เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 03-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 3 กันยายน 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 4-8 ก.ย. 67 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าว เดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวนี้ไว้ด้วย

สำหรับพายุโซนร้อน "ยางิ" (YAGI) ที่ปกคลุมประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 3-4 ก.ย. 67 และจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และพายุไต้ฝุ่นตามลำดับ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 3 ? 7 ก.ย. 67 ร่องมรสุมกำลังปานกลางเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ภาคตะวันออก และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

หลังจากนั้นในวันที่ 8 ก.ย. 67 ร่องมรสุมกำลังปานกลางจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะเริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

สำหรับในช่วงวันที่ 2 ? 3 ก.ย. 67 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดระนองขึ้นมาและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดพังงาลงไปมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ในช่วงวันที่ 4 ? 8 ก.ย. 67 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง พายุโซนร้อน "ยางิ" (YAGI) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 3 ? 4 ก.ย. 67 และจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และพายุไต้ฝุ่นตามลำดับ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 7 ? 8 ก.ย. 67 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 3 ? 7 ก.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 4 ? 8 ก.ย. 67



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและทะเลอ่าวไทยตอนบน ฉบับที่ 4 (159/2567) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 3-7 กันยายน 2567)


ในช่วงวันที่ 3-7 ก.ย. 67 ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้


ในวันที่ 3 กันยายน 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ชัยภูมินครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม ราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่


ในช่วงวันที่ 4 กันยายน 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล


ในช่วงวันที่ 5 กันยายน 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง


ในช่วงวันที่ 6-7 กันยายน 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช
ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่


สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 4-8 ก.ย. 67 ทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าว เดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง พายุโซนร้อน "ยางิ" (YAGI) ที่ปกคลุมประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 3-4 ก.ย. 67 และจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และพายุไต้ฝุ่นตามลำดับ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 03-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เผยภาพซากเรือไททานิกเริ่มมีสภาพผุกร่อน



ผลการสำรวจซากเรือไททานิกครั้งใหม่ เผยให้เห็นราวกั้นส่วนหัวเรือ ที่เคยปรากฏในฉากสำคัญในภาพยนตร์ไททานิก ที่พังลงสู่ก้นทะเล

ผลการสำรวจครั้งใหม่ได้เปิดเผยถึงผลกระทบของการเสื่อมโทรมอย่างช้าๆ ของเรือไททานิก โดยแผงราวกั้นส่วนหัวเรือได้จมลงสู่พื้นทะเลแล้ว

การสูญเสียราวบันไดซึ่งตัวละครแจ็คและโรส ในฉากสำคัญของภาพยนตร์เรื่องไททานิก ถูกค้นพบระหว่างการสำรวจหลายครั้งของหุ่นยนต์ใต้น้ำในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ภาพที่พวกเขาบันทึกไว้ได้แสดงให้เห็นว่าซากเรือเกิดการเปลี่ยนแปลง หลังจากจมอยู่ใต้ทะเลมานานกว่า 100 ปี หลังจากชนภูเขาน้ำแข็ง และอับปางลงในเดือนเมษายน 2455 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,500 คน

RMS Titanic บริษัทที่ดำเนินการสำรวจครั้งนี้กล่าวว่า ราวกั้นซึ่งมีความยาวประมาณ 4.5 เมตร หลุดออกไปเมื่อช่วงหนึ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยภาพและการสแกนดิจิทัลจากการสำรวจในปี 2022 ที่ดำเนินการโดยบริษัทแมกเจลแลน ที่ทำแผนที่ใต้ทะเลลึก และบริษัทแอตแลนติก โปรดักชันส์ ผู้ผลิตสารคดี แสดงให้เห็นว่าราวบันไดยังคงยึดติดอยู่ แม้ว่าจะเริ่มบิดงอแล้วก็ตาม

