|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 5 มิถุนายน 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยตอนบน และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 5 ? 8 มิ.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ด้านตะวันตกของประเทศไทยตอนบน และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 9 ? 10 มิ.ย. 67 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ดีใจ! ดร.ธรณ์เผยภาพผลงานที่บังแดดปะการัง หลังช่วยปะการังรอดตาย แม้จะเพียงเล็กน้อย ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล เผยภาพผลการช่วยเหลือเหตุวิกฤตปะการังฟอกขาว หลังทำที่บังแดดพบปะการังรอดตาย ลั่นแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแนวปะการังกว้างใหญ่ แต่ทุกชีวิตล้วนมีค่า วันนี้ (4 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" หรือ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ระบุข้อความว่า "วันนั้นปะการังฟอกขาวใกล้ตาย เห็นแล้วตัดสินใจลงมือทำ ?บังแดดปะการัง? ในทันที จะล้มเหลวก็ไม่มีอะไรเสีย มาถึงวันนี้ กลับไปว่ายดูปะการังที่รอดมาได้ ปลาน้อยว่ายเริงร่าอยู่ในบ้านที่ไม่ตายแล้ว แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแนวปะการังกว้างใหญ่ แต่ทุกชีวิตล้วนมีค่า ไม่มีปะการังหรือปลาตัวไหนอยากตาย ดีใจมากๆ ที่ตัดสินใจเช่นนั้น ในวันที่เราต้อง "ลงมือทำ" ครับ ขอบคุณทุกคนที่ crossroads maldives เราตัดสินใจ เราทำ และเราช่วยชีวิตพวกเธอได้ net zero คืออีก 30 ปี แต่ปะการังกำลังจะตายวันนี้ เราช่วยวันนี้ นั่นคือความหมายของยั่งยืนที่แท้จริง" https://mgronline.com/onlinesection/.../9670000047841
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
3 แม่วาฬบรูด้าอ่าวไทย อยู่ในเกณฑ์ผอม-พบรอยโรค TSD ทช.สำรวจวาฬบรูด้าอ่าวไทย ช่วง 14-16 พ.ค.นี้ พบ 13 ตัว ตั้งชื่อไว้ 9 ตัว อีก 4 ตัวไม่ทราบชื่อ ระบุแม่วันสุข แม่สดใส แม่พาฝัน ผอมอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง พบรอยโรค TSD วันที่ 27 พ.ค.2567 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อ่าวไทยตอนบน เผยผลชันสูตรซากวาฬลอยใกล้จุดท่องเที่ยวสะพานแดง ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จากการตรวจสอบพบว่าเป็นวาฬบรูด้า ไม่ทราบเพศ โตเต็มวัย ความยาว 9.6 เมตร ไม่รวมส่วนหางที่ขาดหายไป น้ำหนัก 8 ตัน ผลการชันสูตรซาก พบว่าสภาพซากเน่ามาก ส่วนหางหายไป ผิวหนังหลุดลอก กะโหลกกรามล่างและกระดูกซี่โครงโผล่ยื่น ส่วนช่องอกและช่องท้องแตกออก ไม่พบอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ระบบทางเดินอาหาร ระบบสืบพันธุ์ ทำให้ไม่ทราบสาเหตุการตายจึงได้เก็บตัวอย่างพันธุกรรม กะโหลก กรามล่าง และกระดูกซี่โครงซี่แรก เพื่อใช้ในการศึกษา นายเกรียง มหาศิริ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 (สมุทรสาคร) กล่าวว่า เนื่องจากสภาพวาฬค่อนข้างเน่ามาก จึงไม่สามรถระบุเพศ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบอัตลักษณ์ชื่อวาฬบรูด้าที่ทช.เคยสำรวจไว้ แต่อาจจะยากเพราะซากค่อนข้างเสียหาย พบ 3 แม่วาฬบรูด้าอยู่ในเกณฑ์ผอม-รอยโรคTSD ขณะที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน (ศวทบ.) สำรวจสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์บริเวณอ่าวไทยตอนบน ครอบคลุมพื้นที่ จ.สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และกทม.วันที่ 14-16 พ.ค.