เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 02-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก และภาคกลางตอนบน มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูงเนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และมีการระบายอากาศที่ไม่ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 2 - 3 มี.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่

ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 มี.ค. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ในช่วงวันที่ 2 ? 3 มี.ค. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 มี.ค. 67 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่อาจจะเกิดขึ้น ตลอดช่วง

โดยในช่วงวันที่ 2 - 3 มี.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 02-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


นักบรรพชีวินวิทยา เผย พบหมึกแวมไพร์โบราณสายพันธุ์ใหม่ อายุ 183 ล้านปี



หมึกแวมไพร์ (vampyromorphs) เป็นปลาหมึกประเภทหนึ่ง มีลักษณะคล้ายปลาหมึกมากที่สุด แต่จริงๆแล้วมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับปลาหมึกยักษ์มากกว่า vampyromorphs ถูกค้นพบมาแล้วหลายชนิด โดยหลายชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้ว หมึกชนิดนี้ขึ้นชื่อในเรื่องอวัยวะเรืองแสงและเส้นใยยาวที่ยืดหดได้ เป็นคุณสมบัติที่ทำให้พวกมันแตกต่างจากปลาหมึกและหมึกยักษ์ชนิดอื่นๆ

เมื่อเร็วๆนี้มีนักบรรพชีวินวิทยา 3 คนจากเยอรมนี คือโรเบิร์ต ไวส์, เบน ทุย และเดิร์ก ฟุก เผยแพร่ในวารสาร Swiss Journal of Palaeontology ระบุค้นพบหมึกแวมไพร์โบราณแต่เป็นสายพันธุ์ใหม่ ขนาด 38 เซนติเมตร อายุ 183 ล้านปีจากยุคจูราสสิกตอนต้น พบที่แหล่งขุดค้นซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิลในเมืองบาชชาราจน์ ลักเซมเบิร์ก ในปี 2565 สายพันธุ์ใหม่นี้ถูกตั้งชื่อว่า Simoniteuthis michaelyi โดยฟอสซิลอยู่ในสภาพดีเยี่ยม เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ สามารถศึกษารายละเอียดได้ ซึ่งหลังจากวิเคราะห์ตรวจสอบยังระบุว่าหมึกแวมไพร์โบราณตัวนี้เสียชีวิตในขณะที่กินปลาตัวเล็ก 2 ตัว นับเป็นฟอสซิลที่หาได้ยาก

การวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่า หมึกแวมไพร์ อาศัยอยู่ในบริเวณน้ำตื้นนอกเกาะที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในบริเวณที่เป็นใจกลางของแผ่นดินใหญ่ยุโรปในปัจจุบัน เชื่อว่าการที่ธรรมชาติเก็บรักษาหมึกตัวนี้ได้อย่างน่าทึ่งนั้น เนื่องมาจากสภาวะเฉพาะในช่วงเวลาที่หมึกตาย น้ำที่ก้นทะเลที่หมึกเข้าไปน่าจะทำให้มันได้รับออกซิเจนต่ำ ส่งผลให้หมึกหายใจไม่ออก แม้ว่าปัจจัยเหล่านี้จะฆ่าหมึก แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ เข้าไปกินซากศพของมัน และปล่อยให้หมึกแวมไพร์ตัวนี้ถูกฝังอยู่ที่ก้นทะเลแบบไร้สิ่งใดรบกวนมายาวนาน.

Credit : Swiss Journal of Palaeontology (2024). DOI: 10.1186/s13358-024-00303-y


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2766773

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 02-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ไขความลึกลับเสียงเพลงแห่งวาฬ



หากใครได้ฟังเสียงเพลงของ "วาฬ" จะพบว่ามีทั้งความน่าขนลุก น่าหลงใหล เสียงของวาฬเป็นหนึ่งในเสียงลึกลับที่สุด เมื่อเร็วๆนี้ ทีมวิจัยนำโดยนักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัย เซาเทิร์น เดนมาร์ก ระบุว่าวาฬบาลีนที่เป็นวาฬไร้ฟัน แต่มีขนแปรงหนาไว้กรองอาหารกิน สามารถร้องเพลงใต้น้ำได้

นักวิจัยเผยว่า ในขณะที่วาฬพวกมีฟันอย่างโลมาและวาฬเพชฌฆาต มีการพัฒนาอวัยวะในจมูกเพื่อสร้างเสียง แต่คาดว่าวาฬบาลีนจะใช้กล่องเสียงในลำคอเพื่อสร้างเสียง โดยกล่องเสียงของวาฬบาลีนมีรูปทรงแตกต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น มีกระดูกอ่อนคล้ายทรงกระบอกที่ยาวและแข็ง รูปร่างตัว "ยู" (U) การปรับตัวเชิงโครงสร้างเหล่านี้ช่วยให้วาฬบาลีน หายใจเอาอากาศเข้าและออกได้อย่างมหาศาลเมื่อขึ้นสู่ผิวน้ำ ถุงลมยังมีการพัฒนาในลักษณะที่อาจทำให้วาฬบาลีนสามารถนำอากาศกลับมาใช้ใหม่ พร้อมกับเสียงร้องได้ ยังมีโครงสร้างพิเศษคือชั้นไขมันที่สั่นสะเทือนเมื่ออากาศถูกผลักออกจากปอด ทำให้วาฬบาลีนออกเสียงความถี่ต่ำใต้น้ำเพื่อสื่อสารในระยะไกลได้

การศึกษายังพบว่าวาฬบาลีนส่งเสียงความถี่ต่ำจากผิวน้ำจนถึงระดับความลึกสูงสุดประมาณ 100 เมตรเท่านั้น เพราะว่ามันไม่อาจอยู่ไกลจากผิวมหาสมุทรได้มากนัก มันต้องการอากาศเพื่อส่งเสียงร้อง ซึ่งมีความถี่เสียงสูงสุด 300 เฮิรตซ์ ความลึกและความถี่นี้ซ้อนทับกับเสียงที่สร้างโดยเรือที่มนุษย์สร้างขึ้นและมักมีความถี่อยู่ที่ 30-300 เฮิรตซ์ใกล้พื้นผิวมหาสมุทร นักวิจัยระบุว่าการปลดล็อกวิธีที่วาฬเปล่งเสียงจะช่วยให้เข้าใจได้ดีขึ้นว่ามลพิษทางเสียงที่มนุษย์สร้างขึ้นในทะเลส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลขนาดยักษ์อย่างไร.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2765932

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 02-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


5 ขั้นตอนรับมือ หลังสัมผัส "แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส" ลดเสี่ยงอันตรายถึงตาย

กรมควบคุมโรค เผย 5 ขั้นตอนรับมือ หลังสัมผัส "แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส" ลดเสี่ยงอันตรายทำลายระบบประสาท ถึงขั้นเสียชีวิต หลังพบชายหาดหลายพื้นที่ พบบาดเจ็บหลายรายที่หาดชลาทัศน์ "สงขลา"



เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากกระแสในสื่อโซเชียลมีการเตือนภัยพบแมงกะพรุนพิษสายพันธุ์ไฟหมวกโปรตุเกส บริเวณหาดชลาทัศน์ จ.สงขลา และพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกพิษแมงกะพรุนหลายราย กรมควบคุมโรคจึงขอแนะนำวิธีช่วยเหลือผู้ถูกพิษแมงกะพรุนที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเจ็บปวดรุนแรง และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส หรือเรียกอีกอย่างว่าแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส (Portuguese man-of-war) มีลักษณะเด่นบริเวณหัวจะมีลักษณะคล้ายหมวกทหารเรือรบโปรตุเกสโบราณ ลำตัวพบได้ทั้งสีน้ำเงิน สีม่วง สีชมพู หรือเขียว และมีหนวดที่มีพิษยาวได้ถึง 30 เมตร ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ในประเทศไทยพบถูกกระแสน้ำพัดมาเกยตื้นได้ในบางฤดูกาลหรือช่วงมรสุม มีพิษร้ายแรง เมื่อสัมผัสพิษจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างมาก อาจทำลายระบบประสาท ผิวหนัง หัวใจ ช็อก หัวใจล้มเหลว เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

หากลงเล่นน้ำทะเลและมีอาการปวดแสบปวดร้อนให้สงสัยว่าโดนแมงกะพรุนพิษ และให้ปฏิบัติดังนี้

1.รีบขึ้นจากน้ำทะเล และรีบขอความช่วยเหลือพร้อมโทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669

2.ห้ามทิ้งผู้บาดเจ็บอยู่คนเดียว เพราะอาจหมดสติหรือเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นได้

3.ให้ผู้บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ และห้ามขัดถูบริเวณที่สัมผัสแมงกะพรุน เนื่องจากการเคลื่อนไหวอาจเป็นการกระตุ้นการยิงพิษ

4.รีบล้างพิษทันที โดยใช้น้ำส้มสายชูความเข้มข้น 4-6% ที่ใช้ในครัวเรือนทั่วไป ราดบริเวณที่สัมผัสแมงกะพรุนต่อเนื่องอย่างน้อย 30 วินาที (ห้ามราดด้วยน้ำจืด น้ำเปล่า หรือแอลกอฮอล์) น้ำส้มสายชูจะป้องกันไม่ให้ผู้บาดเจ็บได้รับพิษเพิ่มขึ้น และ

5.หากผู้บาดเจ็บไม่มีชีพจรหรือหยุดหายใจ ให้รีบทำการช่วยฟื้นคืนชีพ โดยการปั๊มหัวใจ ผายปอด ก่อนราดน้ำส้มสายชู และรีบนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว สวมเสื้อผ้ามิดชิดลงเล่นน้ำ ไม่ควรเล่นน้ำหลังฝนตก สังเกตจุดวางน้ำส้มสายชูและปฏิบัติตามป้ายแจ้งเตือน หากพบว่ามีซากของแมงกะพรุนอยู่ตามชายหาด ไม่ควรลงเล่นน้ำ หรือลงเล่นน้ำในบริเวณปลอดภัยที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้เท่านั้น และให้ปฏิบัติตามคำเตือนของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด


https://mgronline.com/qol/detail/9670000018811?tbref=hp

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 02-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


"ทุ่นดักขยะพลาสติก?ไหลลงทะเล สู่ธนาคารชุมชนต้นแบบยั่งยืน


KEY POINTS

- ขยะพลาสติกที่ไม่ได้รับการจัดการ หรือทำลายให้ถูกต้องเหมาะสม ประมาณ 10 ? 15% ของขยะพลาสติกทั้งหมด มีโอกาสไหลลงสู่ทะเลผ่านทางแม่น้ำลำคลอง

- ก่อตั้งโครงการธนาคารขยะในชุมชนต้นแบบ ให้ประชาชนและบริษัทรับซื้อ เข้ามาแลกเปลี่ยนซื้อขายขยะในพื้นที่ เพื่อให้จัดการขยะได้อย่างครบวงจรและมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน

- ติดตั้งทุ่นดักขยะ จุดเริ่มต้นที่ช่วยดักขยะไม่ให้ไหลลงสู่ชายฝั่งและทะเล ที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของปัญหา จากนั้นคงต้องช่วยกันฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง




ปัจจุบัน "ขยะทะเล" เป็นปัญหาที่สร้างวิกฤติให้กับสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่มักไม่ได้รับการจัดการ หรือทำลายให้ถูกต้องเหมาะสม ประมาณ 10 ? 15% ของขยะพลาสติกทั้งหมด มีโอกาสไหลลงสู่ทะเลผ่านทางแม่น้ำลำคลอง ทำให้ขยะพลาสติกที่ตกค้างเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงสัตว์ทะเล

ขยะพลาสติกเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ทะเลมากที่สุด โดยเฉพาะเต่าทะเล โลมา และวาฬ ส่งผลให้สัตว์เหล่านี้เสียชีวิตจากสาเหตุขยะพลาสติกเข้าไปอุดตันในกระเพาะอาหารทำให้ร่างกายของพวกมันทำงานไม่ได้ จนเสียชีวิตในที่สุด

นอกจากขยะพลาสติกจะมีผลกระทบต่อสัตว์น้ำแล้ว มนุษย์ก็อาจได้รับผลกระทบจากขยะทะเลด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อสัตว์น้ำกินเศษขยะหรือมีเศษขยะขนาดเล็ก ที่เรียกว่า "ไมโครพลาสติก" เข้าไปในร่างกาย เมื่อมนุษย์บริโภคสัตว์น้ำเป็นอาหาร ได้รับปริมาณไมโครพลาสติกที่มากขึ้นในทุกๆ วัน ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ การติดตั้งทุ่นดักขยะ เพื่อลดปริมาณขยะที่ไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีนและอ่าวไทย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาขยะในทะเล


ธ.กรุงเทพ ติดตั้งเครื่องมือดักขยะในทะเล

"กอบศักดิ์ ภูตระกูล" กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้เริ่มต้นดำเนินโครงการ 'Bualuang Save the Earth : รักษ์ท่าจีน' เพื่อร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะในแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็น 1 ใน 5 แม่น้ำสายหลักที่ไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย โดยในปัจจุบันได้เริ่มดำเนินงานในระยะที่ 1 อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด ได้ร่วมกับหน่วยงานราชการท้องถิ่น ประชาชน และชุมชนในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร ติดตั้งเครื่องมือดักขยะในพื้นที่นำร่องบริเวณคลองหลวงสหกรณ์ และคลองพิทยากรณ์ ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร หลังจากศึกษาข้อมูลและสำรวจพื้นที่ร่วมกันพบปัญหาขยะจำนวนมากที่ไหลจากชุมชนต่างๆ มารวมบริเวณนี้ก่อนจะถูกกระแสน้ำพัดพาออกปากแม่น้ำท่าจีนและอ่าวไทย


ดักขยะไหลลงแม่น้ำลำคลอง

เครื่องมือดักขยะที่ติดตั้งในครั้งนี้ประกอบด้วย 3 ประเภทเครื่องมือ ได้แก่ ทุ่นดักขยะ (Boom) ผลิตจากพลาสติก HDPE สีเหลือง ขนาด 0.35x0.50 เมตร พร้อมตาข่ายความยาว 15 เมตร และลึกลงไปจากผิวน้ำ 50 เซนติเมตร อายุการใช้งาน 5-7 ปี กระชังไม้ไผ่ดักขยะ เป็นโครงไม้ไผ่ติดอวน ขนาด 3x3 เมตร อายุใช้งาน 3-5 ปี และเครื่องมือดักขยะแบบปักหลัก เป็นโครงไม้ไผ่ผูกอวน ขนาด 5x10 เมตร อายุใช้งาน 3-5 ปี ซึ่งเครื่องมือทั้ง 3 ประเภทเหมาะสมกับสภาพกระแสน้ำ สามารถรองรับกระแสน้ำขึ้นน้ำลงได้ จะเป็นตัวช่วยดักขยะที่ไหลมาตามน้ำไม่ให้ไหลต่อลงสู่แม่น้ำท่าจีนและทะเลอ่าวไทย

ติดตั้ง "น้องจุด" หรือ ฉลามวาฬพี่ใหญ่แห่งท้องทะเล เป็นที่พักขยะแบบถาวร สำหรับพักขยะประเภทขวดพลาสติก ทั้งจากการดักจับบนผิวน้ำและเกิดขึ้นบนบก ซึ่งขวดพลาสติกเครื่องดื่มเป็นหนึ่งในขยะทะเลที่ถูกพบมากในประเทศไทย โดยจะตั้งวาง "น้องจุด" ไว้ 2 จุดในบริเวณลานวัดสหกรณ์โฆสิตาราม ซึ่งเป็นพื้นที่การจัดกิจกรรมและตลาดนัดเป็นประจำ