ราวกั้นดังกล่าวไม่ใช่แค่ส่วนเดียวของเรือไททานิกซึ่งอยู่ลึกลงไป 3,800 เมตรเท่านั้น ที่หลุดลงไปในทะเล โดยโครงสร้างโลหะกำลังถูกจุลินทรีย์กัดกร่อนจนเกิดหินงอกที่เป็นสนิมเรียกว่าสนิมเหล็ก

การสำรวจครั้งก่อนพบว่าบางส่วนของไททานิกกำลังพังทลาย การดำน้ำที่นำโดยวิกเตอร์ เวสโคโว นักสำรวจ ในปี 2562 แสดงให้เห็นว่าด้านขวาของห้องพักของเจ้าหน้าที่เรือกำลังพังถล่ม ห้องรับรองพังเสียหาย และทำให้ไม่สามารถมองเห็นพื้นที่ส่วนห้องน้ำของกัปตันเรือ

การสำรวจของ RMS Titanic เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ยานยนต์ควบคุมระยะไกลสองคัน ได้บันทึกภาพได้กว่าสองล้านภาพและฟุตเทจความละเอียดสูง 24 ชั่วโมงของซากเรือทั้งสองส่วน ซึ่งแยกออกจากกันขณะที่เรือจมลง โดยส่วนหัวเรือและส่วนท้ายเรืออยู่ห่างกันประมาณ 800 เมตร และมีเศษซากต่างๆ อยู่รอบๆ ขณะนี้ บริษัทกำลังตรวจสอบฟุตเทจอย่างระมัดระวังเพื่อจัดทำรายการการค้นพบ และจะสร้างการสแกนแบบดิจิทัล 3 มิติที่มีรายละเอียดสูงของซากเรือทั้งหมด โดยจะมีการเปิดเผยภาพเพิ่มเติมจากการดำน้ำในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

บริษัทยังได้ประกาศการค้นพบสิ่งของสำคัญ คือรูปปั้นสัมฤทธิ์ที่มีชื่อเรียกว่า ไดอาน่าแห่งแวร์ซายส์ หลังจากในปี 1986 โรเบิร์ต บัลลาร์ด ได้พบรูปปั้นนี้และเคยถ่ายภาพไว้ แต่ไม่มีใครทราบตำแหน่งที่แน่นอน และรูปปั้นสูง 60 ซม. นี้ก็ไม่เคยใครบันทึกภาพไว้อีก โดยมีการค้นพบรูปปั้นนี้นอนหงายหน้าอยู่ในตะกอนในบริเวณซากเรือ จากเดิมที่รูปปั้นนี้เคยจัดแสดงให้ผู้โดยสารชั้นหนึ่งของเรือไททานิกได้ชม

ทั้งนี้ RMS Titanic มีสิทธิ์ในการกู้ซากเรือไททานิก และเป็นบริษัทเดียวที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายในการนำสิ่งของออกจากบริเวณซากเรือ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้นำสิ่งของกลับมาจากบริเวณซากเรือได้หลายพันชิ้น ซึ่งบางส่วนได้นำไปจัดแสดงทั่วโลก

บริษัทวางแผนที่จะกลับมาในปีหน้าเพื่อกู้สิ่งของต่างๆ เพิ่มเติม และรูปปั้นไดอานาเป็นหนึ่งในสิ่งของที่บริษัทต้องการนำกลับมาไว้บนผิวน้ำ
แต่บางคนเชื่อว่าซากเรือเป็นหลุมศพที่ไม่ควรถูกแตะต้อง.

ที่มา BBC


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2812063

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 03-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


จมเรือต.94-95 ปะการังเทียม แหล่งเรียนรู้ ทะเลอ่าวไทย



กองทัพเรือเตรียมจัดพิธีอำลา 2 เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง "ต.94/ ต.95" ก่อนจมเรือลงสู่ใต้ผืนสมุทร กลางทะเลอ่าวแสมสาร สัตหีบ ให้เป็นอุทยานเรือรบแหล่งเรียนรู้ แหล่งปะการังเทียม และที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล หลังเรือทั้งสองลำที่กองทัพเรือต่อขึ้นและนำเข้าประจำการให้เหล่าทหารเรือปฏิบัติภารกิจปกป้องผืนทะเลไทยมายาวนานเกือบ 4 ทศวรรษ

