|
#1
|
||||
|
||||
พาไปยิ้มละไม ....กุ้ยหลิน เมืองไทย
:d
ขับรถผ่านไปผ่านมาหน้าเขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลานก็หลายต่อหลายครั้ง ไม่ได้แวะเข้าไปเที่ยวเลยสักที เมื่อปีที่แล้ว ก็เลยไปสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลกับน้องๆ และปีนี้ ก็ได้ไปซ้ำอีกครั้ง และอาจจะตามอีกหลายครั้ง แน่นอนเลยว่า แต่ละครั้งก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน มะ....ไปเที่ยวกัน....
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#2
|
||||
|
||||
เนื้อหาและภาพพาโนรามา ที่มา : วิกิพีเดีย
เขื่อนรัชชประภา มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อก่อนสร้างแล้วเสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร” เขื่อนรัชชประภา สร้างปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยพื้นทีส่นใหญ่ติดอุทยานแห่งชาติเขาสกเกือบทั้งหมด เป็น เขื่อนหินถมแกนดินเหนียว สูง 94 เมตร ความยาวสันเขื่อน 761 เมตร และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเฉลี่ยปีละ 3,057 ล้านลูกบาศก์เมตร ติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้า เครื่องละ 80,000 กิโลวัตต์ จำนวน 3 เครื่อง รวมกำลัง การผลิต 240,000 กิโลวัตต์ ให้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละประมาณ 554 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง เขื่อนรัชชประภา เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2525 แล้วเสร็จในเดือนกันยายน2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดเขื่อนรัชชประภา และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน 2530 แต่เดิมนั้นสามารถเดินทางได้โดยจาก อำเภอพนม แต่เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีความสลับซับซ้อนประกอบด้วยเหวจำนวนมากเส้นทางดังกล่าวจึงต้องปิดตัวลงโดยปัจจุบันสามรถเดินทางโดยผ่านอำเภอบ้านตาขุน เขื่อนรัชชประภา เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคใต้ ที่สร้างความมั่นคงให้แก่ระบบไฟฟ้า และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศชาติ นอกจากนี้ยังเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2530 และพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ในปี พ.ศ. 2531
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Super_Srinuanray : 08-04-2010 เมื่อ 12:14 |
#3
|
||||
|
||||
สำหรับประโยชน์ของเขื่อนดินแห่งนี้ เพื่อ
- การชลประทานเพื่อการเพาะปลูก ปริมาณน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนให้ประโยชน์ต่อการเพาะปลูกพืช บริเวณสองฝั่งแม่น้ำในตอนล่าง เป็นผลให้พื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ ในเขตท้องที่ตำบลตาขุน อำเภอคีรีรัฐนิคม และอำเภอพุนพิน สามารถทำนาปรัง และปลูกพืชในฤดูแล้งได้ผลดี - บรรเทาอุทกภัย การกักเก็บน้ำของเขื่อนในฤดูฝน จะช่วยลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่างได้เป็นอย่างดี - การประมง อ่างเก็บน้ำของเขื่อนรัชชประภาเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ทุกๆ ปี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ปล่อยพันธุ์ปลาและกุ้งเป็นจำนวนมากลงไปในอ่างเก็บน้ำ สามารถให้ผลผลิตทางด้านการประมงเฉลี่ยปีละ 300 ตัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับราษฎรในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง - การท่องเที่ยว ทัศนียภาพโดยรอบบริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ สวยสดงดงาม และสงบร่มรื่น เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 70,000 คน ให้เดินทางมาเยี่ยมชมเขื่อนรัชชประภา