ทั้งนี้ อุปกรณ์ทุกประเภทดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้ามาดูแลเป็นประจำ โดยตักขยะเพื่อนำไปคัดแยกและรีไซเคิล ส่วนขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้แล้ว หรือขยะกำพร้า จะถูกส่งไปทำเชื้อเพลิงทดแทนให้เกิดประโยชน์ต่อไป

กอบศักดิ์ กล่าวว่านอกจากการติดตั้งเครื่องมือดักขยะแล้ว คณะทำงานยังได้เริ่มดำเนินงานตามแผนในระยะ 2 โดยจัดกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังในเรื่องการคัดแยกขยะในครัวเรือนให้แก่ชุมชน และโรงเรียนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และต่อยอดสู่การเพิ่มมูลค่าและเป็นรายได้ให้แก่ครอบครัว

"เมื่อชุมชนเริ่มมีองค์ความรู้และขยะที่คัดแยกออกมาได้มีปริมาณที่มากขึ้น ธนาคารจะเริ่มพัฒนาและต่อยอดสู่การก่อตั้งโครงการธนาคารขยะในชุมชนต้นแบบ ให้ประชาชนและบริษัทรับซื้อ เข้ามาแลกเปลี่ยนซื้อขายขยะในพื้นที่ เพื่อให้จัดการขยะได้อย่างครบวงจรและมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน"

ทั้งนี้แม่น้ำท่าจีน เป็น 1 ใน 5 แม่น้ำสายสำคัญที่จะไหลลงสู่ทะเล และพบปัญหาขยะที่มีมากกว่า 14 ล้านชิ้น หรือประมาณ 148 ตันต่อปี เป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องเร่งกำจัดขยะเหล่านี้ออกให้เร็วที่สุด ควบคู่กันก็คือ ต้องสกัดไม่ให้ขยะใหม่ไหลลงไปสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น อันเป็นที่มาของการติดตั้งเครื่องมือดักขยะ โดยจะมีการบันทึกข้อมูลเพื่อวัดปริมาณขยะแต่ละประเภทและวิเคราะห์ที่มาของขยะ เพื่อจะได้เข้าใจปัญหาอย่างชัดเจนและแก้ไขไปจนถึงต้นเหตุที่แท้จริงของปัญหา แก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน


พิทักษ์ธรรมชาติและประชาชน

วสันต์ แก้วจุนันท์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลโคกขาม มากว่า 37 ปี กล่าวว่า การติดตั้งเครื่องมือดักขยะตามแผนงานโครงการ 'Bualuang Save the Earth : รักษ์ท่าจีน' จะช่วยแก้ไขปัญหาขยะที่จะไหลลงสู่ทะเลได้เป็นอย่างดีและเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น

เนื่องจากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พื้นที่เมืองเริ่มขยายตัวมากขึ้น มีหมู่บ้านจัดสรรและโรงงานเพิ่มขึ้น ตามมาด้วยปัญหาขยะและน้ำเสียที่ไหลลงแม่น้ำลำคลอง กระทบต่อสภาพแวดล้อมทั้งส่งผลให้พื้นที่การทำประมงและพื้นที่ธรรมชาติถูกรุกล้ำมากขึ้น ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงชายฝั่ง หรือการทำวังกุ้ง ก็ทำได้ลำบาก หาลูกกุ้งธรรมชาติได้ยากมากขึ้น หรือแม้แต่การลงเล่นน้ำในคลองก็ทำไม่ได้ เพราะน้ำไม่สะอาด

"หวังว่าการติดตั้งทุ่นดักขยะ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยดักขยะไม่ให้ไหลลงสู่ชายฝั่งและทะเล ที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของปัญหา จากนั้นคงต้องช่วยกันฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง พวกลูกกุ้งธรรมชาติจะได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อมีการส่งเสริมความรู้เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ก็เชื่อว่าเมื่อเด็กมีนิสัยที่ดีติดตัว ก็จะช่วยเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นได้ในอนาคต"


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1115578

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 02-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ


วิจัยใหม่คาด ปี 2024 อากาศร้อนทุบสถิติโลก อันดามัน-ทะเลจีนใต้เดือด



งานวิจัยชิ้นใหม่ในวารสาร Scientific Reports ระบุมีโอกาส 90% ที่ปี 2024 นี้ โลกจะมีอุณหภูมิสูงสุดทุบสถิติเดิม และบางส่วนของเอเชียจะร้อนระอุเป็นพิเศษ พร้อมเกิดปะการังฟอกขาว ภัยแล้ง และไฟป่าในหลายพื้นที่

วันที่ 1 มีนาคม 2567 งานวิจัย Enhanced risk of record-breaking regional temperatures during the 2023 ? 24 El Ni?o ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร Scientific Reports เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2024 ระบุว่า มีโอกาสสูงที่ในปี 2024 นี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญจะทำให้อุณหภูมิอากาศใกล้ผิวโลก (Surface air temperature) สูงจนทำลายสถิติอีกครั้ง โดยบริเวณอ่าวเบงกอล-ทะเลอันดามัน และทะเลจีนใต้ จะได้รับผลกระทบสูงเป็นพิเศษทั้งด้านอุณหภูมิ และปะการังฟอก

หลังเมื่อเดือนมกราคม องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก เพิ่งประกาศว่า ภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศทำให้ ปี 2023 ที่ผ่านมาเป็นปีที่อากาศร้อนที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติเมื่อปี 1850 หรือในรอบ 173 ปี ไปแล้ว

ข่าว The Verge รายงานว่า งานวิจัยนี้ใช้การสร้างแบบจำลองสถานการณ์เอลนีโญในระดับความรุนแรงปานกลาง และรุนแรงมาก จากนั้นจึงศึกษาผลกระทบด้านระดับอุณหภูมิและภัยธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ของโลก


อากาศร้อนทำสถิติใหม่อีก

ผลจากแบบจำลองชี้ว่า ไม่ว่าเอลนีโญจะมีความรุนแรงระดับใดก็มีความเป็นไปได้ถึง 90% ที่อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยรายปีทั่วโลกในปี 2024 นี้จะสูงจนทำลายสถิติเดิมอีกครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่อ่าวเบงกอล-ทะเลอันดามัน, ทะเลจีนใต้, ทะเลแคริบเบียน, อะแลสกา และป่าอเมซอน ส่วนสิ่งที่แตกต่างกันจะมีเพียงพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากผลของอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น


อ่าวเบงกอล-อันดามัน ทะเลจีนใต้ เดือด

ในกรณีที่เอลนีโญมีความรุนแรงระดับปานกลาง พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็นบริเวณอ่าวเบงกอล, ประเทศฟิลิปปินส์ โดยบริเวณอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามันน้ำทะเลจะอุ่นขึ้นตลอดทั้งปีทำให้แนวปะการังตายเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบทั้งทางระบบนิเวศและเศรษฐกิจ ส่วนประเทศฟิลิปปินส์และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกจะเกิดภัยแล้งนานต่อเนื่องหลายเดือน

ส่วนกรณีที่เอลนีโญรุนแรงมาก พื้นที่รอบทะเลจีนใต้จะกลายเป็นอีกจุดที่ได้รับผลกระทบหนัก อย่าง อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้แนวปะการังตาย เช่นเดียวกับบริเวณอ่าวเบงกอล และประเทศฟิลิปปินส์ ขณะที่บริเวณป่าอเมซอนจะเกิดภัยแล้งและไฟป่า ส่วนบริเวณอะแลสกาจะสูญเสียธารน้ำแข็งและชั้นดินเยือกแข็งถาวร

"เต๋อเหลียง เฉิน" ศาสตราจารย์ภาควิชาธรณีศาสตร์ มหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก หนึ่งในทีมผู้เขียนงานวิจัยฉบับนี้ กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกในแบบของปีนี้ เคยก่อปัญหาให้หลายพื้นที่ในโลกมาแล้ว เราจึงพยายามเตือนผู้คนล่วงหน้าไว้ก่อน


https://www.prachachat.net/world-news/news-1513496

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:46


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger