|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าว รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และมีการระบายอากาศที่ไม่ดี กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 9 - 10 มี.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดหลายพื้นที่ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ในระยะแรก สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังอ่อนที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 11 - 14 มี.ค. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 9 - 10 มี.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 6 (57/2567) (มีผลกระทบบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 9-10 มีนาคม 2567) บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย โดยจะมีผลกระทบดังนี้ วันที่ 9 มีนาคม 2567 ภาคเหนือ: จังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา และบุรีรัมย์ ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา และชลบุรี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล วันที่ 10 มีนาคม 2567 ภาคเหนือ: จังหวัดตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ และนครราชสีมา ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และฉะเชิงเทรา ภาคกลาง: จังหวัดลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
สำรวจ ร.ล.สุโขทัย วันที่ 16 ยังไม่พบกำลังพลสูญหาย ตัดเสากระโดงได้สำเร็จ เข้าสู่วันที่ 16 ของการค้นหาและปลดอาวุธอันตรายเรือหลวงสุโขทัย ยังไม่พบผู้ที่สูญหาย พร้อมตัดเสากระโดงเรือได้สำเร็จ เพิ่มความลึกจากระดับน้ำทะเลถึงส่วนสูงสุดของเรือ ให้มีความปลอดภัยในการสัญจร เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 8 มีนาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่ 16 ของ "ภารกิจกู้เรือหลวงสุโขทัย (แบบจำกัด)" ซึ่งเป็นการปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตรายเรือหลวงสุโขทัย พลเรือตรี วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ ได้มีการเปิดเผยว่า ชุดปฏิบัติการร่วมของกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐฯ บนเรือ Ocean Valor ที่จอดเรืออยู่บริเวณอ่าวไทยใกล้จุดที่เรือหลวงสุโขทัยล่ม มีการดำน้ำ จำนวน 4 เที่ยว โดยมีภารกิจในการค้นหาผู้สูญหายบริเวณรอบตัวเรือ และการตัดเสากระโดงเรือ เพื่อเพิ่มความลึกจากระดับน้ำทะเลถึงส่วนสูงสุดของเรือ ให้มีความปลอดภัยในการสัญจร โดยผลการปฏิบัติ ไม่พบผู้สูญหาย สามารถดำเนินการตัดเสากระโดงเรือ ร.ล.สุโขทัย ขึ้นสู่เรือ Ocean Valor ได้สำเร็จ กำลังพลทุกนายปลอดภัย สำหรับการปฏิบัติการพรุ่งนี้ จะมีการปฏิบัติการดำน้ำร่วมกัน ในการค้นหาผู้สูญหายบริเวณรอบตัวเรือและตัดโซ่สมอเรือทั้ง 2 ข้าง https://www.thairath.co.th/news/local/central/2769104
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ปรากฏการณ์ "เกาะความร้อน" ทำไมคนในเมืองใหญ่รู้สึกร้อนกว่ารอบนอก รู้จัก ปรากฏการณ์ "เกาะความร้อน" หรือ โดมความร้อน (Urban Heat Island : UHI) เหตุใดคนในเมืองใหญ่จึงรู้สึกร้อนกว่ารอบนอก เคยสงสัยหรือไม่ว่า เหตุใดจึงรู้สึกว่าในเมืองร้อนกว่าที่อื่น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นตึกสูงระฟ้ามากมาย มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งนอกจากผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความร้อนในเมืองใหญ่มีอุณหภูมิสูงขึ้นก็คือ "ปรากฏการณ์เกาะความร้อน" หรือ "โดมความร้อน" (Urban Heat