พื้นที่อ่างเก็บน้ำมีทัศนียภาพอันงดงาม ประกอบด้วยยอดเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย จนได้รับฉายาว่า "กุ้ยหลิน เมืองไทย" ซึ่งพื้นที่น้ำเกือบทั้งหมด อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก (เว้นเพียงพื้นที่น้ำในเขตทุ่นลอย อันได้แก่ รอบพระตำหนักเรือนรับรองที่ประทับ หน้าช่องระบายน้ำ และตลอดแนวสันเขื่อน อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) - การผลิตไฟฟ้า พลังน้ำจากเขื่อนสามารถนำมาผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละ 315 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยเสริมระบบไฟฟ้าในภาคใต้ให้มั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้น้ำที่ปล่อยผ่านเครื่องผลิตไฟฟ้า ยังส่งต่อเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม บริเวณพื้นที่ท้ายน้ำอีกด้วย - แก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม สภาพน้ำที่มีบปริมาณน้อยของลำน้ำพุมดวง-ตาปี ในฤดูแล้ง ทำให้เกิดภาวะน้ำเน่าเสียได้ง่าย ขณะเดียวกันบริเวณปากแม่น้ำจะมีน้ำเค็มรุมล้ำเข้ามาตามลำน้ำ น้ำที่ปล่อยจากเขื่อนรัชชประภาจะช่วยเจือจางน้ำเสียในลำน้ำ และต้านทานการรุกล้ำของน้ำเค็มที่ปากแม่น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ณ วันนี้ ประโยชน์ของการท่องเที่ยวก็ได้มาถึง โดยเราได้ไปเที่ยวกุ้ยหลิน เขื่อนเชี่ยวหลาน โดยมีเพื่อนสนิทจาก นิวซีแลนด์ ชื่อ Sumo and Carol มาเป็นแขกพิเศษของเราเอง
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#4
|
||||
|
||||
เที่ยวนี้ ได้โกรงค์ผู้เชี่ยวชาญการเดินป่า เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ เรานั่งเรือหางยาว
ล่องเข้าไปในบริเวณเก็บกักน้ำ ที่รายล้อมด้วยเขาหินปูน และน้ำที่เขียวมรกต
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#5
|
||||
|
||||
ระหว่างทางก็นั่งกินลมชมวิวไปรอบๆๆ สวยมาก หากเราไปตอนเช้า
จะไม่ร้อนเลย แถมบรรยากาศ ก็สดชื่น จริงๆๆ
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#6
|
||||
|
||||
นี่ก็เป็นอีกทางเลือก ทางหนึ่งของเรา
จะเห็นได้ว่า การเดินทางมาเที่ยวในบ้านเราก็ไม่ได้ยุ่งยาก หรือเสียค่ารใช้จ่ายมากไปกว่า ไปเที่ยวกุ้ยหลินเมืองจีนเลย
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#7
|
||||
|
||||
จุดหมายแรกที่เราไป คือการไปเที่ยวที่ถ้ำปะการัง ซึ่งอยู่เกือบทางด้านต้นน้ำของเขื่อน เราต้องเดินเท้า อีกประมาณ 1 กม. ก่อนที่จะข้ามแพเครื่องไปที่ถ้ำ
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#8
|
||||
|
||||
ระหว่างทางที่เดิน เราะพบร่องรอยของหมูป่า ที่เดินผ่านไป ตั้งแต่เช้า
และพบเห็นลูกยาง ที่เราเคยเอามาเล่น เฮลิคอปเตอร์ สมัยเด็กๆ ด้วย ระยะทางขนาดนี้ ไม่ลำบากเลย และร่มเย็น เมื่อเรามาถึงสถานี ที่เป็นที่ต้องนั่งแพ ข้ามไปที่ถ้ำ เราต้องนั่งรอตามคิว ซึ่ง ทำให้พวกเราได้นั่งพักเล่นกันอย่างสนุกสนาน :d
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#9
|
||||
|
||||
กระโดด บ้าง นั่งเล่นบ้าง กินขนมบ้าง
ในที่สุด เวลาของการล่องแพเล็กก็มาถึง เราใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงถ้ำปะการัง
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#10
|
||||
|
||||
ถ้ำปะการังนี้ ก็เป็นลักษณะของถ้ำหินปูน ซึ่งเคยปิดมาก่อนหน้านี้ประมาณ 6 ปี
และเพิ่งจะเปิดให้มีผู้เข้าชม ก่อนการเข้า จะมีกฎระเบียบเช่น ห้ามจับต้อง ห้ามหยิบ หักชิ้นส่วน ใดๆ ซึ่งในบางถ้ำ อาจจะมีการห้ามถ่ายรูปด้วยซ้ำ แต่สำหรับที่นี่ เราสามารถถ่ายรูปได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังห้ามโดนชิ้นส่วนใดๆๆของก้อนหินงอกทั้งหมดด้วย
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
|
|