|
#1
|
||||
|
||||
ปลานวลจันทร์ทะเลเลี้ยงในบ่อดินได้
ปลานวลจันทร์ทะเลเลี้ยงในบ่อดินได้ นางสาวจินตนา นักระนาด ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เล่าให้ฟังว่าปลานวลจันทร์ทะเล หรือปลาดอกไม้ หรือปลาทูน้ำจืด เป็นปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ จีน และไต้หวัน เนื่องจากมีรสชาติดี เลี้ยงง่ายโตเร็ว สามารถอยู่ได้ทั้งในน้ำทะเล น้ำกร่อย และน้ำจืด มีความทนทานโรคค่อนข้างสูง กินอาหารได้หลากหลาย เช่น ตะไคร่น้ำ ไรน้ำ รำ รวมทั้งอินทรีย์สารตามพื้นบ่อและผิวน้ำ หรือสามารถให้อาหารสำเร็จรูปในการเลี้ยงแบบหนาแน่น ในประเทศไทยมีการสำรวจพบลูกปลานวลจันทร์เป็นครั้งแรกที่บริเวณชายฝั่งทะเล คลองวาฬ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 ลูกปลาวัยอ่อนจะเข้ามาอาศัยหากินในบริเวณชายฝั่ง พบเป็นจำนวนมากในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม และพบอีกช่วงประมาณเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ผลจากที่มีการสำรวจพบแหล่งลูกปลานวลจันทร์ทะเลที่ตำบลคลองวาฬ จึงได้มีการก่อตั้งสถานีประมงขึ้นในปี 2496 เพื่อรวบรวมและศึกษาทดลองเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเล ในวันที่ 26 เมษายน ปีพุทธศักราช 2508 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศา นุวงศ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรลูกปลานวลจันทร์ทะเลจากบ่ออนุบาลที่สถานี ประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งก็คือศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมี ความสนพระราชหฤทัยในการเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเล และเคยมีพระราชดำริให้นำลูกปลานวลจันทร์ทะเลไปปล่อยเลี้ยงในอ่างเก็บน้ำเขา เต่า อำเภอหัวหิน เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้เป็นอาหารและเพิ่มรายได้ในการยังชีพ ด้วยเป็นปลากินพืช เลี้ยงง่าย ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ได้รวบรวมลูกปลานวลจันทร์ ทะเลจากธรรมชาติมาทดลองเลี้ยงไว้ในบ่อดินเพื่อรวบรวมไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์ มาตั้งแต่ก่อนปี 2530 พร้อมทั้งร่วมกับกองพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำในการพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ปลานวลจันทร์ทะเลในรูปแบบต่าง ๆ เช่นปลานวลจันทร์ทะเลรมควัน ปลาก้างนิ่ม ปลาต้มเค็ม-ต้มหวานบรรจุกระป๋อง ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามีรสชาติดี และสะดวกต่อการบริโภค การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลานวลจันทร์ทะเลต้องใช้ระยะเวลายาวนานไม่น้อยกว่า 5-6 ปี ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ได้คัดเลือกปลานวลจันทร์ทะเล ที่มีขนาดใหญ่สำหรับใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์จากบ่อดินขึ้นขุนเลี้ยงในบ่อคอนกรีต เพื่อการเพาะขยายพันธุ์นับตั้งแต่ก่อนปี 2540 ปลามีการวางไข่แต่มีจำนวนไม่มาก และอัตราการฟักและอัตราการรอดตายต่ำ ในปี 2545 ได้ทำการทดลองฉีดฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นการวางไข่ของปลาเพศเมีย แต่พบว่ามีอัตราการผสมต่ำมากเนื่องจากพ่อแม่พันธุ์ยังขาดความสมบูรณ์ ต่อมาในปี 2548 พ่อแม่พันธุ์ปลานวลจันทร์ทะเลมีการผสมพันธุ์วางไข่ในบ่อคอนกรีต และสามารถอนุบาลลูกปลาได้เป็นผลสำเร็จ แต่ในระยะแรกลูกปลายังมีอัตราการฟักและอัตราการรอดตายต่ำ และตั้งแต่ปี 2551 มาจนถึงปัจจุบัน ทางกรมประมงมีนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาการเพาะเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเลอย่าง จริงจัง โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้สำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งได้ให้ความร่วมมือในการพัฒนาอาหาร สำหรับพ่อแม่พันธุ์ พัฒนาเทคนิคการเพาะฟักและอนุบาล โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ผลิตไข่และลูกปลาแรกฟัก แจกจ่ายให้แก่ศูนย์และสถานีอื่น ๆ นำไปทดลองอนุบาล ในที่สุดก็สามารถอนุบาลลูกปลานวลจันทร์ทะเลจนได้ขนาดความยาวกว่า 2 ซม. ซึ่งพร้อมนำลงปล่อยธรรมชาติ หรือนำลงสู่บ่อเลี้ยงได้แล้วเป็นจำนวนไม่น้อย. จาก : เดลินิวส์ วันที่ 27 สิงหาคม 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ชื่นชม พี่ผอออ ของพวกเรา จังเลยค่ะ
อยากให้มีการขยายพันธุ์ เยอะๆ จะได้ไม่ต้องไปแย่งปลาในทะเลค่ะ เหมือนปลาทับทิม อีกหน่อยคงจะมีเมนู นวลจันทร์สามรส นวลจันทร์ทอดขมิ้น แน่ๆๆ เลย
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Super_Srinuanray : 27-08-2009 เมื่อ 18:48 |
#3
|
||||
|
||||
ชื่นชมและร่วมภาคภูมิใจด้วยคนครับ
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon |
#4
|
||||
|
||||
เป็นปลื้มมมมมม.....
