระเนตรก็ทรงเกิดศรัทธา จึงได้สร้างวิหารประดิษฐาน ขอบคุณข้อมูลจาก...www.wikipedia.org
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 13:31 |
#4
|
||||
|
||||
ออกจากวัดศรีชมภูฯแล้ว...เราขับรถต่อไปตามถนนหมายเลข 211 ซึ่งเป็นถนนลาดยางสองเลนให้รถวิ่งสวนทางกัน ถนนค่อนข้างจะคดโค้ง ขึ้นๆลงๆ ลัดเลาะไปตามเชิงเขาเตี้ยๆ เลียบไปตามลำน้ำโขง ที่ยามนั้นค่อนข้างจะแห้งขอด เห็นสันทรายและกองหินโผล่ขึ้นมา เป็นเกาะแก่งชัดเจน... น่าลงไปเดินเล่นจริงๆค่ะ..
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 13:33 |
#5
|
||||
|
||||
วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน เราวิ่งผ่านอำเภอปากชม และเข้าเขตอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ในช่วงใกล้เที่ยง ก่อนถึงเมืองเชียงคานราว 6 กิโลเมตร...มีทางแยกซ้ายมือ เข้า บ้านอุมุง วิ่งตรงไปตามทางระยะทางราว 3 กิโลเมตร ก็ถึงทางขึ้นเขาสูงชัน แต่เป็นทางปูนซีเมนต์อย่างดีระยะทางราว 1 กิโลเมตร ลัดเลียบผาสู่ยอดเขา อันเป็นที่ตั้งของวัดดังนาม วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน พอขึ้นไปได้ถึงยอดเขา...เราเห็นลานกว้างให้จอดรถ..มีกระต่ายตัวเล็กตัวน้อย อ้วนกระปุ๊กลุก หลากหลายสีและลาย วิ่งไปวิ่งมา ความที่เข่าบวมและยังเจ็บอยู่มาก...สายชลเลยขอนั่งดูกระต่ายอยู่ในรถ ปล่อยให้คุณสายน้ำ ลงไปถ่ายภาพรอบๆบริเวณวัดแต่ผู้เดียว เจ้ากระต่ายน้อย กระโดดหยองแหยงมาเยี่ยมทักทาย เจ้า "กระต่ายขาว" รถฟอร์จูนเนอร์ของเรา...น่ารักมากๆค่ะ
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 23-08-2012 เมื่อ 23:29 |
#6
|
||||
|
||||
มองไปด้านหนึ่ง เห็นปูนปั้นเป็นรูปควายสีดำ ไม่ใช่ควายเงินอย่างชื่อวัด... จากหลักฐานที่บันทึกประวัติความเป็นมาของวัด ได้ระบุไว้ว่าวัดพระพุทธบาทภูควายเงินสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2300 เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 400 เมตร มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า…. ในอดีตวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง แต่มักจะมีพระธุดงค์เดินทางมากปักกลดบำเพ็ญเพียรอยู่เสมอ ในบริเวณวัด มีรอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่ภายใต้ซุ้มอิฐใหญ่ ขนาดพอที่คนจะเข้าไปนั่งได้ 2 คนซึ่งในภาษาถิ่นจะเรียกสิ่งปลูกสร้างในลักษณะนี้ว่า “อุบมุง” ซึ่งต่อมา ได้กลายเป็นชื่อหมู่บ้านทางทิศตะวันออกของวัดคือ บ้านอุมุง ที่หมู่บ้านอุมุงแห่งนี้ มีชาวนาผู้หนึ่งที่มักพาควายขึ้นมาหาหญ้ากินบนภูเขาบริเวณวัด และเมื่อมีพระธุดงค์ผ่านมา ชาวนาผู้นี้ก็จะนำเอาอาหาร มาถวายแก่พระธุดงค์เป็นประจำ ซึ่งอานิสงส์แห่งการถวายทานนี้เอง ทำให้ชาวนาทำนาขายข้าวได้เงินมากทุกปี จนร่ำรวยถึงขั้นเศรษฐี และด้วยสำนึกในบุญคุณของควาย ที่ช่วยไถนาปลูกข้าวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชาวนาจึงเรียกควายตัวนี้ว่า “ควายเงิน” วัดแห่งนี้จึงตั้งชื่อว่า “วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน” ตามเรื่องเล่านี้เอง ในวันที่เราเดินทางไปถึง...กำลังมีการก่อสร้างมณฑป ครอบพระพุทธบาทอยู่ เราจึงไม่สามารถเข้าไปกราบตัวพระพุทธบาท และถ่ายภาพได้
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 13:43 |
#7
|
||||
|
||||
ขอบพระคุณมากค่ะพี่น้อย พี่จ๋อม และกระต่ายขาว ถึงไม่ได้ไปด้วย แต่ก็รู้สึกว่า ได้มาแที่ยวด้วยทุกครั้งเลยค่ะ
อยากไปภูโอบ ๆๆๆๆๆๆๆๆ เมื่อไรดีหนา
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#8
|
||||
|
||||
ขอบคุณครับพี่สองสายสำหรับแง่คิด ตอนนี้ผมก็บอกตัวเองบ่อยๆว่า อยากทำอะไรให้รีบทำ เพราะเวลาชีวิตคนเรานั้น สั้นนัก อย่ามัวรั้งรอ
|
|
|