เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 12-05-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา

สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ทั้งนี้เนื่องจากมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนจากประเทศเมียนมาเข้าปกคลุมภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ส่วนลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคใต้ อ่าวไทย และทะเลอันดามันทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 11 - 12 พ.ค. 64 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 13 - 17 พ.ค. 64 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนจากประเทศเมียนมาเข้าปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคใต้


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 13 - 17 พ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ระมัดระวังจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 12-05-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


"พระมหากรุณาธิคุณต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน" ทำให้วันนี้ระบบนิเวศป่าสมดุลอย่างยั่งยืน

หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ทรัพยากรป่าชายเลนอันสมบูรณ์ของประเทศไทยในวันนี้ เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงเล็งเห็นความสำคัญของทรัพยากรป่าชายเลนที่มีความสำคัญ และคุณค่าอันมากมายทั้งทางตรงและทางอ้อม



เมื่อวานนี้ (10 พ.ค.2564) วันป่าชายเลนแห่งชาติ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่10 พฤษภาคม 2534 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับป่าชายเลนเป็นครั้งแรก ในพระราชพิธีแรกนาขวัญหว่านข้าว ณ บริเวณสวนจิตรลดา ความตอนหนึ่งว่า "...ป่าชายเลนมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศของพื้นที่ชายฝั่งทะเลและอ่าวไทย แต่ปัจจุบันป่าชายเลนของประเทศไทยเรากำลังถูกบุกรุกและถูกทำลายลงไปโดยผู้แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน จึงควรหาทางป้องกัน อนุรักษ์ และขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นโกงกาง เป็นไม้ชายเลนที่แปลกและขยายพันธุ์ค่อนข้างยาก เพราะต้องอาศัยระบบน้ำขึ้นน้ำลงในการเติบโตด้วย จึงขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องคือ กรมป่าไม้ กรมประมง กรมชลประทาน และกรมอุทกศาสตร์ ร่วมกันหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการทดลองขยายพันธุ์โกงกางและปลูกสร้างป่าชายเลนกันต่อไป..."

เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด ในการทรงงาน ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระชนกนาถ เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 คณะรัฐมนตรีภายใต้การบริหารงานของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้วันที่ 10 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น "วันป่าชายเลนแห่งชาติ" ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ อันแสดงถึงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้น้อมนำแนวพระราชดำรัสมาดำเนินงาน เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนอันได้แก่ การประชาสัมพันธ์ รณรงค์ปลูกป่าชายเลน และฟื้นฟูป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาพื้นที่ป่าชายเลนของประเทศให้ยังคงความสมบูรณ์ และฟื้นฟูป่าชายเลนที่เสื่อมโทรมให้คงความสมบูรณ์ดังเดิม ซึ่งการดำเนินงานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิทักษ์ รักษา และฟื้นฟูเพื่อให้เกิดการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เนื่องในวันป่าชายเลนแห่งชาติ 10 พฤษภาคม 2564 รัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ได้ช่วยกันอนุรักษ์ ดูแล ป้องกันรักษา และปลูกฟื้นฟูป่าชายเลนให้คงความอุดมสมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้ป่าชายเลนได้เอื้อประโยชน์ สร้างความสุข สร้างรายได้ ให้พี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืนตลอดไป และขอเชิญร่วมกันปลูกป่าชายเลน โดยติดต่อขอรับกล้าไม้ป่าชายเลนฟรี ได้ที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1-10 และศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนทั่วประเทศ


ถามว่า..ระบบนิเวศป่าชายเลนสำคัญอย่างไร

ป่าชายเลน (mangrove forest หรือ intertidal forest) หมายถึง กลุ่มสังคมพืชที่ประกอบด้วยพันธุ์ไม้หลายชนิดที่ไม่ผลัดใบหรือมีใบเขียวชอุ่มตลอดปี (evergreen species) มีลักษณะทางสรีระและความต้องการสิ่งแวดล้อมที่คล้ายกัน พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้สกุลโกงกาง (Rhizophora) เป็นระบบนิเวศที่อยู่ในแนวเชื่อมต่อระหว่างผืนแผ่นดินกับพื้นน้ำทะเลในเขตร้อน (Tropical) และกึ่งร้อน (Subtropical) ของโลกประกอบด้วยสังคมพืชและสัตว์หลากชนิด ซึ่งดำรงชีวิตร่วมกันภายใต้สภาพแวดล้อมที่เป็นดินเลนน้ำกร่อย และมีน้ำทะเลท่วมถึงอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น ป่าชายเลนจึงพบได้ในบริเวณที่เป็นชายฝั่งทะเล ปากแม่น้ำ อ่าว ทะเลสาบ และรอบเกาะแก่งต่างๆ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล เราจึงเรียก ป่าชายเลนว่า "ป่าโกงกาง" ได้อีกชื่อหนึ่งตามพันธุ์ไม้สำคัญและพบเป็นจำนวนมาก นั่นคือ ไม้โกงกาง