Island : UHI) รู้จัก ปรากฏการณ์เกาะความร้อน เป็นปรากฏการณ์ที่พื้นที่ในเมืองมีอุณหภูมิสูงกว่าเมื่อเทียบกับพื้นที่ชานเมืองรอบนอก เนื่องจากในเวลากลางวัน ตึกสูงและพื้นคอนกรีตที่มีอยู่มากมายในเมืองได้ดูดซับความร้อนไว้ แล้วจะคลายความร้อนออกมาเมื่ออุณหภูมิเย็นลงในเวลากลางคืน ประกอบกับอาคารตึกสูงยังกีดขวางการเคลื่อนไหวของลม ทำให้การพาของความร้อนเป็นไปได้ไม่สะดวก ทั้งนี้ ปรากฏการณ์เกาะความร้อน ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ ทำให้เกิดความเครียดจากความร้อน รวมไปถึงการสิ้นเปลืองพลังงานจากการเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อต่อสู้กับความร้อน เรียกได้ว่าทั้งสิ้นเปลืองพลังงานและเงินค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของการเกิดฝนตกช่วงเลิกงาน หรือฝนราชการ เนื่องจากเมืองสะสมความร้อนไว้ตลอดวัน ทำให้ความร้อนเหล่านี้ดึงความชื้นขึ้นไปสะสมบนท้องฟ้าจำนวนมาก จนกลายเป็นกลุ่มเมฆแล้วตกลงมาเป็นฝนในช่วงเย็นถึงค่ำ แต่จะเป็นฝนที่มีความเป็นกรดและสกปรก เนื่องจากเป็นการชะเอาก๊าซเรือนกระจกและฝุ่นควันที่สะสมในเมืองลงมาด้วย และยังส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนรูปแบบของลมประจำถิ่น การเกิดเมฆ หมอก ความชื้น และอัตราของหยาดน้ำฟ้า (Precipitation) แนวทางการแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามในการแก้ปัญหาปรากฏการณ์เกาะความร้อนนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว ซึ่งการจะแก้ปัญหาได้ดีคือการเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง สามารถบรรเทาปรากฏการณ์เกาะความร้อนได้ดังนี้ 1. เพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ เนื่องจากต้นไม้ให้ร่มเงา ช่วยฟอกอากาศ ดูดซับแสงอาทิตย์ สามารถลดความร้อนในเมืองได้ รวมไปถึงการเพิ่มสวนสาธารณะ การปลูกต้นไม้ริมถนน หรือการปลูกต้นไม้รอบอาคาร หรือบนดาดฟ้า 2. การเพิ่มการสะท้อนออกของพื้นผิว เช่น การใช้วัสดุสะท้อนความร้อน การเปลี่ยนสีของพื้นผิววัตถุให้เป็นสีขาวหรือสีอ่อน เพื่อลดการสะสมความร้อน 3. การนำแนวคิดเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน (Green City) มาปรับใช้ ข้อมูลจาก Action for Climate Empowerment Thailand, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม https://www.thairath.co.th/futureper...ticles/2768228
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
รู้จัก เกาะผ้า ที่เที่ยวอันซีนจังหวัดพังงา สำหรับคนที่ชอบเที่ยวที่ลับฉบับอันซีน ไม่ชอบซ้ำใคร "เกาะผ้า" คือหนึ่งในลิสต์ที่น่าสนใจของจังหวัดพังงา ที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก และมีประวัติที่น่าสนใจไม่น้อย เกาะผ้า ตั้งอยู่ตำบลเกาะคอเขา ห่างจากชายฝั่งจังหวัดพังงาประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเนินทรายละเอียด ราบเรียบเหมือนผ้าผืนใหญ่สีขาวนวลอยู่ท่ามกลางทะเลอันดามันที่มีน้ำทะเลสวยใส จึงเป็นที่มาของชื่อ "เกาะผ้า" หรือ ?Sand Pile island? เนินทรายเกิดจากการทับถมของทรายจำนวนมากเป็นสันดอนกลางทะเล ในช่วงที่น้ำลดระดับลงไม่มาก ก็จะเห็นเป็นเกาะเล็กๆ 3 เกาะ คล้ายปรากฏการณ์ทะเลแหวก แต่ถ้าน้ำทะเลลดระดับลงต่ำสุดจะปรากฏเป็นเกาะเดียวเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โอบล้อมด้วยน้ำทะเลสีฟ้า ในอดีตเกาะผ้าเคยเป็นเกาะกลางน้ำที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยต้นสนและต้นมะพร้าว มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ นักท่องเที่ยวมักเดินทางมาพักผ่อนนอนอาบแดด และทำกิจกรรมต่างๆ แต่หลังจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปลายปี พ.