พบสัตว์ทะเลหายาก จำนวน 2 ชนิด คือ วาฬบรูด้า 13 ตัว ระบุชื่อจำนวน 9 ตัว ได้แก่ แม่วันสุขกับลูกตัวใหม่ แม่สดใสกับเจ้าแสนรัก แม่วันดีกับเจ้าวันวาน เจ้าสีสัน เจ้าสาลี่ และแม่พาฟัน และไม่ทราบชื่อ จำนวน 4 ตัว บริเวณชายฝั่งทะเลจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี ระยะห่างจากฝั่ง 8-15 กิโลเมตร ส่วนอีกชนิดคือ โลมาอิรวดี จำนวน 1 ตัว บริเวณชายฝั่งทะเลจังหวัดสมุทรสาคร ระยะห่างจากฝั่ง 8 กิโลเมตรสัตวแพทย์ทำการตรวจสุขภาพวาฬบรูด้าที่สำรวจชพบมีอัตราการหายใจและคุณภาพการหายใจปกติ มีความสมบูรณ์ร่างกาย อยู่ในเกณฑ์พอใช้ "พบแม่วันสุข แม่สดใส และแม่พาฝัน ผอมอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง และพบรอยโรค Tattoo skin disease (TSD) บนผิวหนังวาฬบรูด้าจำนวน 7 ตัว ได้แก่ แม่สดใส เจ้าแสนรัก แม่วันสุข แม่วันดี เจ้าสีสัน และวาฬบรูด้าไม่ทราบชื่อ 2 ตัว และพบรอยถูกพันรัดพาดกลางลำตัวของเจ้าวันวาน" สำหรับวาฬบรูด้าในไทยซึ่งเป็นสัตว์สงวนชนิดใหม่ในบัญชีพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งกรณีที่พบ Tattoo skin disease (TSD) ลักษณะรอยโรคจะเป็นปื้นสีเทาเข้ม สีดำ หรือสีค่อนข้างเหลือง ไม่มีรูปร่างแน่นอน และนูนเล็กน้อย เกิดสัตว์ที่มีความเครียด ความอ่อนแอ ภาวะภูมิคุ้มกันตก เช่น อดอาหาร การติดเชื้อ และมีพยาธิ https://www.thaipbs.or.th/news/content/340414
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"ปะการังฟอกขาว" ภาพสะท้อน "โลกร้อน" ขั้นวิกฤต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เร่งสำรวจ "ปะการังฟอกขาว" ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน พร้อมป้องกันฟอกขาวและตายเพิ่ม ขณะที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ปิดอุทยานฯ ทางทะเล งดกิจกรรมที่ส่งผลกระทบแล้ว 12 แห่ง ขณะที่พบ "ปะการังฟอกขาว" ใน 21 อุทยานฯ ทางทะเล เดือน เม.ย.2567 ที่ผ่านมา อุณหภูมิในประเทศไทย สูงขึ้นมากกว่า 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ นอกจากส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในภาพรวมแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า สัตว์น้ำ และท้องทะเล โดยเฉพาะปะการัง ที่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) และหน่วยงานความริเริ่มด้านแนวปะการังระหว่างประเทศ (ICRI) ประกาศภาวะ ?ปะการังฟอกขาว? ครั้งใหญ่ ในระดับโลก ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2567 ที่ผ่านมา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศของโลกและปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และส่งผลให้แนวปะการังทั่วโลกได้อย่างน้อย 54 ประเทศ และดินแดนเผชิญกับภาวะปะการังฟอกขาว ตั้งแต่เดือน ก.พ.2023 ที่ผ่านมา ซึ่งภาวะ "ปะการังฟอกขาว" จะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิของมหาสมุทรอุ่นขึ้น จนเกินจุดที่ปะการังจะทนไหว ซึ่งแน่นอนว่า ก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโลกเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำในมหาสมุทรอุ่นขึ้น และทำให้ "ปะการังฟอกขาว" เนื่องจากความร้อนในน้ำทำให้ปะการังขับเอาสาหร่ายที่มีสีสันสดใสซึ่งอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของปะการังออกไปจากตัวเอง บางครั้งเมื่ออุณหภูมิของน้ำเย็นลงปะการังบางประเภทสามารถฟื้นตัวได้ แต่สภาวะที่ปะการังเผชิญกับความร้อนมากจนเกินไปสามารถทำให้ตายได้เช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2566 คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ( Intergovernmental Panel on Climate Change หรือ IPCC) ปี 2022 ระบุในรายงานฉบับที่ 6 ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่โลกจะร้อนขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ภายใน 2030-2040 แต่ข้อเท็จจริงอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นทะลุ 1.5 องศาเซลเซียส ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2015 ส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศทั้งบนดินและในทะเลลึก โดยเฉพาะปะการัง ซึ่งไม่เพียงแต่ในทะเลต่าง ๆ ทั่วโลก ที่เกิดปรากฏการณ์ ?ปะการังฟอกขาว? แม้แต่ในทะเลไทย ทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน โดยเฉพาะในปีนี้ (2567) เกิดปรากฎการณ์ ?ปะการังฟอกขาว? จำนวนมากในหลายพื้นที่ ประกาศปิดอุทยานแห่งชาติทางทะเล ให้ปะการังฟื้นตัว ล่าสุด วันที่ 1 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ และพันธุ์พืช ระบุว่า ตามที่ได้เกิด ?ปะการังฟอกขาว? ในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล ทั้งฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย ข้อมูลถึงปัจจุบันรวม 21 แห่ง (ข้อมูลระหว่างวันที่ 2 เม.ย.-29 พ.ค.2567) ประกอบด้วย 1.อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอ่าวไทย จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จ.ตราด อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ อุทยานแห่งชาติหาดวนกร จ.ประจวบคีรีขันธ์ อุทยานแห่งชาติอ่าวสยาม (เตรียมการ) จ.ประจวบคีรีขันธ์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จ.ชุมพร อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี และอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ (เตรียมการ) จ.นครศรีธรรมราช 2.อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 12 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง จ.ระนอง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา อุทยานแห่งชาติแหลมสน จ.ระนอง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จ.พังงา อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จ.สตูล และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด พบ "ปะการังฟอกขาว" ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล 163 บริเวณ แบ่งเป็น ฟอกขาวรุนแรงมาก (การฟอกขาวมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์) จำนวน 63 บริเวณ ฟอกขาวรุนแรง (การฟอกขาว 11-50 เปอร์เซ็นต์) จำนวน 61 บริเวณ ฟอกขาวไม่รุนแรง (การฟอกขาว 1-10 เปอร์เซ็นต์) จำนวน 37 บริเวณ ปะการังสีซีดจาง 2 บริเวณ และเริ่มมีปะการังตายจากการฟอกขาว 1-10 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 7 บริเวณ จึงสั่งการให้อุทยานแห่งชาติทางทะเลทุกแห่ง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีแนวโน้มที่จะเกิดวิกฤตฟอกขาวเพิ่มขึ้น ให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเล พิจารณาประกาศปิดการท่องเที่ยวในพื้นที่แหล่งปะการัง เพื่อลดกิจกรรมที่จะก่อผลกระทบเร่งการเกิดปะการังฟอกขาว "มีการปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ของอุทยานแห่งชาติไปแล้ว 12 แห่ง ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติ ที่ปิดการท่องเที่ยวตามฤดูกาล 6 แห่ง และปิดเนื่องจากสถานการณ์ฉุกเฉิน 6 แห่ง" ล่าสุดได้รับรายงานสถานการณ์ฟอกขาวของปะการัง ในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล จากการสำรวจและติดตามของอุทยานแห่งชาติทางทะเล และศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล 1-5 โดยการติดตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำทะเลอย่างต่อเนื่อง นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ต.