"ระบบนิเวศป่าชายเลน เป็นระบบนิเวศที่อยู่ในแนวเชื่อมต่อ (ecotone) ระหว่างผืนแผ่นดินกับพื้นน้ำทะเลในเขตร้อน (tropical region) และกึ่งร้อน (subtropical region) เป็นระบบที่นำเอาทรัพยากรน้ำ ดิน และแร่ธาตุต่างๆ จากบกและทะเลมาปรุงแต่งให้เป็นแหล่งทรัพยากรที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและคุณค่าสูง ขณะเดียวกันตัวเองจะทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่คอยปกป้องและรักษาไว้ซึ่ง ความสมดุลของสิ่งแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการเป็นแหล่งกำเนิดห่วงโซ่อาหาร (food chain) ของมวลมนุษย์ชาติอย่างยั่งยืนนั่นเอง"


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000045076

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 12-05-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


สุดฮือฮา! นทท.เจอปลาทะเลน้ำลึก สุดหายากเกยตื้นตายปริศนาริมหาด

ชาวเน็ตทั่วโลกสุดฮือฮา หลังนักท่องเที่ยวพบ 'ปลาประหลาด' จากทะเลน้ำลึกกว่า 1,000 เมตร สุดหายากเกยตื้นตายปริศนาริมหาดสหรัฐอเมริกา



เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก Davey?s Locker Sportfishing & Whale Watching ได้เปิดเผยภาพสุดฮือฮาของ 'สัตว์ทะเลน้ำลึก' ที่มีหน้าตาสุดประหลาด ซึ่งมีขนาดประมาณ 50 เซนติเมตร โดยซากของสัตว์ทะเลน้ำลึกชนิดนี้นั้นถูกพบเกยตื้นบริเวณชายฝั่งอุทยาน คริสตัล โคฟ สเตท ปาร์ค รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยนักท่องเที่ยวรายหนึ่ง

สัตว์ทะเลน้ำลึกหน้าตาประหลาดนี้ถูกระบุว่าเป็น 'ปลาฟุตบอลแปซิฟิก' เป็นหนึ่งในกว่าสามร้อยสายพันธุ์ของ 'ปลาตกเบ็ด' โดยปกติปลาชนิดนี้จะอาศัยอยู่ที่ระดับความลึกมากกว่า 1,000 เมตรใต้ผิวน้ำ ซึ่งแม้แต่แสงแดดเองก็ยังไม่สามารถส่องถึงได้ ถึงแม้ว่าปลาตัวนี้จะไม่ได้มีจำนวนน้อย แต่ก็ไม่ง่ายที่จะพบเห็นตัวพวกมันได้ โดยเฉพาะบนหาดทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

ซากของปลาฟุตบอลแปซิฟิกที่พบในครั้งนี้ ถือว่าเป็นซากที่สมบูรณ์มาก และยังคงซึ่งรายละเอียดทุกอย่างไว้ได้อย่างชัดเจน โดยสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดของปลาชนิดนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น 'อวัยวะพิเศษ' ที่มีลักษณะคล้ายคันเบ็ด ที่ยื่นออกมาจากหัว และที่ส่วนปลายของเบ็ดนี้สามารถเรืองแสงออกมาได้ เพื่อล่อเหยื่อให้มาติดกับนั่นเอง

โดยการเรืองแสงที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง เมื่อปลาชนิดนี้ต้องการล่าเหยื่อก็จะกระตุ้นให้แบคทีเรียเรืองแสง และอีกสิ่งที่น่าประหลาดนั่นก็คือขนาดของ 'ปาก' ที่ใหญ่กว่าปกติ นั่นก็เพราะพวกมันสามารถขยายขนาดของกรามและกระเพาะอาหารได้ และกระดูกของปลาชนิดนี้ยังมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้พวกมันสามารถกินอาหารที่ใหญ่กว่าตัวเองได้แบบสบาย ๆ และภายในปากยังมีฟันที่แหลมคมมาก เพื่อป้องกันการหลบหนีของเหยื่ออีกด้วย



แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นนั่นก็คือ 'การขยายพันธุ์' ของพวกมัน ด้วยขนาดที่แตกต่างกัน โดยเพศเมียนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเพศผู้มาก ทำให้เวลาผสมพันธุ์นั้นเพศผู้นั้นจะใช้ฟันเกาะติดเพศเมีย แล้วผสานตัวของมันเข้ากับร่างกายของเพศเมีย โดยจะสลายดวงตาและอวัยวะภายในจนเหลือแต่อวัยวะสืบพันธุ์ และเมื่อเพศเมียวางไข่ เพศผู้ก็จะฉีดน้ำเชื้อเข้าไปผสมทันที

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จากคริสตัลโคฟสเตทปาร์ค ได้ออกมาเปิดเผยว่าในตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมปลาทะเลน้ำลึก ถึงได้ขึ้นมาเกยตื่นอยู่ในบริเวณชายหาดดังกล่าวในสภาพที่สมบูรณ์มากขนาดนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือว่าเกิดขึ้นได้ยากมาก และจะมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป


https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6391014

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 12-05-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก อสมท.


ชาวบ้านจับ "จักจั่นทะเล" ทำเมนูอาหาร-สร้างรายได้

ที่ชายทะเลหาดท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ซึ่งเป็นหาดที่ธรรมชาติมีความสมบูรณ์และสวยงาม

ช่วงนี้กำลังเป็นฤดูกาลที่จักจั่นทะเลขึ้นมาวางไข่และหากินตามริมชายหาดเป็นจำนวนมาก ทำให้ในแต่ละวันจะมีชาวบ้านในพื้นที่และใกล้เคียงมาจับจักจั่นทะเลไปประกอบอาหารทานเองและนำไปจำหน่ายเป็นอาชีพเสริมกันเป็นจำนวนมาก

โดยเมนูเด็ดที่นำไปประกอบอาหารคือเมนูจักจั่นทะเลชุบแป้งทอด ซึ่งจะนำตัวจั๊กจั่นไปล้างด้วยน้ำจืด จากนั้นก็แกะกระดองออกนำไปชุบแป้งลงทอดในน้ำมันร้อนๆแล้วนำมาจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด เมื่อเข้าปากเคี้ยวแล้วต่างก็บอกว่าหรอยจังฮู้




https://www.mcot.net/view/NN2CoaxA

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 12-05-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE


เมื่อภาพแทนสวนทางกับความจริง : เรื่องราวของฉลามผ่านมุมมองนักดำน้ำ .................. โดย Jack Bullet


? Alex Hofford / Greenpeace

ตั้งแต่ Jaws (1975), Deep Blue Sea (1999) ไปจนถึง The Shallows (2016) ภาพยนตร์จากอดีตจนถึงปัจจุบันหลายต่อหลายเรื่องมักวาดฉลามให้เป็นอสูรกายที่พร้อมขย้ำเหยื่อทุกครั้งที่ได้กลิ่นคาวเลือด

แจ็ค บุลเลต (Jack Bullet) เป็นหนึ่งคนที่ติดภาพ "ฉลามนักฆ่า" จนกระทั่งอายุยี่สิบกว่าเพราะรายการทีวีที่เขาดูตั้งแต่เด็ก แม้กระทั่งตอนดำน้ำครั้งแรกก็ยังคิดว่าฉลามคือนักฆ่าเลือดเย็น

"ครั้งแรกที่เห็นฉลามตัวเป็นๆ ผมคิดว่ามันจะมุ่งเข้ามาทำร้ายผมทันที แต่ฉลามไม่ได้สนใจผมเลยด้วยซ้ำ มันก็ว่ายน้ำ ใช้ชีวิตของมันไป"

แต่เมื่อเขาดำน้ำบ่อยขึ้น จากความกลัวกลับเปลี่ยนเป็นความอัศจรรย์ใจ แจ็คเริ่มตกหลุมรักฉลาม และหาโอกาสไปว่ายน้ำกับพวกมันบ่อยๆ เขาเล่าว่าฉลามที่ใหญ่และน่าหวั่นเกรงมากที่สุดที่เขาเคยดำน้ำด้วยคือฉลามหางยาวที่ยาวถึง 4 เมตร

"ตอนว่ายน้ำคู่กับมันผมเหมือนอยู่บนสวรรค์ ถ้าเป็นผมตอนอายุ 12 ขวบคงเป็นลมไปละ"

"มันเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปเลยเมื่ออยู่กับสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์พวกนี้ ผมอยู่ในบ้าน ในถิ่นอาศัยของ 'นักล่า' แต่พวกมันกลับไม่แสดงอาการเกรี้ยวกราดเลยแม้แต่น้อย"


? Paul Hilton / Greenpeace

เมื่ออยู่กับฉลามมากขึ้น เริ่มเข้าใจธรรมชาติของพวกมันมากขึ้น ทำให้แจ็ครู้สึกว่าภาพแทนของฉลามที่ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นอะไรที่ "ไม่แฟร์" เอาเสียเลย

ในขณะที่คนหลายพันดำน้ำเล่นกับฉลามทุกวันโดยไม่ได้รับอันตราย แต่คนจำนวนมากยังคงมีภาพจำของฉลามแบบผิดๆ เพราะการนำเสนอภาพแทนแบบผิดๆ


ภาพแทนที่สวนทางกับความจริง

"เวลาไปดำน้ำที่ไหนแล้วเห็นฉลาม ตรงนั้นจะเป็นที่ๆปะการังมีความสมบูรณ์และเต็มไปด้วยสัตว์น้ำ น่าเสียดายที่ปัจจุบันมันยากแล้วที่จะเห็นฉลามตอนดำน้ำ" แจ็คกล่าว

ดั่งที่แจ็คเล่า ฉลามเป็นภาพแทนของความอุดมสมบูรณ์ พวกมันอยู่คู่กับโลกมากว่าห้าร้อยล้านปี เป็นนักล่าที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างสมดุลของมหาสมุทร คัดสรรสิ่งที่ชีวิตที่อ่อนแอและป่วยออกไป รักษาสมดุลกับนักล่าอื่นๆ ถ้าไม่มีฉลาม ระบบนิเวศใต้ทะเลจะไร้เสถียรภาพและล่มสลายในที่สุด


ฉลามสีเทา ? Paul Hilton / Greenpeace

แต่คนจำนวนมากก็ยังกลัวฉลาม ติดภาพพวกมันในคราบนักฆ่า ทั้งที่จริงแล้วความเป็นไปได้ที่ฉลามจะโจมตีมนุษย์น้อยกว่าโอกาสที่คนจะเดินตกท่อในกรุงเทพฯอีก กลับกัน ทุกๆหนึ่งชั่วโมงจะมีฉลาม 11,415 ตัวตายด้วยน้ำมือมนุษย์ รวมกันมากกว่าร้อยล้านตัวต่อปี

พวกมันถูกจับไปทำหูฉลาม นำไปเป็นส่วนผสมของอาหารเสริม อาหารสัตว์ และเครื่องสำอาง

และนับวันจำนวนของมันก็ยิ่งน้อยลงทุกที


ร่วมกันปกป้องฉลาม

ฉลามจำนวนมากถูกฆ่าในอุตสาหกรรมประมง เช่น ในประมงทูน่า ฉลามมักติดอวนขณะเรือประมงลากทูน่าขึ้นจากท้องทะเล

ในปี 2019 กรีนพีซรายงานว่าเรือประมงในแอตแลนติกเหนือคร่าชีวิตปลาฉลามมาโก (mako shark) กว่า 25,000 ตัวทุกปี เรือประมงเหล่านี้ตั้งใจจะจับปลากระโทงดาบ (swordfish) แต่ฉลามกลับถูกฆ่ามากกว่าปลาที่พวกเขาตั้งใจจะจับถึงสี่เท่า


ภาพฉลามถูกจับและถูกดึงขึ้นไปบนเรือบริเวณทางตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก ? Tommy Trenchard / Greenpeace

ถ้าจะปกป้องฉลามก็ต้องเริ่มจากการปกป้องมหาสมุทรจากอุตสาหกรรมประมงทำลายล้าง ปัจจุบันเพียง 5% ของท้องทะเลได้รับการปกป้องจากทั้งอุตสาหกรรมประมงทำลายล้างและการเจาะน้ำมัน

สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือร่วมผลักดันให้เกิด "เขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล" โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องมหาสมุทรโลกอย่างน้อย 1 ใน 3 ส่วนให้ได้ภายในปี พ.ศ.2573 เขตคุ้มครองระบบนิเวศนี้จะเกิดขึ้นได้ผ่าน สนธิสัญญาทะเลหลวง ร่วมกันเป็นกระบอกเสียงในการเรียกร้องเพื่อมหาสมุทรและสัตว์ทะเลได้กลับมาอาศัยอยู่ในบ้านที่อุดมสมบูรณ์ ร่วมผลักดันสนธิสัญญาทะเลหลวงกับกรีนพีซ


https://www.greenpeace.org/thailand/...rotect-sharks/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 12-05-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


ขยะอวกาศคืออะไร และสร้างปัญหาอย่างไรให้ชาวโลก



นับแต่มนุษย์ส่งยานอวกาศ ดาวเทียม และคนขึ้นไปสำรวจอวกาศในช่วงทศวรรษที่ 1950 ก็ทำให้เกิดขยะขึ้นในห้วงอวกาศ

ยิ่งเราดำเนินโครงการอวกาศเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งทำให้ชิ้นส่วนขยะอวกาศที่ล่องลอยอยู่ในวงโคจรโลกนับวันจะยิ่งแน่นหนาขึ้น และกำลังกลายเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่จะสร้างความเดือดร้อนให้มนุษย์เราได้ทุกเมื่อ


ขยะอวกาศคืออะไร

ขยะอวกาศ (space junk หรือ space debris) คือวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้วถูกทิ้งไว้ในห้วงอวกาศเมื่อเลิกใช้งานแล้ว โดยมีทั้งวัตถุขนาดใหญ่ เช่น ยานอวกาศปลดระวาง วัตถุที่สลัดทิ้งระหว่างภารกิจเดินทางขึ้นสู่อวกาศ ชิ้นส่วนเครื่องจักรและดาวเทียมที่เสีย หรือเลิกใช้งานแล้ว

นอกจากนี้ยังรวมถึงวัตถุขนาดเล็ก เช่น เศษซากการชนกันของวัตถุที่ลอยอยู่ในห้วงอวกาศ หรือแม้แต่แผ่นสีที่หลุดลอกออกจากยานอวกาศ รวมถึงของเหลวแข็งตัวที่ถูกขับออกจากยานอวกาศ เป็นต้น

ขยะอวกาศส่วนมากมักล่องลอยอยู่รอบโลก แต่มนุษย์ก็เคยทิ้งอุปกรณ์บางอย่างไว้บนดวงจันทร์ในช่วงทศวรรษที่ 1960 - 1970


คาดว่าปัจจุบันมีขยะอวกาศที่ขนาดใหญ่กว่า 10 ซม. ลอยอยู่ในวงโคจรโลกมากกว่า 30,000 ชิ้น ........ ที่มาของภาพ,ESA


มีขยะอวกาศมากแค่ไหน

ปัจจุบันมีขยะอวกาศที่ขนาดใหญ่กว่า 10 เซนติเมตรล่องลอยอยู่ในวงโคจรโลกมากกว่า 30,000 ชิ้น และคาดว่าจะมีชิ้นส่วนขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตรอยู่มากถึง 128 ล้านชิ้น

ศาสตราจารย์ มอริบา จาห์ วิศวกรการบินและอวกาศจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสและคณะได้จัดทำแผนที่ขยะอวกาศที่เรียกว่า AstriaGraph สำหรับเฝ้าติดตามวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งหมดในอวกาศ เพื่อช่วยนักวิทยาศาสตร์ในการติดตามและพยากรณ์พฤติการณ์ของพวกมัน

"เราติดตามวัตถุกว่า 26,000 ชิ้น ตั้งแต่ที่มีขนาดเท่าสมาร์ทโฟน ไปจนถึงขนาดเท่าสถานีอวกาศ อาจมีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ 3,500 ดวง ซึ่งยังมีประโยชน์อยู่ แต่นอกเหนือจากนั้นก็คือขยะ" ศาสตราจารย์ จาห์ กล่าว


