|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 19 ? 24 ส.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านตอนบนภาคเหนือ และประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในบริเวณภาคเหนือ ในขณะที่ในช่วงวันที่ 20 - 22 ส.ค. 67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในบริเวณภาคเหนือ ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
เอลนีโญ สู่ ลานีญา ฝนถล่ม-อากาศสุดขั้ว ยากป้องกันน้ำท่วม ภาคเหนือ-อีสาน จ่อเจอฝนถล่มถึงสิ้นเดือน ส่วนชาวกรุงเทพฯ โดนคิวถัดไปในเดือนกันยายน-ตุลาคม กูรูด้านจัดการน้ำชี้ การเปลี่ยนผ่าน เอลนีโญ สู่ลานีญา ภายใน 1 ปี ถือว่าผิดปกติ ต้องเฝ้าระวังพายุ เพราะมีโอกาสมาถึงไทย... เมื่อต้นปี 2567 นี้ เราเจอสภาพอากาศที่ร้อนจัด ร้อนมาก ร้อนสุด ๆ แต่พอมาถึงช่วงฤดูฝน ที่เคยคาดการณ์ว่า ปีนี้จะเจอฝนแล้งจาก "เอลนีโญ" และอาจจะลากยาว ปรากฏว่า เรากลับมาเจอ "ลานีญา" อีกครั้ง กลายเป็นว่า ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมนี้ ลากยาวถึงตุลาคม เรามีโอกาสเจอพายุ และพายุก็อาจจะมาถึงประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่องนี้ "เรา" ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายชวลิต จันทรรัตน์ กรรมการ ทีม กรุ๊ป และผู้เชี่ยวชาญในการจัดการน้ำ มาบอกเล่าและเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวรับมือ นายชวลิต กล่าวว่า ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม เป็นต้นไป จะเกิดฝนตกหนักและต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน อย่างไรก็ตาม ปี 2567 นี้ ถือว่ามีปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ คือ ก่อนหน้านี้เราเจอกับสภาวะเอลนีโญ ฝนแล้ง น้ำแล้ง แต่ภายในปีเดียว ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ลานีญา ซึ่งเรื่องนี้ ปกติแล้ว การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะกินเวลา 7 ปี หรือ 5 ปี แต่ครั้งนี้ คือ เปลี่ยนในปีเดียว แต่เท่าที่ดูข้อมูล พบว่า ภาวะลานีญา ที่เราจะเจอนั้น อยู่ในสภาพ -1 ซึ่งถือว่ายังไม่แรงมากนัก แต่ก็ต้องเฝ้าระวังพายุ เพราะมีโอกาสมาถึงไทย จากภาวะลานีญา "ต้องยอมรับว่า สาเหตุที่เกิดเรื่องนี้ มาจากภาวะโลกร้อน อากาศแปรปรวน ซึ่งสภาพอากาศแบบนี้ มันทำให้เกิดฝนตกหนัก ในสภาพแบบสุดขั้ว ก็คือ จะตกในบริเวณใดบริเวณหนึ่งอย่างหนัก เช่น อ.กะทู้ ที่ภูเก็ต ฝนตก 354 มิลลิเมตร ในจุดเดียว ขณะที่ อ.ถลาง ซึ่งอยู่ติดกัน ก็เจอฝนตกมาก ปริมาณฝนถึง 250 มิลลิเมตร ก็ถือว่ามาก แต่ต่างกันถึง 100 มิลลิเมตร นี่คือผลพวงที่เกิดขึ้น" สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แม้เราจะพยากรณ์ได้ว่า มีโอกาสฝนตกกี่เปอร์เซ็นต์ แต่เรายากจะรู้ได้เลยว่าจะมีฝนปริมาณมากตกที่จุดใด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเร่งศึกษาหาความรู้... https://www.thairath.co.th/scoop/interview/2808667
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