ค. ส่งผลให้สถานการณ์ปะการังฟอกขาวในขณะนี้ มีแนวโน้มคงที่ ไม่มีการฟอกขาวในระดับที่รุนแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีฝนตกและมีปริมาณเมฆเพิ่มขึ้น "เมฆจะช่วยในการบดบังแสงแดด ที่ตกกระทบสู่ท้องทะเล ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลลดลง เฉลี่ย 30-31 องศาเซลเซียส นอกจากนี้บางพื้นที่มีกระแสน้ำเย็น ช่วยทำให้แนวโน้มการฟอกขาวดีขึ้น" สำหรับอนาคตอันใกล้นี้คาดว่า สถานการณ์จะดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่กล่าวมา อีกทั้งบางพื้นที่ยังมีแนวปะการังที่มีสภาพสมบูรณ์ สามารถเป็นแหล่งพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ต่อไปได้ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการังจากการฟอกขาวเพิ่มขึ้น อุทยานแห่งชาติบางแห่ง ได้ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยว เพื่อลดผลกระทบจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจเป็นการเร่งให้ปะการังเกิดการฟอกขาว ในอุทยานแห่งชาติทางทะเล จนกว่าสถานการณ์การฟอกขาวของปะการังจะคลี่คลาย ขณะที่กรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งรับผิดชอบทรัพยากรในทะเลทั่วประเทศ เฝ้าจับตาสถานการณ์ "ปะการังฟอกขาว" อย่างต่อเนื่อง และพบว่า สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในข่าย "วิกฤต" กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รายงานสถานการณ์ "ปะการังฟอกขาว" ว่า ขณะนี้มหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน กำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ El Ni?o-Southern Oscillation (ENSO) ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย (SST) "คาดการณ์ว่า จะเกิดปะการังฟอกขาวในประเทศไทย ในช่วงระหว่างเดือนเม.ย.-ก.ค.2567 โดยระดับความรุนแรงอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่" ออกสำรวจ-ติดตาม-ปกป้อง "ปะการังฟอกขาว" นอกจากนี้พบว่า ในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ. ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง) ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง เกาะมันใน จ.ระยอง วันที่ 9 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ.) สำรวจและติดตามสถานการณ์การเกิดปะการังฟอกขาว บริเวณเกาะมันใน อ่าวต้นเลียบ และหาดหน้าบ้าน จ.ระยอง ผลการสำรวจเบื้องต้นพบว่า เกาะมันใน อ่าวต้นเลียบ ที่ระดับความลึก 4-5 เมตร ปะการังสภาพปกติ 10 % สีซีดจาง 25 % ปะการังฟอกขาว 50 % และปะการังตาย 15 % บริเวณหาดหน้าบ้าน ที่มีระดับความลึก 3-5 เมตร ปะการังสภาพปกติ 10 % สีซีดจาง 20 % ปะการังฟอกขาว 50 % และปะการังตาย 20 % ปะการังที่เริ่มมีสีซีดจาง ได้แก่ ปะการังสมองร่องใหญ่ (Lobophyllia spp.) ปะการังดาวใหญ่ (Diploastrea heliopora) และปะการังที่ฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด (Porites lutea) ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora sp.) ทั้งนี้พบปะการังตายจากการฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด (Porites lutea) และปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora sp.) เกาะไข่ จ.พังงา วันที่ 9 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน สำรวจและติดตามสถานการณ์ การเกิดปะการังฟอกขาว บริเวณเกาะไข่ใน เกาะไข่นอก จ.พังงา เกาะนาคาใหญ่ เกาะนาคาน้อย เกาะรังใหญ่ เกาะตะเภาใหญ่ และอ่าวตั้งเข็ม จ.ภูเก็ต จากการสำรวจแนวปะการัง โดยการดำน้ำตื้นพบว่า เกาะไข่นอก และเกาะไข่ใน มีปะการังฟอกขาวประมาณ 10 % สีซีดจาง 30 % และปะการังสภาพปกติ 60 % สำหรับเกาะนาคาใหญ่ เกาะนาคาน้อย เกาะรังใหญ่ เกาะตะเภาใหญ่ และอ่าวตั้งเข็ม ส่วนใหญ่ปะการังมีสีซีดจาง 40 % และปะการังสภาพปกติ 60 % ส่วนปะการังที่ฟอกขาว ได้แก่ ปะการังดอกเห็ด (Cycloseris spp.) ปะการังโขด (Porites lutea) และปะการังเขากวาง (Acropora spp.) ส่วนปะการังที่เริ่มมีสีซีดจาง ได้แก่ ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora spp.) ปะการังดอกเห็ด (Cycloseris spp.) ปะการังโขด (Porites lutea) และปะการังเขากวาง (Acropora spp.) อุณหภูมิน้ำทะเลทุกพื้นที่สำรวจวัดได้ 32 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ยังไม่พบปะการังตายจากการฟอกขาว เกาะหนู และเกาะแมว จ.สงขลา วันที่ 14 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ติดตาม ตรวจสอบการเกิดปะการังฟอกขาว บริเวณแนวปะการังเกาะหนู และเกาะแมว จ.สงขลา จากการสำรวจแนวปะการังด้วยสายตาโดยวิธีการดำน้ำลึก พบปะการังฟอกขาวบริเวณเกาะหนู ประมาณ 40 % สีจางลง 40 % และปกติ 20 % ปะการังที่ฟอกขาวและสีเริ่มจางลงส่วนใหญ่เป็นปะการังโขด (Porites sp.) ส่วนเกาะแมว พบปะการังฟอกขาว ประมาณ 70 % สีจางลง 20 % และปกติ 10 % ปะการังที่ฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด (Porites sp.) ปะการังรังผึ้ง (Goniastrea sp.) และปะการังช่องเล็ก (Montipora sp.) ส่วนปะการังลายดอกไม้ (Pavona sp.) พบสีเริ่มจางลง จากการติดตามอุณหภูมิน้ำทะเลด้วยวิธีวาง data temperature logger ระหว่างวันที่ 18 เม.ย.-14 พ.ค.2567 อุณหภูมิน้ำทะเลเฉลี่ย 32.69 องศาเซลเซียส ซึ่งมีค่าสูงกว่าช่วงเดือนที่ผ่านมา 1.74 เซลเซียส เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการเกิดปะการังฟอกขาว บริเวณแนวปะการังเกาะหนู และเกาะแมว (มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"ปะการังฟอกขาว" ภาพสะท้อน "โลกร้อน" ขั้นวิกฤต ............ ต่อ เกาะมันใน (อ่าวต้นเลียบ,หาดหน้าบ้าน) และหินต่อยหอย จ.ระยอง วันที่ 16 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก สำรวจและติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาว บริเวณเกาะมันใน (อ่าวต้นเลียบ,หาดหน้าบ้าน) และหินต่อยหอย ผลการสำรวจเบื้องต้นพบว่า ที่ความลึก 2-5 เมตร อุณหภูมิน้ำทะเล 32 เซลเซียส โดยเฉลี่ยปะการังสภาพปกติ 5 % สีซีดจาง 20 % ฟอกขาว 55 % และตายจากการฟอกขาว 20 % ปะการังกลุ่มที่ฟอกขาว (อ่อนไหว) ได้แก่ ปะการังโขด (Porites spp.) และปะการังเขากวาง (Acropora spp.) ปะการังกลุ่มที่มีสีซีดจาง (ทนทาน) ได้แก่ ปะการังสมองร่องสั้น (Platygyra spp.) และปะการังวงแหวน (Dipsastraea spp.) พร้อมทั้งทดลองช่วยชีวิตหอยมือเสือ จากการฟอกขาว โดยการย้ายหอยมือเสือ (Tridacna squamosa) จำนวน 5 ตัว บริเวณหินต่อยหอย จากแนวน้ำตื้น 1.4 เมตร ไปบริเวณน้ำลึก 4-5 เมตร ติดตั้งสแลนลดแสง (Shading) แนวปะการังเกาะกา จ.กระบี่ วันที่ 16 พ.