__________________
Saaychol |
#5
|
||||
|
||||
เลี้ยงนวลจันทร์ทะเลเชิงพาณิชย์ อีกหนึ่งทางเลือกชาวประมงชายฝั่ง นวลจันทร์ทะเลโตเต็มที่ กว่า 30 ปีที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ได้รวบรวมลูกปลา นวลจันทร์ทะเลจากธรรมชาติมาทดลองเลี้ยงไว้ในบ่อดินเพื่อรวบรวมไว้เป็นพ่อแม่ พันธุ์ พร้อมทั้งร่วมกับกองพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำในการพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ปลานวลจันทร์ทะเลในรูปแบบต่างๆ อาทิ ปลานวลจันทร์รมควัน ปลาก้างนิ่ม ปลาต้มเค็ม-ต้มหวานบรรจุกระป๋อง ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีรสชาติดีและสะดวกในการบริโภค แต่เนื่องจากเกษตรกรไม่มีการเลี้ยงอย่างต่อเนื่องจึงยังไม่สามารถพัฒนาผล ผลิตไปสู่เชิงพาณิชย์ได้ "ตอนนี้มีกำลังดูอยู่ 2 แนวทางคือส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงแล้วนำมาแปรรูปเองเพื่อพัฒนาเป็นโอท็อป ของจังหวัด ทำแบบครบวงจรไปเลย เพราะถ้าขายปลาเป็นๆ ราคาจะถูกมาก จึงต้องนำมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือไม่ก็ส่งเสริมให้มีการเลี้ยงเชิงพาณิชย์ป้อนโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูป เพื่อการส่งออก เพราะปลาชนิดนี้เป็นที่ต้องการของต่างประเทศมากโดยเฉพาะไต้หวัน จีนและประเทศในแถบยุโรป" จินตนา นักระนาด ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเลแก่ชาวบ้าน โดยเน้นในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นหลัก เนื่องจากปลาชนิดนี้พบมากในบริเวณแถบชายฝั่งทะเลของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้ง่ายในการส่งเสริมเป็นอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้าน สอดรับกับนโยบายของกรมประมงที่มุ่งเน้นการพัฒนาการเพาะเลี้ยงปลานวลจันทร์ ทะเลอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา โดยมีหน่วยงานต่างๆ ภายใต้สำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งได้ให้ความร่วมมือในการพัฒนาอาหาร สำหรับพ่อแม่พันธุ์ ตลอดจนเทคนิคการเพาะฟักและอนุบาล โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์เป็นหน่วยงานหลักในการ ผลิตไข่และลูกปลาแรกฟักให้แก่ศูนย์วิจัยต่างๆ และสถานีอื่นๆ นำไปทดลองอนุบาลและส่งเสริมการเพาะเลี้ยงให้แก่เกษตรกรที่สนใจต่อไป ผู้ อำนวยการศูนย์คนเดิมระบุอีกว่า สาเหตุที่เกษตรกรไม่นิยมเลี้ยงในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากราคารับซื้อปลาชนิด นี้ในท้องตลาดมีราคาต่ำเฉลี่ยระหว่าง 18-25 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันมีนักธุรกิจชาวไต้หวันได้เข้ามาลงทุนเลี้ยงอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยนำเข้าลูกพันธุ์จากไต้หวันมาเลี้ยงที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์แล้วส่งปลาขนาด 500-1,000 กรัมไปขายที่ตลาดมหาชัย สนนราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท รวมถึงการใช้ปลานวลจันทร์เป็นเหยื่อในการตกปลาทูน่า ทำให้การเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเลเริ่มได้รับความสนใจจากเกษตรกรมากขึ้น ด้าน ฐานันดร์ ทัตตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง กรมประมงเปิดเผยว่า ปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์มีพ่อแม่พันธุ์ปลา นวลจันทร์ทะเลอายุ 6-7 ปี ขุนเลี้ยงไว้ในบ่อดินประมาณ 200 ตัว