แตกตื่น! ปลาทะเลลึกลางบอกเหตุดินไหวใหญ่โผล่นอกฝั่งสหรัฐฯ 100 กว่าปีเพิ่งถูกพบเห็น 20 ครั้ง ปลาทะเลลึกที่แทบไม่มีใครเคยพบเห็น ลักษณะคล้ายกับงูใหญ่ ถูกพบลอยตายบนพื้นผิวทะเล นอกชายฝั่งเมืองแซนดีเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และถูกนำขึ้นฝั่งเพื่อทำการศึกษา ทั้งนี้ตามข้อมูลเชื่อว่าตลอดกว่า 100 ปีที่ผ่านมา เพิ่งเป็นครั้งที่ 20 เท่านั้น ที่มีคนพบเห็นมันลอยน้ำตายในแคลิฟอร์เนีย ปลาออร์ฟิช หรือที่คนไทยเรียกว่า "ปลาพญานาค" ความยาว 12 ฟุต (3.6 เมตร) ถูกพบเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว โดยกลุ่มนักดำน้ำน้ำตื้นและนักล่องเรือคายัค ในแถบชายหาดลา จอลลา โคฟ ทางเหนือของแซนดีเอโก จากคำแถลงของสถาบันสมุทรศาสตร์สคริปป์ส ตามข้อมูลของ เบน ฟราเบิล ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการประมง พบว่าหนนี้เป็นเพียงแค่ครั้งที่ 20 เท่านั้น ที่มีคนพบเห็นซากปลาออร์ฟิช ลอยเกยตื้นในแคลิฟอร์เนีย นับตั้งแต่ปี 1901 เป็นต้นมา ถ้อยแถลงของสถาบันสมุทรศาสตร์สคริปป์ส เน้นว่าปลาออร์ฟิช มีชื่อเสียงเป็นตำนานในด้านการพยากรณ์เตือนภัยหายนะทางธรรมชาติหรือแผ่นดินไหว แม้ไม่มีข้อพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับหายนะทางธรรมชาติก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลา ชี้แม้เจอปลาออร์ฟิช ไม่มีข้อมูลยืนยันบอกเหตุแผ่นดินไหว แต่ในทางวิทยาศาสตร์ชี้ ปลาที่อาศัยก้นทะเลลึก จะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสั่นสะเทือนใต้น้ำ ปลาออร์ฟิช สามารถโตได้สูงสุด มีความยาวมากกว่า 6 เมตร และปกติใช้ชีวิตอยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทรเที่เรียกว่า เขตทะเลเปิดระดับกลาง (mesopelagic zone) บริเวณที่แสงส่องลงไปไม่ถึง กลุ่มนักดำน้ำพากันนำปลาออร์ฟิชตัวดังกล่าว ขึ้นฝั่งโดยใช้แพดเดิ้ลบอร์ด จากนั้นเคลื่อนย้ายมันไปยังท้ายรถกระบะ ทั้งนี้บรรดานักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิทยาศาสตร์การประมงเซาต์เวสต์ขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) และสถาบันสมุทรศาสตร์สคริปป์ส ได้ทำการชันสูตรซากของมันในวันศุกร์ (16 ส.ค) เพื่อสรุปถึงสาเหตุการตายของมัน (ที่มา : เอพี) https://mgronline.com/around/detail/...75848?tbref=hp
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
นักท่องเที่ยวเปรียบเทียบรูปถ่ายธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์ ที่ละลายจนเกือบหมดในระยะเวลา 15 ปี หลังกลับไปเยือนอีกครั้ง กลายเป็นภาพตอกย้ำข้อมูลข้อมูลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Science (5 January 2023) ที่ได้เผยว่า ธารน้ำแข็งครึ่งหนึ่งบนโลกของเราอาจละลายหายไปหมดภายในปี 2100 ซึ่งก็อาจเป็นไปตามข้อมูลวิจัยจริงๆ เมื่อ นักท่องเที่ยวรายหนึ่งได้โพสต์รูปภาพที่ถ่ายคู่กับภรรยาของตัวเองในโซเชียล โดยในรูปมีฉากหลังเป็นธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีการเปรียบเทียบให้เห็นถึงการหายไปของน้ำแข็งที่น่าตกใจในระยะเวลาเพียงแค่ 15 ปี Duncan Porter นักพัฒนาซอฟต์แวร์จากเมืองบริสตอลได้โพสต์รูปภาพที่ถ่ายคู่กับภรรยา Helen Porter ในจุดเดียวกันที่ธารน้ำแข็งโรนที่ตั้งอยู่เทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงเวลา เดือนสิงหาคม 2009 และ สิงหาคม 2024 ใซึ่งมีระยะเวลาห่างกัน 15 ปี โดยเป็น 2 รูปภาพ แสดงให้เห็นธารน้ำแข็งที่ละลายอย่างรวดเร็วจากภาวะโลกร้อน Duncan เผยว่า ในจุดเดียวกันนี้ ธารน้ำแข็งในเดือนสิงหาคม 2009 ยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่มากและยังสวยงาม แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งหลังผ่านไป 15 ปี ในเดือนสิงหาคม 2024 น้ำแข็งสีขาวที่ปกคลุมพื้นหลังหดตัวจนเผยให้เห็นหินสีเทา สระน้ำเล็กๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ด้านล่าง ซึ่งมองไม่เห็นในสระเดิม ได้กลายมาเป็นทะเลสาบสีเขียวขนาดใหญ่แทน และยังเขียนแคปชั่นสั้นๆ ใน X ว่า "จะไม่โกหกนะ ภาพนี้ทำให้ผมอยากร้องไห้" ซึ่งหลังจากที่เค้าโพสต์ไปก็มีคนแชร์จนกลายเป็นไวรัลที่ทำให้หลายคนกังวลเรื่องภาวะโลกร้อนที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน การละลายที่รวดเร็วภายในระยะเวลา 15 ปี จากการเปรียบเทียบจากภาพของ Duncan สามารถเชื่อมโยงกับสภาพภูมิอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป มลพิษคาร์บอนที่ปล่อยออกมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล และการทําลายธรรมชาติกำลังทำให้สภาพอากาศโลกร้อนขึ้น ตอนนี้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงขึ้น 1.3 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับสมัยก่อนยุคอุตสาหกรรม ซึ่งประเทศในยุโรปต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้น จนขึ้นชื่อว่าเป็นทวีปที่ร้อนเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึงสองเท่า ตามสถิติอย่างเป็นทางการ สวิตเซอร์แลนด์สูญเสียธารน้ำแข็งไปแล้ว 1 ใน 3 ตั้งแต่ปี 2000 และอีก 10% หายไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา หลักฐานการละลายอย่างรวดเร็วงของธารน้ำแข็ง จากรูปภาพนี้ ได้ตอกย้ำงานวิจัยล่าสุดชี้ว่าธารน้ำแข็งครึ่งหนึ่งบนโลกของเราอาจละลายหายไปหมดภายในปี 2100 หรืออีกเพียงไม่ถึง 80 ปีข้างหน้า แม้ว่าโลกจะสามารถควบคุมไม่ให้อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส จากช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม ตามที่ให้คำมั่นไว้ในความตกลงปารีสก็ตาม ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่น่าตกใจว่าภาวะโลกรวนมีผลกระทบหนักหนากว่าที่มนุษย์เคยคาดการณ์ไว้ โดยรายงานระบุว่า ธารน้ำแข็งอย่างน้อย 1 ใน 4 ของระดับปัจจุบัน จะละลายหายไปภายในอีก 30 ปีข้างหน้า ข้อมูล ? รูปอ้างอิง - theguardian.co - somethingswiss.com https://mgronline.com/science/detail/9670000075647
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
ระทึก! รัสเซีย เกิดแผ่นดินไหวในทะเลขนาด 7.0? วันที่ 18 สิงหาคม ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวในทะเลขนาด 7.0 บริเวณทางทิศตะวันออกของเมือง Petropavlovsk-Kamchatsky ประเทศรัสเซีย เมื่อเวลา 02.10 น. วันที่ 18 สิงหาคม (ตามเวลาในประเทศไทย) เกิดแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด 7.0 ที่ระดับความลึก 29.0 กิโลเมตร จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมือง Petropavlovsk-Kamchatsky ประเทศรัสเซีย ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 102 กิโลเมตร ละติจูด 52.924 องศาเหนือ ลองติจูด 52.924 องศาตะวันออก และได้เกิดแผ่นดินไหวตาม (aftershock) ขนาด 4.3 ? 