ศ. 2547 คลื่นได้พัดพาทุกสิ่งหายไปในทะเล เมื่อกาลเวลาผ่านไปจึงก่อเกิดเป็นเนินทรายกลางทะเลขึ้นมาใหม่ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือเดินทางช่วงเช้าไปถ่ายรูป เล่นน้ำ ดำน้ำดูแนวปะการังน้ำตื้น และดอกไม้ทะเลซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปลาการ์ตูน หรือพายเรือคายัครอบเกาะได้ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวเกาะผ้าคือระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เมษายน มีท่าเรือบริการไปเกาะผ้า โดยขึ้นที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา สามารถใช้บริการเรือเหมาลำหรือเรือประมงพื้นบ้านได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที ข้อมูลอ้างอิง : ททท., บางกอกแอร์เวย์ https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/2768770
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
พะยูนเกยตื้นตายแล้ว! น่าห่วงเป็นตัวที่ 4 ในทะเลตรัง บินสำรวจล่าสุดพบน้อยลง ผ่าพิสูจน์พะยูน เพศผู้ อายุ 20 ปี เกยตื้นตายเป็นตัวที่ 4 ใน จ.ตรัง พบสาเหตุมาจากป่วย ส่วนผลบินสำรวจของทีมอาสาสมัครล่าสุด พบพะยูนน้อยลง คาดอาจเคลื่อนย้ายไปจากปัญหาหญ้าทะเลเสื่อมโทรม วันที่ 8 มี.ค.2567 จากกรณีเพจ "ขยะมรสุม ???s?????????? ????????" โพสต์ภาพพะยูนที่มีสภาพผอม ว่ายอยู่บริเวณใกล้กับชายหาด บริเวณท่าเรือบ้านพร้าว เกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ล่าสุดเรื่องนี้ พะยูนตัวดังกล่าวได้ตายลงแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อันดามันตอนล่าง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) นำซากพะยูนผ่าชันสูตรซากโดยทีมสัตวแพทย์ เบื้องต้น พบว่า เป็นพะยูน เพศผู้ อายุประมาณ 20 ปี ความยาว 250 ซ.ม. น้ำหนัก 220 ก.ก. ลักษณะภายนอกเขี้ยวอยู่ครบสมบูรณ์ทั้ง 2 ข้าง และยังมีร่องรอยการกินหญ้าคาอยู่ภายในปาก แต่พบเพรียงขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วลำตัว บ่งบอกว่าสัตว์อยู่นิ่งเป็นเวลานาน เนื่องจากมีอาการป่วย เมื่อเปิดผ่าดูอวัยวะภายในส่วนของทางเดินอาหาร พบพยาธิตัวกลมเต็มท้องในกระเพาะ ส่วนลำไส้พบเนื้องอกเนื้อตาย รวมทั้งยังพบพยาธิตัวกลมพยาธิใบไม้ด้วย ขณะที่ในลำไส้ใหญ่พบไมโครพลาสติกปะปนเล็กน้อย ทีมสัตวแพทย์ ใช้เวลาในการผ่าพิสูจน์นานถึง 4 ชั่วโมงเต็ม ก่อนลงความเห็นสาเหตุการตายของพะยูนตัวนี้ว่า มาจากอาการป่วยเรื้อรัง เนื่องจากมีพยาธิตัวกลมเต็มกระเพาะอาหาร ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อและโครงกระดูก เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการต่อไป นายสันติ นิลวัฒน์ ผอ.ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อันดามันตอนล่าง บอกว่า ตั้งแต่ต้นปี 2567 มีพะยูนเกยตื้นตายในจ.ตรังแล้ว 4 ตัว ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ส่วนสาเหตุหลักของการเกยตื้นของพะยูนนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากอาการป่วย แต่ค่อนข้างจะวินิจฉัยยาก เพราะมักจะเจอแต่ซากเน่า น้อยมากที่เราจะเจอซากที่สด "ส่วนพะยูนที่เกยตื้นตายตัวล่าสุดนี้ พบหญ้าใบมะกรูดในกะเพาะ ซึ่งแสดงว่าพะยูนยังคงหากินในแหล่งน้ำลึกและแหล่งเดิมๆ ถึงแม้ตอนนี้จะเกิดปัญหาความเสื่อมโทรมของหญ้าทะเลในพื้นที่ก็ตาม" ด้าน นายวัชรบูล ลี้สุวรรณ หรือโน๊ต ดาราดังที่ร่วมกับทีมอาสาสมัครบินสำรวจสัตว์ทะเลหายาก บอกว่า ปีนี้จากการบินสำรวจเบื้องต้น พบประชากรพะยูนน้อยลง โดยแต่ก่อนจะเจอเป็นฝูงเป็นกลุ่ม