|
#1
|
||||
|
||||
ซ่อนพราง กลางทะเลลึก
ซ่อนพราง กลางทะเลลึก โดย วินิจ รังผึ้ง โลกแห่งสรรพชีวิตใต้ท้องทะเล มีทั้งผู้ล่าและเหยื่อผู้ถูกล่า บางครั้งผู้ล่าก็ต้องตกเป็นเหยื่อของนักล่าที่มีลำดับสูงกว่าอีกชั้นหนึ่ง ตามห่วงโซ่อาหารของโลกใต้ท้องทะเล สรรพชีวิตใต้ท้องทะเลจึงต้องมีกลวิธีการเอาตัวรอด เพื่อดำรงชีวิตสืบสายเผ่าพันธุ์ของตนให้คงอยู่คู่ท้องทะเลต่อไปให้ได้ หนึ่งในกลวิธีการเอาชีวิตรอดที่ใช้กันมากใต้ท้องทะเลก็คือการพรางตัว เริ่มจากการพรางตัวง่ายๆของปลาส่วนใหญ่ใต้ท้องทะเลซึ่งลำตัวด้านบนหลังจะมีสีเข้ม ด้านใต้ลำตัวจะมีสีอ่อน สีเข้มบนหลังจะทำให้มองเห็นได้ยากเมื่อมองกดลงมาจากด้านบนผิวน้ำ ในขณะที่สีอ่อนใต้ลำตัวก็จะทำให้มองเห็นได้ยากขึ้นเมื่อมองขึ้นมาจากใต้ทะเลลึก สีสันที่ดูกลมกลืนกับทำเลพื้นที่อยู่อาศัย ก็ทำให้ศัตรูผู้ล่ามองเห็นได้ยากเช่นกัน ทำให้มีเวลาพอที่จะหลบหนี หรือหลบซ่อนตัวในที่ปลอดภัยได้ทันการณ์ ปลาในกลุ่มปลาแมงป่อง ปลาหิน มีรูปร่างหรือสีสันกลมกลืนกับโขดหินที่มันอาศัยอยู่ และชอบกบดานหมอบนิ่งๆอยู่กับพื้น มันอาจไม่จำเป็นต้องพรางตัวเพื่อหลบซ่อนศัตรูหรือนักล่า เพราะปลาในกลุ่มนี้มีต่อมพิษเป็นอาวุธป้องกันตัวที่ไม่มีใครอยากจะยุ่งด้วย แต่มันก็เลือกใช้วิธีการพรางตัวสงบนิ่งเพื่อรอเหยื่อ กุ้ง ปลา ขนาดเล็กที่ไม่ทันสังเกตแล้วว่ายเข้ามาใกล้ เพื่อฮุบจับกินอย่างรวดเร็วชนิดที่เหยื่อไม่มีโอกาสหลบหนีได้ทัน หมึกสายหรือหมึกยักษ์ ซึ่งมี 8 หนวด มีลำตัวที่อ่อนนุ่มสามารถพรางตัวให้เป็นรูปทรงต่างๆ เช่นทำตัวให้คล้ายกับโขดหิน หรือทำพื้นผิวบนลำตัวให้ปุ่มป่ำคล้ายกับกิ่งก้านปะการัง เพื่อพรางตัวให้ผู้ล่ามองไม่เห็นแล้วว่ายผ่านเลยไป แต่หากศัตรูผู้ล่ามองเห็นเข้า มันก็ยังมีความสามารถในการปรับสีสันบนลำตัวให้เป็นสีสันลวดลายต่างๆสลับกันไปเช่น เป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือสีขาวซีดจางสลับไปมาได้ในพริบตา อันเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ศัตรูงุนงงสับสน หรือเกิดความไม่แน่ใจไม่เชื่อมั่นที่จะโจมตี แต่ถ้าผู้รุกรานยังเข้ามาใกล้จนจวนตัว มันก็ยังมียุทธวิธีในการพรางตัวที่เป็นสุดยอด นั่นคือการปล่อยน้ำหมึกสีดำระเบิดออกมารอบตัวจนมืดดำขุ่นคลุ้งไปทั่ว จากนั้นมันก็จะใช้ท่อน้ำเทอร์โบขนาดใหญ่ พ่นฉีดน้ำให้เกิดแรงดันเพื่อพุ่งตัวหลบหนีออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วจนผู้บุกรุกไม่ทันได้สังเกตเห็น ซึ่งกลยุทธ์การปล่อยหมึกของหมึกยักษ์นี่เองที่บรรดานักรบนินจาชาวญี่ปุ่น ชนชาติผู้ผูกพันกับท้องทะเลเลียนแบบมาใช้โดยผลิตระเบิดควันขนาดเล็กมาขว้าง ให้เกิดเสียงระเบิดและเกิดควันเพื่อให้เกิดความตื่นตระหนกและเบี่ยงเบนความสนใจในการหลบหนี กุ้งขนาดเล็กหลายชนิดมีการพรางตัวด้วยรูปแบบอันหลากหลาย เช่นกุ้งดอกไม้ทะเลบางชนิดมีลำตัวใสเป็นสีเดียวกับน้ำทะเล ซึ่งยากที่จะสังเกตเห็น กุ้งที่อาศัยอยู่บนดาวขนนกสีใด ก็จะปรับสีสันบนลำตัวให้เป็นสีนั้น เช่นกุ้งที่อยู่กับดาวขนนกสีเหลือง ก็จะมีลำตัวสีเหลือง กุ้งที่อยู่กับดาวขนนกสีแดงก็จะมีสีแดง หรือกุ้งที่อาศัยอยู่กับแส้ทะเลก็จะมีรูปทรงของลำตัวคล้ายกับแส้ทะเล หรือกุ้งที่อาศัยอยู่กับกัลปังหาเส้นยาวๆ ก็จะมีการพรางรูปทรงของลำตัวให้มีลักษณะยาวๆ กลมกลืนไปกับกัลปังหาชนิดนั้นด้วย ปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจ ปลาปากท่อญาติสนิทกับม้าน้ำ มียุทธวิธีการพรางให้ลำตัวมีติ่งมีขนยาวเพื่อปรับรูปทรงและสีสันให้เข้ากับกอกัลปังหา หรือปะการังอ่อนที่มันอาศัยอยู่ ทำให้ดูราวกับเป็นส่วนหนึ่งของกิ่งก้านกัลปังหา มันปล่อยตัวให้โอนไปเอนมาตามแรงของกระแสคลื่น กระแสน้ำ ทำให้ผู้ล่ามองดูว่าเป็นเพียงกิ่งก้านของปะการังหรือกัลปังหาที่กินไม่ได้ไม่น่าสนใจ ปลากบ ปลากบ นักพรางตัวยงอีกชนิดหนึ่งที่สามารถจะพรางตัวให้ดูเหมือนฟองน้ำจนหากไม่สังเกตดวงตากลมของมัน ก็อาจจะนึกว่ามันเป็นเพียงฟองน้ำเท่านั้น แม้นจะเป็นปลา แต่ปลากบก็ไม่ค่อยชอบว่ายน้ำไปไหนมาไหน มันพัฒนาครีบข้างลำตัวให้ยื่นลงมาคล้ายกับเท้าคู่หน้าและใช้มันก้าวเดินต้วมเตี้ยมไปมา นอกจากปลากบชอบหมอบนิ่งเหมือนก้อนฟองน้ำแล้วมันยังมีวิธีการล่าเหยื่อและหลอกล่อเหยื่ออย่างแยบยล โดยปลากบจะมีอวัยวะเป็นก้านเล็กๆยาวๆบนส่วนหัวที่เปรียบเสมือนคันเบ็ด ที่ปลายก้านจะมีพู่คล้ายๆกับตัวหนอนหรือสัตว์ทะเลขนาดเล็กเป็นเหยื่อล่อ เมื่อมีปลาเล็กที่เป็นเป้าหมายว่ายผ่านเข้ามาใกล้ มันก็จะกางคันเบ็ดที่มักจะมีสีใสแกว่งส่ายไปมา ทำให้พู่ที่มีลักษณะคล้ายกับตัวหนอนเล็กๆที่กำลังเคลื่อนไหวไปมา ปลาเล็กก็จะว่ายเข้ามาใกล้หมายจะจับเหยื่อเล็กๆนั้นกินเป็นอาหาร โดยไม่รู้ว่ากำลังว่ายเข้ามาหาความตาย เพราะเมื่อมันว่ายเข้ามาใกล้จนได้ระยะ ปลากบก็จะใช้ปากที่กว้างใหญ่ฮุบกินอย่างรวดเร็วจนปลาขนาดเล็กไม่สามารถจะหลบ หนีได้ทัน ปลาลิ้นหมา ซึ่งมีลำตัวแบนราบ มีสีสันและลวดลายบนลำตัวเหมือนกับเม็ดกรวดทรายใต้ท้องทะเล แทนที่มันจะว่ายน้ำไปมาอยู่กลางน้ำเหมือนปลาทั่วๆไป มันกลับว่ายน้ำโดยโบกตัวพลิ้วไปเลียดติดกับพื้นทราย และหาทำเลนอนหมอบอยู่กับพื้นโดยแทรกตัวให้เม็ดทรายฟุ้งขึ้นมากลบลำตัว โผล่มาแต่ลูกตาสองข้างที่พัฒนาขึ้นมาอยู่ด้านบนของลำตัว อันเป็นวิธีการพรางตัวที่แยบยลจนนักล่ายากจะมองเห็น แต่ก็ยกเว้นนักล่าบางชนิดที่มีความสามารถพิเศษอย่างปลาฉลามและโลมา ซึ่งจะมีคลื่นกระแสไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาจากบริเวณส่วนปลายของหัว ซึ่งสามารถตรวจจับเหยื่อที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นที่ได้ การพรางตัว เป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันมากในโลกใต้ท้องทะเล ทั้งเพื่อหลบซ่อนให้รอดพ้นจากการล่า และใช้ซุ่มซ่อนเพื่อเป็นกลวิธีในการล่าเสียเอง ซึ่งทั้งหมดก็ล้วนเพื่อการดำรงอยู่ของชีวิตและเผ่าพันธุ์ใต้ท้องทะเลให้ยาวนานที่สุดนั่นเอง จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 27 เมษายน 2553
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|