|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นไว้ด้วย ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ยังคงมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวมีกำลังอ่อนลง และการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 23 ? 25 มี.ค. 67 ความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนในวันที่ 26 ? 28 มี.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น โดยมีลักษณะของฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนไว้ด้วย ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 26 ? 28 มี.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นบางพื้นที่
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
เผยผลศึกษาฟอสซิลสัตว์เลื้อยคลานทางทะเลคอยาวที่เก่าแก่ หลังการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสซิก (Permian-Triassic) เมื่อ 252 ล้านปีก่อน สัตว์เลื้อยคลานชนิดใหม่มีความหลากหลายอย่างรวดเร็วทั้งบนบกและในน้ำในช่วงต้นยุคไทรแอสซิก รวมถึงสัตว์เลื้อยคลานทะเลคอยาวกลุ่มแรกด้วย การพัฒนาทางชีววิทยาเชิงวิวัฒนาการที่ซับซ้อนเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร กลายเป็นหัวข้อสำคัญของการวิจัย และหนึ่งในหลักฐานที่นักบรรพชีวินวิทยาสนใจศึกษามาต่อเนื่องก็คือ Trachelosaurus fischeri สัตว์เลื้อยคลานทางทะเลที่ถูกค้นพบในศตวรรษที่ 19 ที่แหล่งฟอสซิลในเมืองแบรนบวร์ก อัน เดอ ซาล ในเยอรมนี Trachelosaurus fischeri ได้รับการอธิบายครั้งแรกในปี พ.ศ.2461 แต่ยังคงมีข้อโต้แย้งว่าฟอสซิลนี้เป็นตัวแทนของสัตว์เลื้อยคลานชนิดใดกันแน่ เนื่องจากโครงกระดูกไม่สมบูรณ์และซากของมันก็กระจัดกระจายไปทั่วหินที่ซากมันถูกเก็บรักษาไว้ ล่าสุด ทีมนักบรรพชีวินวิทยานานาชาตินำโดยนักบรรพชีวินวิทยาจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติสตุตการ์ต ในเยอรมนี เผยว่าหลังตรวจสอบฟอสซิล Trachelosaurus fischeri และเปรียบเทียบโครงสร้างทางกายวิภาคกับฟอสซิลของ ไดโนเซฟาโลซอรัส (Dinocephalosaurus) สัตว์เลื้อยคลานทะเลที่คล้ายกันจากจีน ทีมนักบรรพชีวินวิทยาเผยว่า โครงสร้างทางกายวิภาคบ่งชี้ว่า Trachelosaurus fischeri มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับไดโนเซฟาโลซอรัส และน่าจะเป็นฟอสซิลกลุ่มแรกของสัตว์เลื้อยคลานกลุ่มนี้ที่ถูกพบนอกประเทศจีน ทั้งยังเป็นสัตว์เลื้อยคลานทะเลคอยาวที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เชื่อว่ามันถูกพัดพาไปในทะเลน้ำตื้นเมื่อ 247 ล้านปีก่อน. Credit : Swiss Journal of Palaeontology (2024). DOI: 10.1186/s13358-024-00309-6 https://www.thairath.co.th/news/foreign/2772072
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
ฝีมือมนุษย์ทิ้งขยะลงแม่น้ำ สร้างกองขยะท่วมชายฝั่งอินโดฯ SHORT CUT - ขยะซัดเข้าท่วมชายฝั่งอินโดนีเซีย ประเทศที่สร้างขยะพลาสติกมากที่สุดอีกหนึ่งประเทศของโลก - ชายหาดของหมู่บ้านประมงทางตะวันตกของเกาะชวา กลายเป็นหนึ่งในชายหาดที่สกปรกที่สุด - ชาวประมงทุกข์ระทม อาศัยอยู่ท่ามกลางขยะเกลื่อนหาด ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ล้วนๆ เพผู้คนทิ้งขยะลงแม่น้ำ จนไหลมาสร้างภูเขาขยะที่ทะเล จะรู้สึกแย่แค่ไหน หากเราตื่นมาเจอกับภูเขาขยะ เกลื่อนกลาดเต็มหน้าบ้าน แทนที่จะได้ชมวิวทะเล หาดทรายขาว น้ำใส ตามประสาคนมีบ้านริมทะเล ความรู้สึกของชาวประมงในหมู่บ้านเตลัค ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดบันเต็น ทางตะวันตกของเกาะชวา คงจะแย่ไม่น้อย เมื่อชายหาดของพวกเขากลายมาเป็นหนึ่งในชายหาดที่สกปรกที่สุดของอินโดนีเซีย หลังพายุฝนทำให้เกิดคลื่นลมแรงในทะเล และคลื่นเหล่านั้นได้พัดพาเอาขยะจำนวนมากที่ลอยอยู่ในทะเลเข้าหาฝั่ง หลายภูมิภาคที่ติดมหาสมุทรของประเทศอินโดนีเซียกำลังประสบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพราะขยะที่ถูกทิ้งลงทะเล ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ขยะถูกคลื่นลมซัดเข้ากลับขึ้นชายฝั่ง จนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมทะเล โซลิกาห์ แม่บ้านชาวอินโดนีเซีย อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มานานถึง 40 ปีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์สทั้งน้ำตา เธอชี้ไปที่ขยะเหล่านั้นซึ่งเกลื่อนชายหาด และบอกว่า เราไม่สามารถคาดเดาสภาพอากาศได้ "ขยะพวกนี้ เกิดจากการที่ภูเขาขยะพลาสติกมากมายล้นทะลักลงสู่แม่น้ำ จากแม่น้ำ พวกมันก็ล่องลอยลงสู่ทะเล แต่เมื่อคลื่นลมในทะเลพัดแรง ก็ทำให้ขยะเหล่านั้นกลับขึ้นสู่ฝั่งอีกครั้ง" ฟิคริ จูฟรี ซึ่งทำหน้าที่นำชุมชนทำความสะอาดชายหาด สะท้อนปัญหาว่า ทุกๆปี ฝนและลมแรงได้พัดพาเอาขยะจากทะเลเข้าหาชายฝั่ง ขยะที่พบเห็นมีตั้งแต่ซองขนม ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือ แม้กระทั่งรองเท้าแตะ สิ่งเหล่านี้อยู่เกลื่อนชายหาด ขณะที่ชาวบ้านเองก็อาศัยอยู่ริมชายฝั่ง เมื่อปีที่แล้ว มีนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมกลุ่มหนึ่งรวบรวมขยะพลาสติกที่ชายหาดหมู่บ้านเตลัคได้เป็นหลายตัน พวกเขาถ่ายวิดีโอเอาไว้ และวิดีโอเหล่านั้นก็กลายมาเป็นไวรัลบนติ๊กต่อกด้วย ฝีมือมนุษย์ทิ้งขยะลงแม่น้ำ สร้างกองขยะท่วมชายฝั่งอินโดฯอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตขยะพลาสติกซึ่งในท้ายที่สุด มันจะไปจมอยู่ในทะเล มากที่สุดในโลก โดยข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกแห่งอินโดนีเซีย และ สำนักงานสถิติกลางคาดการณ์ว่า อินโดนีเซียสร้างขยะพลาสติกปีละราว 64 ล้านตัน และ ในจำนวนนี้ 3.2 ล้านตันจะกลายไปเป็นขยะในทะเลในท้ายที่สุด สาเหตุเป็นเพราะว่า ชาวอินโดนีเซียนิยมใช้ถุงพลาสติก แม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ก็ยังทำนิยมทำมาจากพลาสติกเพราะมีราคาถูก ถึงแม้ว่าจะมีขยะมากมาย แต่สิ่งที่ชาวประมงท้องถิ่นเดือดร้อนที่สุด คือ ปัญหาสภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลกระทบต่อชีวิตพวกเขา จายาดี ชาวประมงวัย 33 ปีบอกว่า คลื่นลมแรงในช่วงเกิดฝนตกทำให้เขาไม่สามารถออกไปตกปลาได้ และ นั่นทำให้รายได้หดหาย ทั้งที่ในเดือนหน้า เขาและครอบครัวต้องเตรียมตัวเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญของชาวมุสลิม ที่มา : Reuters https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/848813
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|