ค.2567 กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยส่วนฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ร่วมกับ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง ทดลองติดตั้งสแลนลดแสง (Shading) บริเวณแนวปะการังเกาะกา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ โดยทดลองจำนวน 5 แปลง กับปะการัง 3 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบแผ่น รูปแบบก้อน และรูปแบบกิ่งก้าน ที่มีลักษณะสีซีดจาง และเปรียบเทียบกับปะการังรูปแบบเดียวกันในบริเวณใกล้เคียง ที่ไม่ได้กางสแลนลดแสง และได้ติดตั้ง data temperature logger เพื่อติดตามอุณหภูมิน้ำทะเล ประเมินสถานภาพปะการังบริเวณหมู่เกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 13-17 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (สงขลา) สำรวจประเมินสถานภาพปะการังบริเวณหมู่เกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช ผลการสำรวจแนวปะการังที่ระดับน้ำทะเลลึกประมาณ 5-15 เมตร อุณหภูมิน้ำ 31.9 องศาเซลเซียส ความเค็ม 32 พีพีที พบปะการังกลุ่มเด่น ได้แก่ ปะการังเขากวางแบบกิ่ง (Acropora sp.) ปะการังที่พบได้โดยทั่วไป ได้แก่ ปะการังโขด (Porites lutea) ปะการังสมองร่องยาว (Platygyra daedalea) ปะการังลายดอกไม้ (Pavona sp.) ฯลฯ และพบปะการังฟอกขาวประมาณ 20 % สีซีดจาง 60 % และปะการังสภาพปกติ 20 % ปะการังที่ฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด (Porites sp.) ปะการังจาน (Turbinaria sp.) และปะการังดอกเห็ด (Fungia sp.) ทั้งนี้ยังไม่พบปะการังตายจากการฟอกขาว ส่วนปะการังที่เริ่มมีสีซีดจาง ได้แก่ ปะการังเขากวาง (Acropora sp.) ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora sp.) และปะการังช่องเล็ก (Montipora sp.) ปลากลุ่มเด่น ได้แก่ ปลาสลิดหินคอดำ (Dascyllus reticulatus) สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่พบ คือ เม่นทะเล (Echinotrix calamaris) พบหอยทาก (Drupella sp.) เกาะกินปะการังในบางพื้นที่ ขยะในแนวปะการรังที่พบเป็นพวกเศษอวน เชือก และสายเอ็น เป็นต้น ติดตั้งสแลนลดแสงแนวปะการัง ด้านทิศตะวันออกของเกาะไม้ท่อน จ.ภูเก็ต วันที่ 17 พ.ค.2567 กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ร่วมกับ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน และเจ้าหน้าที่โรงแรมเกาะไม้ท่อน ติดตั้งสแลนลดแสง (Shading) บริเวณแนวปะการังด้านทิศตะวันออกของเกาะไม้ท่อน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยทดลองกับปะการัง 3 แปลง ที่มีลักษณะสีซีด ฟอกขาว และลักษณะปกติ เปรียบเทียบกับปะการังชนิดเดียวกันในบริเวณใกล้เคียง ที่ไม่ได้กางสแลนลดแสง สำรวจและติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาวบริเวณเกาะยา จ.ตรัง วันที่ 18 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) สำรวจและติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาวบริเวณเกาะยา จ.ตรัง จากการสำรวจด้วยการดำน้ำลึก ที่ระดับความลึก 2-9 เมตร พบว่า เกาะยา มีปะการังสีซีดจาง 10 % ปะการังฟอกขาว 70 % และปะการังสภาพปกติ 20 % ส่วนใหญ่ปะการังที่ฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด (Porites spp.) ปะการังเขากวาง (Acropora spp.) ปะการังจาน (Turbinaria sp.) ปะการังวงแหวน (Dipsastraea spp.) และปะการังสมองร่องสั้น (Platygyra spp.) และพบกลุ่มดอกไม้ทะเลฟอกขาวและบางส่วนมีสีซีดจางจนเกือบขาว สำหรับข้อมูลอุณหภูมิน้ำทะเลที่ได้จาก data temperature logger ที่ระดับความลึก 6 เมตร พบว่า อุณหภูมิของน้ำทะเลช่วงกลางเดือนเม.ย.-พ.ค.2567 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 32.78 ? 0.41 องศาเซลเซียส สำรวจ-ชี้จุดที่สามารถวางทุ่นของเรือบาร์จ ในการซ่อมปรับปรุงกระโจมไฟ สำรวจติดตามสถานการณ์ "ปะการังฟอกขาว" บริเวณเกาะโลซิน วันที่ 21?23 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง (สงขลา) ร่วมปฏิบัติงานสำรวจและชี้จุด ที่สามารถวางทุ่นของเรือบาร์จในการซ่อมปรับปรุงกระโจมไฟ เกาะโลซิน ซึ่งดำเนินงานโดยกรมช่างโยธาทหารเรือ พร้อมนี้ได้สำรวจติดตามสถานการณ์ปะการังฟอกขาว บริเวณเกาะโลซิน พบปะการังฟอกขาวประมาณ 40 % สีจางลง 30 % และปกติ 30 % ปะการังที่ฟอกขาว ได้แก่ ปะการังโขด (Porites sp.) ปะการังช่องเล็ก (Montipora sp.) และกลุ่มปะการังเขากวางแผ่แบนแบบโต๊ะ (Acropora spp.) ส่วนปะการังที่มีสีเริ่มซีดจาง ได้แก่ ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora sp.) ปะการังเขากวางแบบกิ่งก้าน (Acropora spp.) ปะการังลายดอกไม้ (Pavona sp.) และปะการังจาน (Turbinaria sp.) อุณหภูมิน้ำทะเล 31 องศาเซลเซียส ในการสำรวจครั้งนี้ พบปะการังฟอกขาวเพิ่มขึ้น 30 % จากการสำรวจในครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2567 และพบปะการังโขดเริ่มตายจากการฟอกขาว (recently dead) อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ เริ่มมีฝนตกลงมาในพื้นที่ คาดว่าน่าจะช่วยให้อุณหภูมิน้ำทะเลลดลงได้บ้าง และเพื่อเป็นการเฝ้าระวังการเกิดปะการังฟอกขาว บริเวณเกาะโลซิน จากปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เราพบเห็น และการเร่งแก้ไขสถานการณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจไม่ทันเวลา หรือล่าช้า ซึ่งนั่นหมายถึงผู้คนต่าง ๆ ในประเทศเรา ต้องร่วมมือกันช่วยเหลือ เพื่อป้องกันมิให้เกิด "ปะการังฟอกขาว" เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว https://www.thaipbs.or.th/news/content/340664
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก Nation
"จูราสสิค เวิลด์ 4" เตรียมมาถ่ายทำ ที่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของตรัง ช่วงกลางเดือน มิ.ย. 67 นี้ "จูราสสิค เวิลด์ 4" เตรียมยกกองมาถ่ายทำ บนเกาะกระดาน และถ้ำมรกต แหล่งท่องเที่ยวดังของ จ.ตรัง ซึ่งได้ชื่อว่ามีชายหาดที่สวยสุดในโลก 4 มิถุนายน 2567 มีรายงานว่า กองถ่ายฮอลลีวุ้ด นำทีมงานนักแสดงหนังเรื่องดัง "จูราสสิค เวิลด์ 4" ถ่ายทำบนเกาะกระดาน และ ถ้ำมรกต แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังก้องโลกของ จ.ตรัง ที่มีชายหาดทรายที่สวยที่สุดในโลก กลางเดือน มิ.ย. 67 นี้ ขณะที่ ปธ.หอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เชื่อจะส่งผลดีต่อจังหวัดตรัง มีเงินสะพัดจากการท่องเที่ยว ทำให้เกาะกระดานสถานที่ถ่ายทำหนัง จูราสสิค เวิลด์ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่ให้กองถ่ายภาพยนตร์ ระมัดระวังเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อเสียไปแล้วฟื้นฟูยาก นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เปิดเผยว่า การที่กองถ่ายของฮอลลีวู้ดจะเข้ามาถ่ายทำภาพยนต์เรื่องจูราสสิค เวิลด์ในจังหวัดตรังและในจังหวัดกระบี่ในเดือนมิถุนา-กรกฎาคมนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เท่าที่เราเคยเห็นที่จังหวัดพังงาเขาตาปูซึ่งเคยถ่ายเรื่องเจมส์บอนด์ในตอนนั้นก็ยังโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ส่งผลการท่องเที่ยวในระยะยาว ฉะนั้นการที่กองถ่ายมาถ่ายหนังเรื่อง จูราสสิค เวิลด์ ภาค 4 ที่จังหวัดตรังแม้จะเป็นบางส่วนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะกระดานซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชายหาดที่สวยที่สุดในโลก ตามประกาศให้คะแนนของเวิลด์บีซเรคคอร์ดมา 2 ปีซ้อน ตนก็มั่นใจว่าจากการที่ท่องเที่ยวมาประทับใจ กองถ่ายฮอลลีวู้ดมาถ่ายมำแล้วภาพมันออกไปก็จะส่งผลในระยะยาวให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวในจังหวัดตรัง โดยเฉพาะเกาะกระดานซึ่งเป็นเกาะที่มีชายหาดสวยที่สุดในโลก ยิ่งมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงที่กองถ่ายมาถ่ายทำ จากการประเมินโดยทางการท่องเที่ยวจะส่งผลให้เงินสะพัดทั้งตรังและกระบี่ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท นั่นคือในเบื้องต้น แต่มันก็จะมีในส่วนของเงินสะพัดต่อเนื่องในส่วนของการใช้ล็อตอื่น ๆ ที่อยู่ในกระบวนการของการถ่ายทำติดตามมาอีกจำนวนมาก "ตนอยากจะขอให้ผู้ประกอบการทุกส่วนให้ความร่วมมือและประชาชนพี่น้องต่าง ๆให้ความร่วมมือดูการถ่ายทำห่าง ๆ อย่าไปรบกวนการถ่ายเพื่อที่จะให้การถ่ายทำได้เรียบร้อยและออกมาสวยงาม และสิ่งสำคัญก็คือเจ้าของพื้นที่อย่างอุทยานฯต้องเข้าไปกำกับดูแลให้การถ่ายแต่ละที่นั้นภาพออกมาสวยงามไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งตรงนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ หากการถ่ายทำนั้นมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวก็อาจจะทำลายทรัพย์สิน แต่เท่าที่สอบถามอุทยานฯแล้วก็ได้มีการวางแผนอย่างดีเยี่ยมและป้องกันไว้แล้ว ก็ขอให้พี่น้องประชาชนวางใจ" ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กล่าว นายสลิล กล่าวอีกว่า ส่วนการท่องเที่ยวทางทะเลสำหรับปีนี้กรมอุทยานฯ ได้มีการยกเว้นการปิดเกาะในทะเลตรังช่วงโลซีซั่น จำนวน 4 เกาะ เช่น เกาะกระดาน เกาะมุกด์ เกาะแหวน เกาะเชือก ออกไปอีก 2 เดือน จากวันที่ 1 มิ.ย.ถึง 31 ก.ค.67 โดยจะไปปิดวันที่ 1 ส.ค.67 บางเกาะที่ไม่ปิดตนมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะจังหวัดตรังที่นักท่องเที่ยวมาเน้นมาเที่ยวทะเล แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเพราะในช่วงนี้เป็นช่วงหน้ามรสุมแล้ว ก็ขอให้นักท่องเที่ยวที่มาฟังคำพยากรณ์อากาศและดูเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ เราอยากให้นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวในจังหวัดตรังแล้วปลอดภัยทุกที่ ทางด้าน นายพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล ที่เดินทางมาจังหวัดตรัง เพื่อศึกษากิจการในเครือฯ กิจการและพาครอบครัวมาพักผ่อนท่องเที่ยวในจังหวัดตรัง กล่าวว่า ตนเองเดินทางมาตรังเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา ตนมองว่าตรังเป็นจังหวัดที่ดีมีเสน่ห์มาก มาตรังครั้งนี้ตนได้ไปเยี่ยมชม ชุมชนนาหมื่นศรี เยี่ยมชมการทอผ้านาหมื่นศรีและผลิตภัณฑ์ ซึ่งแถวบริเวณนั้นมีที่ท่องเที่ยวเยอะ มาถึงวันนี้ก็รู้สึกดีใจมากว่าทางจูราสสิค เวิลด์มาถ่ายทำที่ตรัง ขณะนี้เริ่มมาดูโลเคชั่น ตนคิดว่าน่าจะเป็นผลดีในหลายคนที่ไม่เคยมาจังหวัดตรัง ที่นี่มีทะเล ไม่ใช่ทะเลอย่างเดียว ผู้คน อาหาร หรือว่าในท้องนาก็จะมีภูเขาวิวทิวทัศน์ที่สวยงามใครที่ไม่เคยมาอยากให้มาเที่ยวตรัง ซึ่งถ้ากองถ่ายฮอลลีวู้ดมาถ่ายทำก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ส่วนเงินสะพัดที่เป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวสร้างความรู้จักจังหวัดตรัง โดยเฉพาะเกาะกระดาน ทะเลตรัง หลังจากหนังออกฉายทั่วโลก ตนคาดว่าสร้างเงินสะพัดอยู่ที่ 200-300 ล้าน แต่หลังจากหนังฉายมีผลระยะยาว เพราะทุกครั้งที่มีฮอลลีวู้ดเข้ามาถ่ายก็จะมีผลเป็นปี อย่างเมื่อก่อนที่ลีโอนาโด้มาถ่ายเรื่องเดอะบีซ คนทั่วโลกก็มาเที่ยวเกาะในจังหวัดกระบี่ ตนมองว่าครั้งนี้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้คนทั้งโลกมาสนใจที่จะมาท่องเที่ยวทะเลตรัง โดยเฉพาะสถานที่เคยถ่ายทำหนังเรื่องจูราสสิค เวิลด์ ภาค 4 เป็นต้น https://www.nationtv.tv/news/social/...ecommendations
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|