ขยะอวกาศก่อให้เกิดปัญหาอะไร

ยิ่งมีขยะอวกาศมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

แม้ขยะอวกาศโดยมากจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชาวโลก เพราะส่วนใหญ่จะถูกเผาไหม้และหายไปเมื่อตกลงสู่ชั้นบรรยากาศโลก

แต่ปัญหาอาจเกิดขึ้นในห้วงอวกาศ เพราะมีความเสี่ยงที่ขยะอวกาศจะพุ่งชนดาวเทียมสำคัญต่าง ๆ เช่น ดาวเทียมที่ให้บริการบอกตำแหน่ง การนำทางด้วยระบบจีพีเอส การบอกเวลา การสื่อสาร การทำธุรกรรมทางการเงิน และการเตือนภัยสภาพอากาศ จนทำให้ดาวเทียมเหล่านี้ได้รับความเสียหายและหยุดทำงานลง

แม้แต่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ยังเคลื่อนตัวในวงโคจรโลกด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อวินาที นี่หมายความว่าการชนกันที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายได้อย่างมาก

ปัญหาดังกล่าวทำให้ในแต่ละปี ต้องมีการบังคับดาวเทียม หรือแม้แต่สถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ให้หลบหลีกการพุ่งชนของขยะอากาศหลายร้อยครั้ง

เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีขยะอวกาศชิ้นหนึ่งเคลื่อนตัวเข้าใกล้แคปซูลขนส่งนักบินอวกาศ "ดรากอน" ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ ในขณะที่กำลังเตรียมเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ สร้างความแตกตื่นให้กับนักบินอวกาศ 4 คนที่อยู่ด้านใน แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีการชนกันเกิดขึ้น


ที่มาของภาพ,GETTY CREATIVE


แผนที่ขยะอวกาศ

ภัยคุกคามที่กล่าวมา ทำให้ศาสตราจารย์ จาห์ และทีมงานจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส สร้างแผนที่ AstriaGraph ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเปิดให้สาธารณชนใช้งานได้ เพื่อติดตามการเคลื่อนตัวของวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นทุกชนิดที่ลอยอยู่ในวงโคจรโลก ด้วยระบบที่สามารถรายงานผลแทบจะสดในทันที

ศาสตราจารย์ จาห์ บอกว่า ข้อมูลที่ได้จากแผนที่นี้เผยให้เห็นแนวโน้มของสิ่งที่เรียกว่า "การแพร่กระจายครั้งใหญ่" หรือการที่ขยะอวกาศขนาดใหญ่เกิดการแตกตัวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่อาจเกิดขึ้นได้ 200 จุด ในวงโคจรโลก

"จรวดขนาดใหญ่ ที่ลอยอยู่ในห้วงอวกาศนานหลายทศวรรษ กำลังเป็นเหมือนระเบิดเวลา เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิด หรือถูกวัตถุบางอย่างพุ่งชน แล้วมันจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลายหมื่นชิ้น"

การที่ปัจจุบันหลายบริษัท เช่น สเปซเอ็กซ์ และแอมะซอน ต่างส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ ก็ยิ่งทำให้วงโคจรโลกเนืองแน่นไปด้วยวัตถุต่าง ๆ

องค์การสหประชาชาติ ระบุว่า ทุกบริษัทต้องกำจัดดาวเทียมของตัวเองออกจากวงโคจรโลกภายใน 25 ปีหลังจากปลดระวางแล้ว ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ กำลังมองหาวิธีการกำจัดขยะอวกาศเหล่านี้ออกไป

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ จาห์ ชี้ว่า ขยะอวกาศขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่รอบโลกในปัจจุบันนั้น เป็นของชาติมหาอำนาจอย่างน้อย 3 ประเทศ และเขาไม่มั่นใจว่า ประเทศเหล่านี้จะยอมทุ่มงบประมาณเพื่อแก้ปัญหานี้หรือไม่ ในขณะที่โลกกำลังเผชิญภัยคุกคามมนุษยชาติอื่น ๆ อีกมากมาย

"ประเทศเหล่านี้จะใช้ทรัพยากรเพื่อกำจัดชิ้นส่วนจรวดพวกนี้ หรือ "การแพร่กระจายครั้งใหญ่" หรือไม่ ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาคุกคามมนุษยชาติ...ทำไมพวกเขาต้องสนใจด้วย"


https://www.bbc.com/thai/international-57041484

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:07


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger