|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป แนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคเหนือ และภาคกลางตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย รวมทั้งระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 9 ? 14 พ.ค. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง รวมทั้งมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ ในช่วงวันที่ 9 ? 11 พ.ค. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 12 ? 14 พ.ค. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน เริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมทั้งมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย รวมทั้งระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
พบปะการังฟอกขาวร้อยละ 10-15 ที่เกาะรอก เกาะห้า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา กระบี่ - อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ร่วมกับ "สิรณัฐ สก๊อต" ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาว ที่เกาะรอก และเกาะห้า พบร้อยละ 10-15 ส่วนใหญ่เป็นปะการังโขด นายพันธ์พงศ์ คงแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ ให้ข้อมูลว่า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ ร่วมกับนายสิรณัฐ สก๊อต ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาว และสำรวจขยะทะเล บริเวณเกาะรอก และเกาะห้า ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา แหล่งท่องเที่ยวดำน้ำที่สำคัญ พื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ โดยได้ทำการดำน้ำสำรวจปะการังบริเวณเกาะรอก ที่ระดับความลึกประมาณ 1-5 เมตร พบปะการังฟอกขาวในพื้นที่ 10-15% ซึ่งปะการังโขด เป็นปะการังที่ฟอกขาวมากที่สุด และยังพบสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ฟอกขาว เช่น หอยมือเสือ ดอกไม้ทะเล และที่เกาะห้า ที่ระดับความลึกประมาณ 1-5 เมตร พบปะการังฟอกขาวในพื้นที่ 5% ซึ่งปะการังโขด เป็นปะการังที่ฟอกขาวมากที่สุด โดยทั้ง 2 จุด อุณหภูมิของน้ำทะเลอยู่ที่ 31 องศาเซลเซียส นายพันธ์พงศ์ คงแก้ว กล่าวว่า ส่วนบริเวณน้ำลึกจะพบการฟอกขาวเพียงบางส่วนเท่านั้น ปะการังยังคงมีความสมบูรณ์สวยงาม อย่างไรก็ตาม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาวต่อไป ส่วนขยะทะเลที่พบส่วนใหญ่เป็นซากอวนเก่าน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม https://mgronline.com/south/detail/9670000039764
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ทะเลเดือด สั่งปิด "เกาะปลิง" จ.ภูเก็ตชั่วคราว ตรวจพบปะการังฟอกขาว ภูเก็ต - ทะเลเดือด! น้ำร้อนจัดทำปะการังฟอกขาว อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ประกาศปิด "เกาะปลิง" ชั่วคราว หลังพบแนวปะการังฟอกขาว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ลดผลกระทบจากกิจกรรมทุกประเภท จากกรณีเกิดฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวขึ้นในหลายพื้นที่ ล่าสุด นายวัชระ ส่งสีอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้ประกาศปิดสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณ "เกาะปลิง" และแนวปะการังโดยรอบเป็นการชั่วคราว เนื่องจากที่ผ่านมา ทางอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จังหวัดภูเก็ต สำรวจติดตามสถานการณ์การฟอกขาวของปะการังในพื้นที่ พบว่า บริเวณเกาะปลิงและแนวปะการังโดยรอบซึ่งเป็นปะการังน้ำตื้น มีการฟอกขาวจำนวนมาก เพราะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทางอุทยานแห่งชาติสิรินาถ พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการัง รวมถึงลดผลกระทบจากกิจกรรมประเภทต่างๆ ที่อาจเป็นการเร่งให้ปะการังเกิดการฟอกขาวมากขึ้น จึงประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวบริเวณ ?เกาะปลิง? และแนวปะการังโดยรอบเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์การฟอกขาวของปะการังจะคลี่คลายลง https://mgronline.com/south/detail/9670000039570
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
สุดสะพรึง พบปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ทั่วหาดเกาะลิบง หวั่นกระทบ พะยูน-สิ่งแวดล้อม ตรัง สุดสะพรึง ชาวบ้าน-นักท่องเที่ยว กังวลพบปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ทั่วหาดเกาะลิบง หวั่นกระทบรุนแรง แหล่งอนุรักษ์พะยูน-สิ่งแวดล้อม วอนเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน 8 พ.ค. 67 ? ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้าน-นักท่องเที่ยว สุดกังวลพบปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวในทะเลตรัง อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ยังคงเกิดขึ้นและขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนนี้ เพิ่งเกิดกับดอกไม้ทะเล แหล่งอาศัยของปลานีโม่ ที่บริเวณอ่าวฝรั่ง ของเกาะมุก ในพื้นที่ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ทำให้มีดอกไม้ทะเลฟอกขาวเป็นจำนวนมาก ล่าสุดได้เกิดเพิ่มขึ้นที่บริเวณหาดหลังเขา ของเกาะลิบง ซึ่งถือเป็นแหล่งอนุรักษ์พะยูนและแหล่งหญ้าทะเลที่ใหญ่สุดของประเทศไทย โดยหลังจากที่น้ำทะเลได้ลดลง ก็ต้องกับตกตะลึงกับภาพปะการังจำนวนมากที่โผล่อยู่ทั่วชายหาด ในสภาพที่บางส่วนมีสีซีดจางลง หรือบางส่วนกลายเป็นสีขาวไปหมดแล้ว ทั้งที่ปกติปะการังเหล่านี้จะมีความสวยงามหลากหลากสีสัน นายจิตตพล ตันอนุสรณ์ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นผู้ถ่ายคลิปปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ที่หน้า เลอ ดูก๊อง ลิบง รีสอร์ท บริเวณหาดหลังเขา ของเกาะลิบง หลังจากที่น้ำทะเลลดลง โดยระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวอย่างมาก เนื่องจากเดิมทีบริเวณนี้จะเป็นจุดที่มีปะการังสมบูรณ์มากมาย เช่น ปะการังสมอง ปะการังรังผึ้ง ปะการังตาข่าย ปะการังเขากวาง ทำให้มีปลาและหอย รวมทั้งสิ่งมีชีวิตต่างๆ มาอาศัยอยู่จำนวนมาก แต่เมื่อมาเกิดปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวรุนแรงเช่นนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ทำให้ตนเองรู้สึกกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างมาก และอยากให้ทุกฝ่ายรีบเร่งช่วยกันแก้ปัญหาโดยด่วน https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8222686
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
พัชรวาท สั่งแก้วิกฤต ปะการังฟอกขาว อ่าวไทย-อันดามัน จี้หามาตรการรับมือทุกมิติ "พัชรวาท" สั่งแก้วิกฤต ปะการังฟอกขาว อ่าวไทย-อันดามัน จี้ กรมทรัพยากรทางทะเลฯ หามาตรการรับมือทุกมิติ แจ้ง กรมอุทยานแห่งชาติฯ ปิดจุดดำน้ำบางแห่ง 8 พ.ค. 67 ? ที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงสถานการณ์ปะการังฟอกขาว ว่า สถานการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พบว่ามีความรุนแรงในฝั่งอ่าวไทยมากกว่าฝั่งอันดามัน โดยเกิดการฟอกขาวแล้วมากกว่า 50% ของพื้นที่แนวปะการังฝั่งอ่าวไทย เช่น พื้นที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะคราม จ.ชุมพร สำหรับในฝั่งอันดามันพบการฟอกขาว ไม่เกิน 20% ของพื้นที่ โดยส่วนใหญ่เกิดในบริเวณที่มีความลึกไม่เกิน 2 เมตร เช่น เกาะรอก จ.ตรัง ส่วนใหญ่จะพบว่าปะการังมีสีซีด ซึ่งเป็นผลกระทบจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 2 สัปดาห์ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า ขณะนี้มหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์เอลนีโญ El Ni?o-Southern Oscillation (ENSO) ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย (SST) และมีการคาดการณ์ว่า จะเกิดปะการังฟอกขาวในประเทศไทย ช่วงระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ค. 67 โดยระดับความรุนแรงอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ที่แนวปะการังพื้นที่ จ.ตราด จ.จันทบุรี จ.ชุมพร และจ.กระบี่ อันเป็นสัญญาณบ่งชี้ของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก หรือที่เรียกกันว่า โลกเดือด เมื่อน้ำทะเลร้อนขึ้นปะการังที่มีความอ่อนไหวมากๆ ก็จะเกิดการฟอกขาว เพราะสาหร่าย "ซูแซนเทลลี" จะอพยพออกจากเนื้อเยื่อของปะการัง เพื่อแสวงหาสภาพแวดล้อมใหม่ให้มีชีวิตรอด ทำให้ปะการังสูญเสียแหล่งอาหารสำคัญ และเหลือเพียงโครงสร้างหินปูนสีขาว รมว.ทส. ระบุอีกว่า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ปะการังฟอกขาว เช่น การปล่อยน้ำบำบัดหรือสารเคมีต่างๆ จากโรงงานอุตสาหกรรมลงสู่ทะเล น้ำจืดที่ไหลลงสู่ทะเลในปริมาณมากส่งผลต่อสภาพความเค็มของน้ำทะเล ดังนั้น จึงขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชน และหน่วยงานทุกภาคส่วนให้ช่วยกันลดปัจจัยที่จะเพิ่มความเครียดให้กับปะการัง เช่น การใช้ครีมกันแดดที่ไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อปะการัง การไม่ทิ้งขยะในแนวปะการัง และไม่ปล่อยน้ำเสียลงในทะเล ทั้งนี้หากพบเห็นการเกิดปะการังฟอกขาว สามารถแจ้งข่าวสารผ่านเว็บไซต์ https://thailandcoralbleaching.dmcr.go.th/th เพื่อทุกฝ่ายจะได้เตรียมพร้อมรับมือและลงพื้นที่ติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ปะการังฟอกขาวอย่างใกล้ชิดต่อไป พัชรวาท กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้สั่งการ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาปิดจุดดำน้ำบางแห่ง ที่พบปะการังฟอกขาวเป็นจำนวนมาก และให้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งฯ พยายามช่วยชีวิตปะการัง โดยดำเนินการตามหลักวิชาการ เช่น การลดปริมาณแสงโดยการใช้วัสดุปิดบังแสงในแนวปะการังน้ำตื้น และการย้ายปะการังบางชนิดลงไปในระดับน้ำที่ลึกมากขึ้น และที่มีอุณหภูมิน้ำต่ำกว่าปกติ เพื่อให้ปะการังได้พักฟื้นกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์ดังเดิมอีกครั้ง https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8222667
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
เร่งชันสูตร "ซากพะยูน" เกาะพีพี ถูกใบพัดเรือฟัน 2 แผลใหญ่ เจ้าหน้าที่นำซาก "พะยูน" ส่งชันสูตร หลังพบลอยทะเลบริเวณร่องน้ำ ท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา พบ 2 บาดแผลใหญ่ ถูกใบพัดเรือฟัน พร้อมลงบันทึกประจำวัน-หาตัวผู้กระทำผิด วันที่ 7 พ.ค.2567 เวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการเรือหางยาว พบซากพะยูนลอยอยู่ในทะเลบริเวณร่องน้ำปากทางเข้าคลองแห้ง ท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา หมู่ที่ 5 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันลากพะยูนเข้าฝั่ง นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติฯ เข้าตรวจสอบพบเป็นพะยูนตัวเมีย เต็มวัย น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม มีร่องรอยถูกใบจักรเรือฟันบริเวณหัว เป็นแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ 2 แผล ขณะตรวจสอบเบื้องต้น พะยูนยังมีชีวิต จึงกดแผลห้ามเลือด และประสานสัตว์แพทย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (จังหวัดตรัง) ประเมินอาการ ต่อมาพะยูนดังกล่าวหยุดหายใจและตายลง ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานนำซากส่งศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง เพื่อตรวจสอบชันสูตรโดยละเอียด นอกจากนี้ หัวหน้าอุทยานฯ ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่จัดทำบันทึกการตรวจสอบ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พบการเข้ามาอยู่อาศัยของพะยูนค่อนข้างน้อย โดยเป็นการอพยพหากินตามแหล่งอาหารในแต่ละช่วงฤดูกาล ส่วนพื้นที่เกิดเหตุเป็นบริเวณเส้นทางเข้าออกของเรือนำเที่ยวจำนวนมาก ทั้งเรือสปีดโบ๊ท เรือหางยาว หากมีพะยูนเข้ามาอาศัยในพื้นที่ดังกล่าวจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย ทั้งนี้ อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จะเร่งสำรวจการเข้ามาหากินของพะยูนในพื้นที่ดังกล่าว และประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวใช้ความระมัดระวังในการขับเรือ ลดความเร็วเรือขณะเข้าพื้นที่น้ำตื้น ซึ่งอาจเป็นพื้นที่ที่มีพะยูนเข้ามาหากิน https://www.thaipbs.or.th/news/content/339777
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|