นอกจากนี้ยังมีปลาวัยรุ่นขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 250-300 กรัมไปจนถึงขนาด 0.5-1 กิโลกรัม รวบรวมเลี้ยงไว้เพื่อคัดเลือกเป็นพ่อแม่พันธุ์รุ่นต่อๆ ไปอีกจำนวนไม่น้อยและยังมีหน่วยงานอื่นๆ อาทิ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งฉะเชิงเทรา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาประมงอ่างคุ้มกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี และศูนย์วิจัยและทดสอบพันธุ์สัตว์น้ำเพชรบุรี เป็นต้น ทำให้กรมประมงมีความพร้อมในการที่จะศึกษาพัฒนาการเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเลได้ เป็นอย่างดี นอกจากนี้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบ คีรีขันธ์ยังได้ร่วมกับกองพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำจืดฝึกอบรมการเพาะเลี้ยง และการแปรรูปปลานวลจันทร์ทะเล ทั้งวิธีการถอดก้างปลา ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในประเทศฟิลิปปินส์ การทำปลาก้างนิ่มรมควันเพื่อทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในปลานวลจันทร์ทะเล ตลอดจนการพัฒนาแปรรูปวิธีต่างๆ เช่น ปลานวลจันทร์ทะเลต้มเค็ม ไส้กรอกปลาและชิ้นปลาเพื่อเป็นแนวทางและส่งเสริมการตลาดต่อไป **************************************************** ขยายพันธุ์"นวลจันทร์ทะเล"ผลงานวิจัย "มนตรี บัวบาล" แม้จะเป็นนักวิชาการชำนาญการ สังกัดศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ มีผลงานวิจัยจนเป็นที่ยอมรับระดับประเทศ แต่ "มนตรี บัวบาล" ก็หันมาสวมหมวกเกษตรกรอย่างเต็มขั้น ด้วยการนำผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จของศูนย์ไปขยายผลให้ชาวบ้านในพื้นที่ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กว่า 20 ปีที่คร่ำหวอดกับงานวิจัยที่ศูนย์แห่งนี้ ในที่สุดเขาก็ประสบผลสำเร็จในการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ปลานวลจันทร์ทะเลใน บ่อซีเมนต์เมื่อปี 2540 หลังใช้เวลาศึกษาทดลองอยู่หลายปี เนื่องจากธรรมชาติปลาชนิดนี้ แม้จะเติบโตในน้ำจืดได้ แต่เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์มันจะต้องลงไปในท้องทะเลลึกเท่านั้น "ผมก็ เป็นลูกน้ำเค็มเหมือนกัน บ้านเกิดอยู่ที่จ.ตรัง หลังจบป.ตรีที่ม.สงขลานครินทร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติก็ไปทำงานอยู่ที่ภูเก็ตอยู่พักใหญ่ก่อนจะมาบรรจุเป็นข้า ราชการที่ศูนย์แห่งนี้ ช่วงนั้นก็เรียนต่อปริญญาโทที่จุฬาฯ สาขาวิทยาศาสตร์ทางทะเลไปด้วย จบแล้วก็ยังอยู่ที่นี่ไม่ได้ย้ายไปไหน ทำงานร่วมกับผอ.จินตนา นักระนาด ผอ.ศูนย์มาตลอด" มนตรีเผย แม้จะมี ดีกรีมหาบัณฑิตทางวิทยาศาสตร์ทางทะเล ประสบผลสำเร็จในงานวิจัยหลายแขนง แต่เขาก็ไม่ได้ทำตัวเป็นนักวิชาการอยู่บนหอคอยงาช้างให้ความรู้ทางทฤษฎี แต่กลับชอบลงพื้นที่การทำงานร่วมกับชาวบ้านเพื่อนำผลงานทางวิชาการที่ได้ไป ถ่ายทอดให้ชาวบ้านในพื้นที่รอบๆ ศูนย์และพื้นที่ใกล้เคียง "การทำ งานของผมจะต่างกับคนอื่นๆ อาจจะด้วยเนื้องานที่รับผิดชอบก็ได้ บางครั้งก็ไม่มีวันหยุดหรอก อย่างเวลาลงพื้นที่ก็ต้องกินอยู่กับเขาเป็นอาทิตย์ๆ ก็มี หรือเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ของปลานวลจันทร์ ปกติจะตรงกับช่วงสงกรานต์พอดี เขาก็ได้หยุดกัน แต่ผมก็ไม่เคยหยุด ต้องคอยดูมัน เพราะถ้าพ้นช่วงนี้ไปต้องรอไปอีกปี" นักวิชาการคนเดิมบอก จึงไม่แปลกหากเห็นผู้ชายวัยกลางคน ดีกรีมหาบัณฑิต สวมหมวกแก๊ป ผูกผ้าขาวม้า