|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 2 ? 3 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 ก.ค. 67 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนาม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 4 ? 7 ก.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ป.ป.ช.ตรังลงตรวจสอบเครื่องมือประมงผิด กม.เร่งให้รื้อถอนป้องกันสัตว์น้ำทะเลสูญพันธุ์ ตรัง - ป.ป.ช.ตรังลงตรวจสอบเครื่องมือประมงผิดกฎหมายที่อ่าวปะเหลียน จ.ตรัง เพื่อติดตามการทำงานและเร่งรัดให้มีการรื้อถอน โดยเฉพาะโพงพางปากเสือและโป๊ะน้ำตื้น ชี้หากปล่อยไว้จะทำให้สัตว์น้ำทะเลสูญพันธุ์ วันนี้ (1 ก.ค.) นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ นายเอกมัย มาลา รักษาราชการแทนประมงจังหวัดตรัง และเจ้าหน้าที่ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 (ตรัง) ลงพื้นที่อ่าวปะเหลียน ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อ 2 จังหวัด คือ ตรัง-สตูล รอยต่อเกาะสุกร-บ้านหยงสตาร์ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง กับ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล เพื่อดูสภาพพื้นที่กรณีที่มีการทำประมงโดยใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย ประกอบด้วย โพงพางปากเสือ (โพงพางใต้น้ำ) ซึ่งมีการนำแกลลอนมาทำเป็นทุ่นลอยอยู่เหนือผิวน้ำเป็นกลุ่มๆ และมีเชือกผูกกับทุ่น โดยมีอวนตาถี่อยู่ใต้น้ำ และโป๊ะน้ำตื้น (ที่มีการไม้ปักไว้เป็นแนวยาวชิดติดกันเป็นโครงสร้าง เพื่อใช้สำหรับการผูกอวนตา) เนื่องจากเครื่องมือประมงทั้ง 2 ชนิดนี้ถือเป็นเครื่องมือชนิดล้างผลาญ เพราะสัตว์น้ำขนาดเล็กไม่สามารถรอดไปได้ หากปล่อยไว้หวั่นสัตว์น้ำทะเลจะสูญพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้พยายามจะเข้ามารื้อถอนเครื่องมือประมงทั้ง 2 ชนิดแล้ว แต่ทำได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากโครงสร้างแข็งแรง ต้องใช้กำลังคนและเรือที่มีกำลังแรงม้าสูง จึงได้ถอนกำลังกลับ โดยเฉพาะในส่วนของโพงพางปากเสือ ทำได้เพียงการตัดทุ่นแกลลอนออกบางส่วน แต่ล่าสุดในวันนี้พบว่ามีการแอบมาผูกทุ่นใหม่กลับมาทำซ้ำ โดยไม่สนกฎหมายบ้านเมือง นอกจากนั้น ในส่วนของโป๊ะน้ำตื้นพบว่าบางส่วนเจ้าของยอมปล่อยทิ้งร้าง เพื่อเปลี่ยนไปสร้างใหม่ที่อื่น เนื่องจากทำมานานจนไม้และอวนผุพังไปแล้ว แต่มักง่ายปล่อยซากทิ้งไว้ทั้งแนวไม้และอวน โดยไม่ยอมรื้อถอนออกไป ทำให้กีดขวางทางน้ำเป็นอุปสรรคต่อการสัญจรของเรือ และการจับสัตว์น้ำของชาวประมงที่ใช้เครื่องมือที่ถูกกฎหมาย นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง บอกว่า จากการตรวจสอบสภาพพื้นที่อ่าวปะเหลียน พบว่า มีการทำประมงผิดกฎหมายจริง และบางส่วนมีการเลิกไปบ้างแล้ว ภาพรวมมีไม่ต่ำกว่า 100 ราย พร้อมได้กำชับประมงจังหวัดว่าจะต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต้องรักษากฎหมาย และจะต้องหาแนวทางที่เหมาะสมด้านอื่นควบคู่ด้วย เช่น การสร้างความเข้าใจ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมวลชน ส่วนปัญหาของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโดยตรงที่ทำงานยาก หรือขาดความร่วมมือจากหน่วยงานราชการอื่นที่มีความพร้อมนั้น เนื่องจากกรณีนี้ ป.ป.ช.ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะไปสั่งการใคร หรือหน่วยงานใดได้ แต่ได้แนะนำให้ทางประมงไปประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลจังหวัดตรัง เพื่อประสานการดำเนินการในลักษณะบูรณาการ ไม่งั้นจะประสบผลสำเร็จยาก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลการทำประมงผิดกฎหมายในอ่าวปะเหลียนนี้ ไม่ปรากฏว่ามีเครือข่ายนักการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ใดเกี่ยวข้อง ส่วนตัวจึงคิดว่าสามารถแก้ปัญหาได้ไม่ยาก พร้อมกันนี้ ได้กำชับประมงไปว่าจะให้มีการทำประมงผิดกฎหมายขยายพื้นที่ไปอีกไม่ได้ รวมทั้งต้องใช้วิธีการจำกัด หรือลดลงให้มากที่สุด และพยายามที่จะทำให้ถูกกฎหมายทั้งหมด นอกจากนั้น ในพื้นที่อื่นๆ ก็เช่นกัน เช่น อำเภอหาดสำราญ อำเภอกันตัง หากพบมีการทำประมงผิดกฎหมาย ทาง ป.ป.ช.ตรัง จะต้องเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการทุกที่ เพื่อมิให้มีการทำประมงผิดกฎหมายเกิดขึ้น ส่วนระยะยาวต้องสร้างความเข้าใจ และความมีส่วนร่วมของชุมชน ผู้นำชุมชน และเยาวชนในพื้นที่ โดยทาง ปปช. ในส่วนของงานป้องกันมีโครงการที่จะประสานไปยังพื้นที่ เพื่อจัดกิจกรรมสร้างความเข้าใจกับเด็กๆ ให้รู้ว่า การทำสิ่งผิดกฎหมายนั้นจะกระทบต่อสังคม หรืออนาคตอย่างไร เพื่อให้เยาวชนเกิดความรักและหวงแหนทรัพยากร https://mgronline.com/south/detail/9670000056019
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
รมต.กัมพูชาเผยประชากรโลมาอิรวดีในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100 ตัว เอเอฟพี - รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของกัมพูชากล่าวว่าจำนวนโลมาแม่น้ำโขงในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 100 ตัว ตัวเลขที่ทำให้เกิดความหวังว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสายพันธุ์นี้จะรอดพ้นจากการสูญพันธุ์ โลมาอิรวดี ที่ครั้งหนึ่งเคยว่ายอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของแม่น้ำโขงไปจนถึงสามเหลี่ยมปากแม่น้ำในเวียดนาม พบว่าประชากรในแม่น้ำลดลงจาก 200 ตัว ที่ดำเนินการสำรวจครั้งแรกเมื่อปี 2540 เหลืออยู่เพียง 89 ตัวในปี 2563 ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการทำประมงผิดกฎหมาย การสูญเสียถิ่นที่อยู่ และขยะพลาสติก "ปัจจุบัน เรามีโลมาอยู่ประมาณ 105 ตัว" รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร กล่าวในพิธีเนื่องในวันประมงแห่งชาติ กระทรวงเกษตรระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายงานพบลูกโลมาเกิดใหม่ 8 ตัว แต่ขณะเดียวกันก็พบโลมาตาย 2 ตัว ส่วนในปี 2566 พบโลมาเกิดใหม่ 8 ตัว และตายไป 5 ตัว "กระทรวงได้ดำเนินมาตรการอย่างจริงจังต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประมง และการผลิตและจำหน่ายเครื่องมือทำประมงแบบทำลายล้าง ที่สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพยากรทางทะเล" รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร กล่าว เมื่อปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชาในขณะนั้นได้ยกเลิกกฎหมายเพื่อปกป้องโลมาในแม่น้ำโขงที่เขาได้อนุมัติไปก่อนหน้า โดยระบุว่าโลมายังคงทยอยตายไปเรื่อยๆ แต่อุตสาหกรรมประมงได้รับความเดือดร้อนจากกฎหมายอนุรักษ์ดังกล่าว โลมาอิรวดีถูกจัดอยู่ในบัญชีแดงของสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ของ IUCN และสิ่งที่เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้ คือ 70% ของประชากรโลมาอิรวดีในปัจจุบันแก่เกินกว่าจะผสมพันธุ์ นอกจากนี้ที่อยู่อาศัยของโลมายังลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากเขื่อนต้นน้ำในลาวและจีน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำในแม่น้ำ. https://mgronline.com/indochina/detail/9670000056103
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
คนไทยเตรียมตัวเผชิญ "ลานีญา" ยาวต่อเนื่องถึง ม.ค.68 ฝนเพิ่มขึ้น-อุณหภูมิเดือด คนไทยเตรียมตัวเผชิญ "ลานีญา" ยาวต่อเนื่องถึง ม.ค.68 ฝนเพิ่มขึ้น-อุณหภูมิเดือด เทียบกับปี 2566 คาดว่า ทั้งอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิต่ำสุดจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาชี้แจงว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่สภาวะลานีญาในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2567 และจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงธันวาคม 2567 ถึงกุมภาพันธ์ 2568 ส่งผลให้ครึ่งปีหลังของประเทศไทย มีแนวโน้มฝนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และอุณหภูมิยังคงสูงกว่าค่าปกติ แต่มีแนวโน้มที่ฤดูหนาวปีนี้อุณหภูมิจะลดลงกว่าปีที่แล้ว นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า ปรากฏการณ์เอนโซอยู่ในสภาวะปกติ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเขตศูนย์สูตรในเดือนที่ผ่านมาเย็นลงเกือบทั่วทั้งบริเวณ สำหรับอุณหภูมิผิวน้ำทะเลเฉลี่ยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต่างจากค่าปกติประมาณ -0.9 ถึง 0.5 องศาเซลเซียส และคาดว่า ปรากฏการณ์เอนโซที่อยู่ในสภาวะปกตินี้จะเปลี่ยนเข้าสู่สถาวะลานีญาในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2567 และจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงพฤศจิกายน 2567 ถึงมกราคม 2568 ทางด้านผลกระทบที่เกิดขึ้น บริเวณประเทศไทยตอนบนในเดือน กรกฎาคม สิงหาคม และตุลาคม จะมีฝนมากกว่าปกติบางพื้นที่ ส่วนเดือนอื่นๆจะใกล้เคียงค่าปกติ สำหรับภาคใต้จะมีฝนต่ำกว่าค่าปกติในช่วงเดือนสิงหาคม ส่วนเดือนอื่นๆจะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย สำหรับอุณหภูมิในช่วง กรกฎาคม สิงหาคม และตุลาคมคาดว่า ทั้งอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิต่ำสุดจะสูงกว่า ค่าปกติ 0.2-1.0 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วง 3 เดือนหลัง คาดว่า ทั้งอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิต่ำสุดจะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย ทั้งนี้ เปรียบเทียบกับปี 2566 ปริมาณฝนในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมปีนี้คาดว่า จะมากกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนในเดือนกันยายนและพฤศจิกายน คาดว่า จะมีปริมาณฝนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ส่วน ในเดือนตุลาคมและธันวาคม คาดว่า จะมีปริมาณฝนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา สำหรับอุณหภูมิเมื่อเทียบกับปี 2566 คาดว่า ทั้งอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิต่ำสุดจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังคงสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777807161
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
IUCN เผยบัญชีแดง! ปี 2024 มีสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ 45,000 ชนิด sน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม เผยรายชื่อบัญชีแดง ปีนี้ มีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ทั้งหมด 45,000 ชนิด โดยมาสาเหตุจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และฝีมือมนุษย์ เดินทางมาถึงปีที่ 60 เรียบร้อยสำหรับการรายงาน "บัญชีแดง" หรือ Red List ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ IUCN ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับชนิดพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ทั้งสัตว์และพืช โดยในปีนี้ ลิสต์บัญชีแดงของ IUCN เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสัตว์ทั่วโลกกว่า 45,000 ชนิดกำลังใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 1,000 ชนิด ซึ่งหากจะไล่ลิสต์กันคงใช้เวลานานพอสมควร สปริงนิวส์ขอยกตัวอย่าง "ช้างเอเชีย" ในเกาะบอร์เนียว ที่ปัจจุบันบนเกาะแห่งนี้เหลือช้างเอเชียอยู่ราว 1,000 ตัวเท่านั้น ข้อมูลจาก IUCN ระบุว่า ในช่วง 75 ปีที่ผ่านมา ประชากรช้างเอเชียลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมนุษย์เริ่มตัดไม้ขลิบป่าไปทีละนิด ๆ จนช้างเหล่านี้สูญเสียที่อยู่อาศัย ทำให้มีช้างล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก มิเพียงแค่ในกรณีของช้างเอเชียเท่านั้น แต่ใน "IUCN Red List" หรือบัญชีแดงขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติได้ระบุชัดเจนว่าสาเหตุที่ทำให้สัตว์หลายหมื่นชนิดตกอยู่ในความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์คือ กิจกรรมของมนุษย์ เช่น การลักลอบค้าสัตว์ การขยายโครงสร้างเมือง หรือการรุกรานพื้นที่ป่า และที่เป็นปัญหามากที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ในข่าวร้าย ยังมีข่าวดี ต้องบอกตามตรงว่าแม้มีสัตว์หลายหมื่นชนิด ที่มีความเสี่ยงสูงใกล้สูญพันธุ์ แต่อย่างไรก็ตาม IUCN เปิดเผยว่าในขณะเดียวกัน ในปีเดียวกันนี้ มีสัตว์บางชนิด ที่เดิมทีอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ แต่ปัจจุบันมีเพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้ว ยกตัวอย่างเช่น แมวป่าในไอบีเรีย ที่เมื่อปี 2544 มีประชากรอยู่แค่ 62 ตัว แต่เพิ่มเป็น 648 ตัวในปี 2562 และล่าสุดมีมากกว่า 2,000 ตัวแล้วในปัจจุบัน ที่บอกว่าเป็นข่าวดีเพราะว่า IUCN ได้ทำการเก็บรวมรวมข้อมูล และพบว่าการฟื้นฟูป่าเมดิเตอร์เรเนียนมีส่วนเชื่อมโยงให้แมวสายพันธุ์นี้มีประชากรเพิ่มมากขึ้น ย้ำทิ้งท้ายกันอีกครั้ง ปีนี้ โลกมีสัตว์ที่ตกอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1,000 ตัว บัญชีแดงของ IUCN แจ้งไว้ชัดเจนแล้วว่าต้นตอปัญหามาจากเหตุผลอะไร ดังนั้น อย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว เพราะหากรอให้สัตว์สูญพันธุ์ไปก่อน การไปฟูมฟายย้อนหลังคงไม่เกิดประโยชน์ใดใดขึ้นมา ที่มา: Euro News https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/851238
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
ระวัง! "แมงกะพรุนหัวขวด" บุก ทะเลภูเก็ต - กระบี่ เตือนพิษอันตรายถึงชีวิต SHORT CUT - เกาะไม้ไผ่ หมู่เกาะพีพี จ. กระบี่ มีนักท่องเที่ยวถูกพิษแมงกะพรุนหัวขวดไปแล้ว 5 ราย - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า มีนักท่องเที่ยว 3 ราย ได้รับพิษแมงกะพรุนหัวขวดที่อ่าวหลา อ่าวทือ เกาะราชาใหญ่ จ.ภูเก็ต - วิธีปฐมพยาบาล: ใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณที่ได้รับพิษ, ห้ามใช้น้ำเปล่า น้ำแข็ง เหล้า โซดา ราดโดยเด็ดขาด, ห้ามขัด ถู หรือขยี้บริเวณที่ได้รับพิษ, หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที ใครเตรียมชุดว่ายน้ำไปเที่ยวทะเล ระวัง! เพราะขณะนี้ ทะเลกระบี่-ภูเก็ต ได้รับแจ้งว่าพบ "แมงกะพรุนหัวขวด" ซึ่งเป็นแมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรง SPRiNG ชวนดูวิธีสังเกตอาการ พร้อมวิธีปฐมพยาบาล "แมงกะพรุนหัวขวด" ระบาด ทะเลภูเก็ต - กระบี่ ใครมีแพลนไปลงเล่นน้ำในทะเล ช่วงนี้หัวใจอาจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะล่าสุด อุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้รับแจ้งว่ามีการพบ ?แมงกะพรุนหัวขวด? ที่เกาะพีพี ขณะที่ เกาะราชาใหญ่ จ.ภูเก็ต ก็ได้รับแจ้งว่ามีการพบแมงกะพรุนชนิดนี้เช่นกัน หัวหน้าอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาะไม้ไผ่ หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ มีนักท่องเที่ยวถูกพิษแมงกะพรุนหัวขวดไปแล้ว 5 ราย ในส่วนของอุทยานฯ มีมาตรการเบื้องต้นคือ การขึ้นธงแดง เตือนห้ามลงเล่นน้ำทะเลในบริเวณดังกล่าวชั่วคราว พร้อมเร่งตรวจสอบในจุดอื่น ๆ เพิ่มเติม สำหรับ จ.ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่าได้รับแจ้งพบแมงกะพรุนหัวขวดบริเวณอ่าวหลา อ่าวทือ เกาะราชาใหญ่ จ.ภูเก็ต ซึ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีนักดำน้ำและคนเรือถูกพิษแมงกะพรุนหัวขวดไปแล้ว 3 ราย เบื้องต้น ขอให้นักท่องเที่ยว หรือผู้ทำกิจกรรมทางทะเลในบริเวณดังกล่าวระมัดระวัง วิธีสังเกตแมงกะพรุนหัวขวด แมงกะพรุนหัวขวด หรือ Blue Bottle Jellyfish มีวิธีสังเกตง่าย ๆ คือส่วนบนลอยโผล่พ้นน้ำคล้ายลูกโป่ง มีรูปร่างรี ยาว ลักษณะคล้ายคลึงกับหมวกของทหารเรือโปรตุเกส อีกหนึ่งจุดเด่นที่สังเกตได้ง่าย ๆ คือหนวดยาวสีฟ้า หรือสีม่วง ที่เป็นอันตรายเพราะว่าแมงกะพรุนหัวขวดมีเข็มพิษ หรือ Nematocyst ไว้สำหรับป้องกันตัว และจับเหยื่อ กระจ่ายอยู่ทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหนวด ดังนั้น เมื่อเห็นแมงกะพรุนที่มีลักษณะดังนี้ หนีได้หนี! ลักษณะอาการ โดยปกติแล้ว คนที่สัมผัส หรือได้รับพิษจากแมงกะพรุนหัวขวดจะมีอาการคัน และปวดแสบปวดร้อนในเบื้องต้น หากใครรู้ตัวว่าสัมผัสแมงกะพรุนชนิดนี้ขอให้อดกลั้นใจเอาไว้ และอย่าเกา เด็ดขาด สปริงนิวส์ชวนดูวิธีปฐมพยาบาลที่ถูกต้องด้านล่าง วิธีปฐมพยาบาล - ใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณที่ได้รับพิษ ต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วินาที - ห้ามใช้น้ำเปล่า น้ำแข็ง เหล้า โซดา ราดโดยเด็ดขาด เพราะพิษจะยิ่งแพร่กระจายมากยิ่งขึ้น - ห้ามขัด ถู หรือขยี้บริเวณที่ได้รับพิษ เพราะพิษจะยิ่งแพร่กระจายเร็วขึ้น - หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที ช่วงนี้ใครเตรียมชุดว่ายน้ำจะไปแหวกว่ายในทะเล พักไว้ชั่วคราวก็เป็นเรื่องดี เพราะหากได้รับพิษของมันขึ้นมาอาจได้ไม่คุ้มเสีย เพราะมีรายงานว่าผู้ที่แพ้พิษของแมงกะพรุนหัวขวดอาจได้รับอันตรายถึงชีวิต ที่มา: อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/851248
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|