กองทัพเรือเตรียมนำเรือตรวจการณ์ที่ปลด ระวางแล้ว ทำเป็นแหล่งเรียนรู้ใต้ท้องทะเล โดยเมื่อ เวลา 09.09 น. วันที่ 1 ก.ย. กองทัพเรือได้นำเรือ ศรีราชา ออฟชอร์ 881 เคลื่อนย้ายลากจูงเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.94 และ ต.95 ที่ปลดระวางไปแล้ว ออกเดินทาง จากท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มุ่งหน้าสู่กลางทะเล ลอยลำบริเวณร่องน้ำด้านทิศตะวันออก ระหว่างเกาะจวงและเกาะจาน อ่าว แสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมในพิธีจมเรือลงสู่ใต้ผืนสมุทร ให้เป็นอุทยานเรือรบแหล่งเรียนรู้ใต้ท้องทะเล คงไว้ซึ่งเป็นสถานที่รำลึกถึงวีรกรรมของเหล่านักรบวีรชนทหารเรือ ที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องผืนทะเลไทย บนเรือรบทั้ง 2 ลำนี้มาอย่างยาวนานเกือบ 40 ปี และเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวใหม่ให้กับเหล่านักดำน้ำได้ชื่นชมเรือรบอันสง่างาม ตลอดจนเป็นแหล่งปะการังเทียม และเป็น ที่อยู่อาศัยให้กับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล โดยพลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นประธาน ในพิธีจมเรือ ที่จัดขึ้นอย่างสมเกียรติบนดาดฟ้าเรือหลวงกระบุรี ในช่วงเวลา 10.00 น.วันที่ 3 ก.ย.นี้

สำหรับเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.94 และ ต.95 เป็นเรือชุดเดียวกับเรือ ต.91 เป็นเรือที่ได้รับพระมหา กรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการ พระราชทานพระราชดำริ และพระบรมราชวินิจฉัย เกี่ยวกับการต่อเรือ เพื่อพึ่งพาตนเองของกองทัพเรือ ต่อโดยกรมอู่ทหารเรือ นับตั้งแต่การสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.91 ถึงเรือ ต.99 จำนวน 9 ลำ ระหว่าง ปี พ.ศ.2510-2530 อันเป็นโครงการของกองทัพเรือ ตามพระราชดำริของพระองค์ จนได้รับสมัญญาเรือชุดนี้ว่า "เรือของพ่อ"

ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2562 พลเรือเอก นพดล สุภากร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น ได้กระทำพิธีปลดระวางประจำการเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง จำนวน 3 ลำ ได้แก่ เรือ ต.94 ประจำการครั้งแรกเมื่อ 16 ก.ย.2524 ปฏิบัติภารกิจ ในทะเล 38 ปี เรือ ต.95 ประจำการครั้งแรกเมื่อ 27 ธ.ค.2525 ปฏิบัติภารกิจในทะเล 37 ปี ไปพร้อมกับเรือ ต.91 ลำแรก ที่ประจำการครั้งแรกเมื่อ 12 ส.ค.2511 ปฏิบัติภารกิจในทะเลยาวนานถึง 52 ปี ณ ท่าเทียบเรือ แหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี


https://www.thairath.co.th/news/local/2811994

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 03-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ชาวตราดเชียร์! สร้าง "ทางด่วนเชื่อมเกาะช้าง" 1.5 หมื่นล้าน ต้นปีหน้าเคาะแนวเส้นทาง



ชาว "ตราด" ดีใจได้ "ทางด่วนเชื่อมเกาะช้าง" กทพ. ชง 4 แนวเส้นทาง 6-10 กม. 1.2-1.5 หมื่นล้าน ประชาชนเชียร์เส้นทางที่ 1-2 ใกล้ตัวเมือง เดินทางไปหาหมอ-เรียนสะดวก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจังหวัด แนะสร้างจุดพักรถ-จุดชมวิว แลนด์มาร์คใหม่ ขอเลนมอเตอร์ไซค์-จักรยาน ค่าผ่านทางต้องไม่สูงกว่าเรือข้ามฟาก คาดเริ่มสร้างปี 72 เปิดปี 76