5.1 จำนวน 4 ครั้ง สาเหตุเกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิก มุดตัวใต้แผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ในบริเวณดังกล่าวมีอัตราการเคลื่อนตัวอยู่ที่ 83 มิลลิเมตรต่อปี ผลกระทบแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวสามารถรับรู้ได้เป็นวงกว้าง ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน และข้าวของพังเสียหายบางส่วน รวมทั้งทำให้ภูเขาไฟ Shiveluch เกิดการปะทุผ่นเถ้าภูเขาไฟสูงถึง 8,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เถ้าภูเขาไฟได้พัดปกคลุ่มเป็นระยะ 492 กม. ไปทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขาไฟ สถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซียได้ให้รหัสการบินเป็นสีแดงการปะทุของภูเขาไฟอาจเป็นอันตรายต่อเที่ยวบินในท้องถิ่นและระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย https://www.matichon.co.th/foreign/news_4742028
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
สุดฮือฮา "วาฬบรูด้า" โผล่ทะเลบางแสน คาดเข้ามาหาอาหาร นักท่องเที่ยวลุ้นรอเจอ สุดฮือฮา หนุ่มกำลังพายซัพบอร์ด จังหวะดี เจอ "วาฬบรูด้า" โชว์ตัว โผล่ทะเลบางแสน คาดเข้ามาหาอาหาร ด้านนักท่องเที่ยวลุ้นรอเจอ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 กลายเป็นโพสต์ไวรัลไปทั่วโลกโซเชียล เมื่อเพจเฟซบุ๊ก ชอบจัง บางแสนออกมาแชร์ภาพ "วาฬบรูด้า" โผล่ทะเลบางแสน โดยทางเพจระบุข้อความว่า "ปลาวาฬมาเยือนบางแสน เพื่อนของแอดพายซัพบอร์ดเล่นช่วงเย็น วันที่ 17 สิงหาคม 2567 แล้วเจอวาฬมากินฝูงปลา พบมีมากกว่า 1 ตัว จึงถามทางแอดมินที่เป็นนักวิชาการ เขาบอกว่า ปลาวาฬ หรือ วาฬ มักจะมาเยือนบางแสนทุกปี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวาฬบรูด้า ที่เข้ามาหาอาหาร โดยเวลาว่ายต้อนฝูงปลาแล้วมุดน้ำฮุบปลา ปลาจะกระเด้งขึ้นผิวน้ำ สังเกตจะมีนกมาแจมขอปลาด้วย" "ทั้งนี้ ในฤดูฝนจะมีคลื่นลม และแพขยะทะเลที่ทยอยพัดเข้าฝั่ง ก็มีความกังวลเรื่องการกินอาหารของวาฬ กลัวว่าอาจได้กินขยะเข้าไป ขอบคุณภาพจากพี่ตุ่นครับ" พร้อมแนบคลิปจาก TikTok : @shopjungbangsaen เป็นนาทีที่หนุ่มรายหนึ่งกำลังพายซัพบอร์ด แล้วจังหวะดี เจอ "วาฬบรูด้า" โผล่โชว์ตัวกลางทะเลบางแสน ความคิดเห็นส่วนหนึ่งจากโลกโซเชียล : สภาพแวดล้อมดี ระบบนิเวศสมบูรณ์จ้า - ทะเลตรงนัั้นน่าจะลึกมาก ๆ - น่าเป็นห่วงเรื่องขยะฝั่งบ้านเรามันเยอะ และกลัวจะว่ายเข้าไปเขตเเหลมฉบังโดยเรือสินค้าขนาดใหญ่ - ขอให้?ครอบครัว?น้องปลอดภัย?ไม่กินขยะเข้าไปน้า - ชื่นใจ ที่ทะเลบ้านเราอุดมสมบูรณ์ เพราะวาฬคือสัญลักษณ์ที่ดี - กลัวจะรับประทานขยะเข้าไป ท้องเสียแน่นอน บางช่วงขยะมาเกยหาดเยอะมาก ภาพประกอบ ชอบจัง บางแสน ที่มา : ชอบจัง บางแสน https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9367843
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|