สาละวนอยู่กับบ่อเลี้ยงปลานวลจันทร์ของชาวบ้าน หลังศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ผลักดันให้เป็นปลา เศรษฐกิจส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน ตามนโยบายของอธิบดีกรมประมงคนปัจจุบันนั่นเอง จาก : คม ชัด ลึก วันที่ 27 สิงหาคม 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ปลานวลจันทร์ทะเลแปรรูปได้หลากหลาย นายฐานันดร์ ทัตตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง เปิดเผยระหว่างนำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการเพาะขยายพันธุ์ปลานวลจันทร์ ทะเลของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ว่า จากที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ได้รวบรวมลูกปลา นวลจันทร์ทะเลจากธรรมชาติมาทดลองเลี้ยงไว้ในบ่อดินเพื่อรวบรวมไว้เป็นพ่อแม่ พันธุ์ ตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำลูกปลานวลจันทร์ทะเลไปปล่อยเลี้ยงในอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อำเภอหัวหิน เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้เป็นอาหารและเพิ่มรายได้ในการยังชีพอีกทางหนึ่งนั้น ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ได้เพาะเลี้ยงปลานวลจันทร์ ทะเลและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้มีการ ส่งเสริมให้ราษฎรนำไปเลี้ยงสร้างรายได้ให้แก่ตัวเองและครอบครัว แต่เนื่องจากปลานวลจันทร์เป็นปลาที่มีก้างมาก คนไทยไม่นิยมบริโภค จึง จำหน่ายไม่ค่อยได้ราคา ทำให้เกิดปัญหาในการ ส่งเสริมอาชีพแก่ราษฎร ซึ่งปัญหานี้ทางศูนย์ วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ ได้แก้ไขโดยการร่วมกับกองพัฒนาอุตสาหกรรม สัตว์น้ำทำการพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑ์ปลานวลจันทร์ทะเลในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสะดวกต่อการบริโภคขึ้นมา เช่น ปลานวลจันทร์ทะเลรมควัน ปลาก้างนิ่ม ปลาต้มเค็ม-ต้มหวานบรรจุกระป๋อง ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับว่ามีรสชาติดี และสะดวกต่อการบริโภค “หลายปีที่ผ่านมาราคารับซื้อปลานวลจันทร์ทะเลในท้องตลาดมีราคาต่ำคือจะอยู่ ระหว่าง 18-25 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้เกษตรกรทั่วไปไม่สนใจการเลี้ยง ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์จึงได้ร่วมกับกองพัฒนา อุตสาหกรรมสัตว์น้ำ จัดฝึกอบรมการเพาะเลี้ยงและการแปรรูปปลานวลจันทร์ทะเล ทั้งวิธีการถอดก้างปลา ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในประเทศฟิลิปปินส์ การทำปลานวลจันทร์ก้างนิ่มรมควัน เพื่อทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในปลานวลจันทร์ทะเล ประกอบกับการพัฒนาแปรรูปวิธีต่าง ๆ เช่น ปลานวลจันทร์ต้มเค็ม ไส้กรอกปลา และลูกชิ้น ปลา ทำให้มีแนวทางที่จะพัฒนาและส่งเสริมการตลาดได้ต่อไป” นายฐานันดร์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง กล่าว. จาก : เดลินิวส์ วันที่ 28 สิงหาคม 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#7
|
||||
|
||||
เย้ๆๆๆ ปลานวลจันทร์ รีบๆๆ แปรรูป Go Inter ดีกว่านะคะ
อยากให้คนที่ประจวบ เลี้ยงปลานวลจันทร์ เยอะๆๆ เพราะมีทั้ง ข้อมูลจากนักวิชาการ พ่อ-แม่พันธุ์ และ ตอนนี้ได้รับการส่งเสริม จากทางการแล้ว.....ปลื้มมมแทนพี่จินค่ะ จินตนา-ประจวบ-นวลจันทร์
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
|
|