แต่ปีนี้อยู่แบบกระจัดกระจาย ซึ่งตนเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าเพราะอะไร และเท่าที่บินสำรวจก็ยังไม่พบพะยูนคู่แม่ลูกเลย ขณะที่นายทอม โพธิสิทธิ์ ช่างภาพอาสาสมัครร่วมบินสำรวจสัตว์ทะเลหายาก ก็บอกว่า จากการบินสำรวจจำนวนประชากรพะยูนในจังหวัดตรัง ปีนี้พบน้อยมากจริงๆ แต่จะไปเจอพะยูนในจังหวัดอื่นๆ แทน ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่า เกิดจากเคลื่อนตัว หรือกระจายตัว https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_8130876
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก
ชาวบ้าน จ.ตราด ออกหาปลาใกล้เกาะกูด เก็บ 'อ้วกวาฬ' หนัก 8 ขีด ประกาศขาย 4 ล้าน ชาวบ้านออกหาปลาพบ 'อำพันทะเล' หรือ 'อ้วกวาฬ' ลอยกลางทะเลใกล้เกาะกูด หนัก 8 ขีด ประกาศขาย 4 ล้านบาท เผยใช้ทำหัวน้ำหอมได้พรีเมียม 8 มี.ค.2567 นายอ้าย พรหมดี อายุ 61 ปี และนายเส็ง สมบัติ อายุ 62 ปี 2 พี่น้อง ชาวใน ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ. ตราด นำวัตถุเป็นก้อนสีขาวที่เก็บได้จากทะเล บริเวณเกาะกูด มาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมระบุว่าเป็น อำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ ซึ่งเป็นของหายากและมีราคาแพง โดยนายอ้าย เปิดเผยว่า ตนพบอำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ ลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลใกล้เกาะกูด ขณะออกหาปลา จึงเก็บใส่เรือนำกลับมาที่บ้าน และพยายามศึกษาหาข้อมูล ทำให้ทราบว่า วัตถุดังกล่าวคือ อำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ ซึ่งเป็นของหายากและมีราคาแพง จึงตั้งใจจะขายในราคา 4 ล้านบาท มีน้ำหนัก 8 ขีด ทั้งนี้ นายอ้ายยังได้พิสูจน์ว่าทดสอบว่าก้อนวัตถุดังกล่างคือ อำพันทะเล จริงหรือไม่ ด้วยการนำมาเผาไฟ ปรากฎว่าละลาย จึงฝากแจ้งประกาศขาย อำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ ดังกล่าว หากมีใครสนใจติดต่อสอบถามได้ หรือมาขอดูได้ที่ ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด อำพันทะเล จากเว็บไซต์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ระบุไว้ว่า อำพันทะเล (Ambergris) คือ ขี้วาฬ หรือ อ้วกวาฬหัวทุย (ขึ้นอยู่กับวาฬจะขับออกมาทางไหน) เกิดจากอาหารที่วาฬกินเข้าไป คือจำพวกหมึก แต่ร่างกายของวาฬไม่สามารถขับไขมันจากหมึกได้ ทำให้ไขมันของหมึกสะสมอยู่ในลำไส้ จนร่างกายขับถ่ายไขมันส่วนนี้ออกมาพร้อมอุจจาระ หรือสำรอกไขมันออกมา ที่เรียกว่า อ้วก ส่วนที่ออกมาสามารถละลายในน้ำทะเลได้อย่างอุจจาระ อ้วก หรือสารอื่นๆ ก็จะละลายไปกับน้ำทะเล แต่ไขมันจากหมึก ไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงลอยตัวอยู่ในผิวทะเลปกติ แล้วอำพันทะเลจะมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์สักเท่าไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป เป็นเดือน ปี แสงแดดและน้ำทะเลจะทำปฏิกิริยากลายสภาพเป็นก้อนสีขาว น้ำตาล เทา หรือสีดำ ตามระยะเวลาของการทำปฏิกิริยา เมื่อเวลานานไป กลิ่นของขี้วาฬกลายเป็นกลิ่นหอม คล้ายกลิ่นน้ำมันหอมระเหย โดย อำพันทะเล มีราคาสูง เหมาะสมในการทำน้ำหอมเกรดพรีเมียม และเป็นของเฉพาะ คนที่ต้องการไม่ได้อยู่ในเมืองไทย จะนำไปใช้เป็นสูตรผสมทำ "หัวน้ำหอม" ระดับพรีเมียม ส่วนมากทำในยุโรป ฉะนั้นการที่จะเดินทางมาซื้อถึงประเทศไทยนั้นอาจจะไม่จำเป็นขนาดนั้น เนื่องจากในประเทศแถบใกล้เคียงประเทศไทยก็มี https://www.komchadluek.net/news/local/570444
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|