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่โรงแรมเอวาด้า จ.ตราด นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า กทพ. ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 (การปฐมนิเทศโครงการ) งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางพิเศษ(ด่วน)เชื่อมเกาะช้าง จ.ตราด มีนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดประชุม เพื่อประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ข้อมูลโครงการ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ พื้นที่ศึกษา ขอบเขตการดำเนินงาน แผนดำเนินงาน และแนวเส้นทางให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่รับทราบ และร่วมให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปประกอบการศึกษาความเหมาะสมฯต่อไป

นายกาจผจญ กล่าวต่อว่า การศึกษาความเหมาะสมฯ จะใช้เวลา 2 ปี ศึกษาแล้วเสร็จวันที่ 19 พ.ค.69 จากนั้นจะเสนอขออนุมัติรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) และขออนุมัติการดำเนินโครงการจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 72 เปิดบริการปี 76 จะเป็นอีกทางเลือกในการเดินทางสู่เกาะช้างให้ประชาชน ได้รับความสะดวก ปลอดภัย ลดระยะเวลาการเดินทาง ปกติเรือข้ามฟากประมาณ 30-40 นาที แต่ถ้ามีทางด่วนใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ช่วยเพิ่มศักยภาพการคมนาคม และส่งเสริมการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เบื้องต้นโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นในพื้นที่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด เชื่อมข้ามทะเลอ่าวไทย สิ้นสุดที่ อ.เกาะช้าง จ.ตราด ระยะทางประมาณ 6-10 กิโลเมตร(กม.) วงเงินอยู่ที่ประมาณ 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท

นายกาจผจญ กล่าวอีกว่า จากการศึกษาทบทวน และรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถกำหนดแนวเส้นทางเลือกของโครงการได้ 4 แนวเส้นทางเลือก ดังนี้ แนวเส้นทางเลือกที่ 1 จุดเริ่มต้นอยู่บนทางหลวงหมายเลข 3156 บริเวณ กม. 0+850 บ้านหนองปรือ ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด จุดสิ้นสุดอยู่บนถนน อบจ.ตร.10026 บริเวณ กม. 8+550 บ้านด่านใหม่ ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ระยะทาง 9.82 กม., ทางเลือกที่ 2 จุดเริ่มต้นอยู่บนทางหลวงหมายเลข 3156 บริเวณ กม. 0+850 บ้านหนองปรือ ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด จุดสิ้นสุดอยู่บนถนน อบจ.ตร.10026 บริเวณ กม. 6+750 บ้านด่านใหม่ ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ระยะทาง 9.95 กม.

ทางเลือกที่ 3 จุดเริ่มต้นอยู่บนทางหลวงชนบทหมายเลข ตร.4006 บริเวณ กม.2+840 บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด จุดสิ้นสุดอยู่บนถนน อบจ.ตร.10026 บริเวณ กม. 5+300 บ้านด่านใหม่ ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ระยะทาง 5.90 กม. และทางเลือกที่ 4 จุดเริ่มต้นอยู่บนทางหลวงชนบทหมายเลข ตร.4006 บริเวณ กม.3+500 บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด จุดสิ้นสุดอยู่บนถนน อบจ.ตร.10026 บริเวณ กม. 1+900 บ้านคลองสน ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ระยะทาง 5.59 กม. ทั้งนี้การคัดเลือกแนวเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดจะพิจารณาจากด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจและการลงทุน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดย กทพ. จะนำกลับมาเสนอในการประชุมรับฟังความคิดเห็นฯ ครั้งที่ 2 (ผลการคัดเลือกแนวเส้นทางที่เหมาะสม) ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.68 ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้ ประชาชนที่เข้าร่วมประชุม และลุกขึ้นแสดงความคิดเห็นต่างเห็นด้วย และดีใจที่จะมีการก่อสร้างทางด่วนเชื่อมเกาะช้าง เนื่องจากรอคอยมาเป็นเวลานาน และที่ผ่านมามีการพูดถึงกันมาก แต่ครั้งนี้มีความเป็นรูปธรรมมากที่สุด อยากให้โครงการนี้เกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตามเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวเส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 เพราะเป็นแนวเส้นทางที่ตรงกับความต้องการของคนในพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่ง คนส่วนใหญ่ต้องการเดินทางเข้าเมืองเป็นหลัก และเดินทางเป็นประจำ สามารถไปโรงเรียน หรือไปโรงพยาบาลได้อย่างสะดวก โดย 2 แนวทางนี้อยู่ใกล้ตัวเมืองมากกว่าแนวเส้นทางเลือกที่ 3 และ 4 นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของ จ.ตราด ได้อย่างสะดวก อาทิ อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ แหลมศอก และยังเที่ยวในตัวเมืองตราดได้

ปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวมา จ.ตราด จะไปแต่เกาะช้าง และกลับเลย จึงอยากให้นักท่องเที่ยวรู้จัก จ.ตราดให้มากขึ้น ทุกวันนี้คนในตัวเมืองไม่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวเลย หากก่อสร้างตามแนวเส้นทางที่ 1 และ 2 จะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถแวะเที่ยวตัวเมืองตราด และซื้อของฝากกลับไปได้ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของ จ.ตราด ไปพร้อมๆ กับเกาะช้าง ขณะเดียวกันอยากให้มีการสร้างจุดพักรถ(Rest Area) จุดชมวิว เป็นแลนด์มาร์กใหม่กลางสะพาน หรือบริเวณจุดขึ้นลง รวมถึงต้องการให้มีช่องจราจรสำหรับมอเตอร์ไซค์ หรือจักรยาน และค่าผ่านทางไม่สูงเกินค่าเรือเฟอรี่ข้ามฟาก หรือควรมีส่วนลดสำหรับคนในพื้นที่ โดยข้อเสนอต่างๆ เหล่านี้ กทพ. ขอรับไปพิจารณาทั้งหมด


https://www.dailynews.co.th/news/3819023/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 03-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


จับตา 'ดูไบ พอร์ต เวิลด์' มาแรง ร่วมทุน "แลนด์บริดจ์" 'สุริยะ' ยันเปิดกว้างตั้งคณะทำงานร่วมแค่ศึกษาไม่ผูกมัด



"สุริยะ" ยันตั้งคณะทำงานร่วม "ดูไบ พอร์ต เวิลด์" ศึกษา "แลนด์บริดจ์" ไม่ผูกมัดเปิดทางจีน ญี่ปุ่น และนักลงทุนทั่วโลกทำได้เหมือนกัน เผยร่าง พ.ร.บ. SEC พร้อมชง ครม.อนุมัติปีนี้ ด้าน รฟท.-ทล.เร่งออกแบบรถไฟและมอเตอร์เวย์ เปิดไทม์ไลน์ปี 68 ตั้งสำนักงาน SEC และเปิดประมูลปักธงเริ่มสร้างเฟส 1 แล้วเสร็จปลายปี 73 หนุนเศรษฐกิจไทยโตอย่างยั่งยืน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้และเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (ชุมพร-ระนอง) หรือโครงการแลนด์บริดจ์ว่า กระทรวงคมนาคม ภายใต้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะยังคงเดินหน้าผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมต่อไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ รวมถึงผลักดันเศษรฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน


@พร้อมชง ครม.ใหม่เคาะ พ.ร.บ. SEC

ขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างส่งรายละเอียดการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ?. หรือ พ.ร.บ. SEC เพื่อรอบรรจุวาระ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) เพื่อพิจารณาและมีมติมอบหมายให้ สนข.เป็นผู้จัดทำร่าง พ.ร.บ. SEC ก่อนเข้าสู่กระบวนการอื่นๆ และเสนอร่าง พ.ร.บ.SEC ไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนกันยายน 2568 ต่อไปเมื่อ พ.ร.บ. SEC มีผลบังคับใช้แล้วจะมีการจัดตั้งสำนักงาน SEC เพื่อเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์

ทั้งนี้ ในช่วงปี 2566 การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้มีการจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียด และการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร (Meter Gauge) ซึ่งจะแล้วเสร็จปลายปี 2567 และเข้าสู่ขั้นตอนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณา EIA ต่อไป ส่วนรถไฟทางคู่ขนาด 1.435 เมตร (Standard Gauge) จะออกแบบรายละเอียดไตรมาส 1 ปี 2568 ส่วนกรมทางหลวง (ทล.) จ้างศึกษาออกแบบและจัดทำรายงาน EIA ไตรมาส 4 ปี 2567 แล้วเสร็จไตรมาส 4 ปี 2568 สอดคล้องกับที่ สนข.ได้จ้างออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 แล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2568 และส่งให้ สผ. พิจารณาแล้วเสร็จในปี 2568 เช่นเดียวกัน

ในส่วนขั้นตอนของกระบวนการคัดเลือกเอกชนนั้น จะเริ่มการจัดทำร่างเอกสารเชิญชวนผู้ลงทุนในการร่วมลงทุนโครงการ (RFP) ในไตรมาส 2 ปี 2568 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2569 จะคัดเลือกผู้ลงทุนแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2569 จากนั้นจะออก พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน ไตรมาส 3 ปี 2569 ก่อนเสนอ ครม.อนุมัติโครงการภายในไตรมาส 2 ปี 2569 คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญากับผู้ชนะการประกวดราคา และเริ่มดำเนินการก่อสร้าง โดยการก่อสร้างระยะที่ 1 นั้นเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 3 ปี 2569 แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2573 ตามแผนที่กำหนดไว้


@ยันตั้งคณะทำงานร่วม "ดูไบ พอร์ต เวิลด์" แค่ศึกษาไม่ผูกมัด เปิดทางจีน ญี่ปุ่นทำได้เหมือนกัน

รายงานข่าวเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2567 ช่วงนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับสุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกลุ่มบริษัทและผู้บริหารธุรกิจโลจิสติกส์และ Supply Chain ยักษ์ใหญ่ระดับโลก "บริษัท Dubai Port World (DP World)" เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในประเทศไทย และการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งของภูมิภาค ทั้งนี้ทาง DP World ให้ความสนใจโครงการแลนด์บริดจ์อย่างมาก และทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมลงทุนกันของทั้งสองฝ่าย ใช้เวลาศึกษาประมาณ 4 เดือน


@"ปลัดคมนาคม" หัวหน้าทีมคณะทำงานฝ่ายไทย

มีรายงานข่าวล่าสุด กระทรวงคมนาคมได้สรุปคณะทำงานทั้ง 4 คน เพื่อเสนอให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พิจารณาไม่เกินภายในต้นเดือน ก.ย.นี้ ประกอบด้วย 1. นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานคณะทำงานฝ่ายไทย 2. นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) 3. นายจิรโรจน์ ศุกลรัตน์ รอง ผอ.สนข. 4. ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สํานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม

โดยตามไทม์ไลน์ ภายในเดือน ก.ย.ฝ่ายไทยจะส่งรายชื่อคณะทำงานให้ทาง DP World ทราบและเห็นชอบการตั้งคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่าย และเริ่มการประชุมคณะทำงานต่อไป

แหล่งข่าวระบุว่า การที่ตั้งคณะทำงานร่วมกับ DP World ครั้งนี้ไม่ใช่การยกโครงการให้กับทางการดูไบ เพียงแต่เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกันเท่านั้น ซึ่งทาง DP World เคยมี MOU ศึกษาโครงการนี้ร่วมกับรัฐบาลไทยมาตั้งแต่สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแล้ว

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า ขณะที่การจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับบริษัท Dubai Port World (DP World) นั้น ไม่ได้ผูกมัดหรือกีดกันรายใดรายหนึ่ง แต่เนื่องจาก DP World นั้นเป็นบริษัทใหญ่ที่มีกองเรือขนาดใหญ่ และมีท่าเรือที่มีความทันสมัย จึงถือเป็นนักลงทุนที่มีความพร้อมและแสดงความสนใจเข้าร่วมลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย ซึ่งหากผู้ประกอบการเอกชนรายอื่นๆ ทั้งประเทศจีน ญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต้องการจะตั้งคณะทำงานร่วมกับประเทศไทย สามารถแสดงความประสงค์มาได้ทันที โดยยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม และรัฐบาลไทยมีความยินดีต้อนรับนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก ยืนยันว่าการประมูลโครงการแลนด์บริดจ์ ทุกกระบวนการในการดำเนินการนั้นมีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และสามารถตรวจสอบได้


https://mgronline.com/business/detail/9670000081100

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 03-09-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ไข่มุกเมโล ขายได้จริง! เสียดายได้แค่ครึ่งล้าน หลังเอาไปต้ม



วันที่ 2 กันยายน 25267 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pook Sukonta Berthebaud โพสต์ภาพไข่มุกเมโล ขนาดเท่าเหรียญ 10 บาท ที่พบในหอยโข่งทะเล โดยระบุข้อความว่า "เจอแล้ว! คนที่เจอไข่มุกเมโลในหอยและขายได้จริงติดต่อมา


สวัสดีค่ะคุณปุ๊ก มารายงานตัวในฐานะที่เคยเจอไข่มุกเมโลในหอยโข่งทะเล ขนาด 94 กะรัต ขายได้ราคา 500,000 บาท เพราะผ่านการต้มแล้วทำให้ไข่มุกมีรอยร้าวจากการโดนความร้อน ราคาที่ได้เลยลดลงครึ่งนึงจากราคา 1,000,000 คือราคาไม่ได้สูงเหมือนที่ข่าวนำเสนอค่ะ

ในประเทศจะมีผู้ซื้อหลักๆ อยู่ 2 เจ้าค่ะ แล้วนำไปขายต่อให้กับนักสะสมต่างชาติ ส่วนไข่มุกที่เจอในหอยอื่นๆ จะไม่มีราคา ไม่เป็นที่นิยมค่ะ ถ้าเป็นไข่มุกเมโล จะราคาดี เนื่องจากยังไม่สามารถทำฟาร์มได้ ต้องเจอตามธรรมชาติเท่านั้น ขออนุญาตส่ง TikTok ของพ่อค้าที่มารับซื้อนะคะ ตอนที่เจอไม่ได้อยากให้เป็นข่าว เพราะกลัวคนยืมเงินค่ะ?

สำหรับไข่มุกเมโล (Melo Pearl) หรือมุกหอยโข่งทะเล หรือมุกสังข์ทะนาน เป็นไข่มุกธรรมชาติที่เกิดขึ้นในหอยโข่งทะเล และหอยสังข์ โอกาสเกิดไข่มุกเมโลมีเพียง 1 ตัว ในทุกๆ 3,000 ตัว และพบได้เฉพาะในทะเลบริเวณประเทศเมียนมา ไทย เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งไข่มุกเมโลมีหน่วยวัดน้ำหนักเป็นกะรัตเหมือนกับเพชร

ไข่มุกเมโลมีหลายขนาด มักเป็นทรงกลม และมีความแข็งกว่าไข่มุกทั่วไป มีสีเหลืองอ่อน สีส้ม ไปถึงสีส้มเข้มจนเกือบสีน้ำตาล สีที่ดีและมีมูลค่ามากที่สุด คือ สีส้ม แต่สีของไข่มุกเมโลอาจจางลงได้เมื่อโดนแสงแดดเป็นเวลานาน เราสามารถเพาะเลี้ยงไข่มุกทั่วไปได้ แต่เรายังไม่ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงไข่มุกเมโล

ขอบคุณข้อมูล : Pook Sukonta Berthebaud , ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา


https://www.naewna.com/likesara/826445

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:04


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger