|
#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 2 มกราคม 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นไว้ด้วย รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่เกิดจากสภาพอากาศแห้งในระยะนี้ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้อ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมบริเวณดังกล่าว กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 2 - 7 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 - 3 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตลอดช่วง ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายการสัญจร ในบริเวณที่มีหมอก และระวังภัยที่เกิดจากลมแรงและอากาศแห้ง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
เตรียมตัวให้พร้อม ปี 2023 โลกร้อนกว่าเดิม ส่วน "ลานีญา" ยังไม่จากไปเร็ว สภาพอากาศในปี 2023 หรือปี 2566 นี้ "ลานีญา" ยังคงอยู่อีกสักพัก หลังจากอยู่มานานกว่า 3 ปีแล้ว รอพ้นต้นปี จากนั้นโลกก็จะต้องสู้กับ เอลนีโญ เจออุณหภูมิสูงขึ้น อากาศร้อน และ แล้ง โลกร้อนเป็นที่รับรู้กันมานานนับสิบปี แต่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอาจพักความร้อน แต่โลกก็เจออากาศแปรปรวนกันไปอย่างสาหัส และล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาโลก ได้คาดการณ์ว่าในปี 2023 นี้ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1.08-1.32 องศาเซลเซียส เมื่อเปรียบกับช่วงเวลาก่อนยุคอุตสาหกรรม หรือในช่วงปี 1900 ซึ่งเป็นช่วงที่โลกมีการใช้พลังงานจากน้ำมันเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้กรมอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ ก็ได้พยากรณ์อากาศย้ำว่า ในปี 2023 อากาศจะร้อนกว่าปี 2022 หรือปี 2565 หลังจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อากาศในโลกใบนี้ในฝั่งแปซิฟิกหนาวเย็น และมีฝนตกหนัก ซึ่งในปี 2023 ผลกระทบจากภาวะก๊าซเรือนกระจกหลังยุคอุตสาหกรรม ยังคงส่งผลให้อุณหภูมิบนโลกใบนี้สูงขึ้น คาดการณ์ไปถึงขนาดที่ว่า ปี 2023 จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดปีหนึ่งเลยทีเดียว ที่ผ่านมาฤทธิ์ลานีญา ส่งผลให้เกิดสภาพอากาศเลวร้ายในแต่ละภูมิภาคต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือ ผลกระทบที่สร้างความเสียหายให้กับชีวิตผู้คนบนโลกมากมาย ทั้งร้อนจัด หนาวจัด น้ำท่วมหนัก และแล้งจัด อย่างเช่น ในช่วงก่อนสิ้นปี 2022 ที่สหรัฐอเมริกา เกิดเหตุพายุหิมะรุนแรง เกิดภัยพิบัติจากสภาพอากาศในรูปแบบอุทกภัย อย่างที่ปากีสถาน พื้นที่ 1 ใน 3 ของประเทศถูกน้ำท่วมอย่างหนัก และอีกหลายพื้นที่ในโลกที่เกิดภาวะแห้งแล้งอย่างหนัก เช่น ที่จีน ยุโรป อเมริกาเหนือ และใต้ รวมไปถึงประเทศในด้านตะวันออกสุด ที่อยู่ตรงจะงอยของทวีปแอฟริกา เช่น โซมาเลีย เอธิโอเปีย สำหรับสภาพอากาศของประเทศไทยนั้น กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย เพิ่งพยากรณ์สภาพอากาศเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2022 ว่า จากการที่โลกยังต้องเจอกับภาวะลานีญา ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเขตศูนย์สูตรยังคงเย็นต่อเนื่อง วัดได้ในช่วงต้นเดือนธันวาคม อุณหภูมิผิวน้ำทะเลเฉลี่ยต่ำกว่าค่าปกติประมาณ 0.5-1.0 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิน้ำทะเลที่อยู่ลึกจากผิวน้ำลงไปจนถึงระดับ 300 เมตร ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมามีอุณหภูมิสูงกว่าค่าปกติ และขยายพื้นที่จากฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกไปทางตอนกลาง ลักษณะนี้ทำให้มีลมตะวันออกกำลังแรงพัดปกคลุมทั่วบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร จึงคาดว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย จากนี้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2023 จะมีปริมาณฝนบริเวณประเทศไทยตอนบนจะใกล้เคียงค่าปกติ ส่วนบริเวณภาคใต้จะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย รวมไปถึงอุณหภูมิของประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีค่าใกล้เคียงค่าปกติเช่นกัน เมื่อพ้นช่วงต้นปี 2023 แล้ว ค่อยจับตาดูว่า ลานีญาจะจากไป แล้วโลกรวมทั้งไทย จะเผชิญกับความร้อนและแล้งมากแค่ไหน. https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2591683
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"เต่าตนุ" คลื่นซัดเกยหาดเกาะพะงัน พบบาดแผลถูกเชือกรัดจนกรามหัก พบ "เต่าตนุ" ถูกคลื่นซัดเกยชายหาดเกาะพะงัน เจ้าหน้าที่พยายามยื้อชีวิตแต่สุดท้ายก็ตาย พบบาดแผลที่คอถูกเชือกรัดจนกรามหัก วันนี้ 1 ม.ค.2566 นายสิทธิโรจน์ แก้วหนองเสม็ด กลุ่มพะงันซีการ์เดี้ยน ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลบนเกาะสมุย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 30 ธ.ค.2665 ทางกลุ่มได้รับแจ้งจากชาวบ้านบริเวณชายหาดโฉลกหล่ำ ม.7 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ว่า พบเต่าตนุถูกคลื่นซัดมาเกบอยู่ที่ชายหาด ยังมีชีวิตอยู่ แต่สภาพโดยรวมของเต่าอาการหนัก เคลื่อนไหวไม่ได้ พบบาดแผลที่ลำคอมีรอยถูกเชือกรัดจนกรามด้านซ้ายหัก ทางกลุ่มซีการ์เดี้ยน และทางเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติธารเสด็จเกาะพะงัน พยายามช่วยเหลือเต่าตนุตัวนี้ที่อยู่ในสภาพอ่อนแรง แต่ก็ไม่ดีขึ้น จึงได้นำเต่าตนุเดินทางจากเกาะพะงันในวันที่ 31 ธ.ค.2565 ไปยังศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝังอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร แค่สุดท้ายเต่าตนุตัวนี้ได้ตายระหว่างเดินทาง ด้าน สพ.ญ.วัชรา ศากรวิมล นายสัตวแพทย์ชำนาญการ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (ศวทก.) จ.ชุมพร เปิดเผยว่า เต่าตนุตัวดังกล่าวเป็นเต่าตนุเพศผู้ อายุกว่า 30 ปี ขนาดความกว้าง 65 ซม. ยาว 82 ซม. น้ำหนัก 51 กก. จากบาดแผลที่พบบริเวณกรามด้านล่างซ้ายมีรอยถูกรัด คาดว่าน่จะเกิดจากเชือกหรือขยะทะเลที่เต่าตนุเข้าไปติด ซึ่งจากบาดแผลน่าจะติดมาประมาณกว่า 1 เดือน จนทำให้เต่าไปสามารถกินอะไรได้จนซูบผอม และอาจจะเกิดการติดเชื้อจากบาดแผลที่ถูกเชือกรัดทำให้ไม่มีเรียวแรงที่จะว่ายน้ำได้ จนถูกคลื่นซัดเข้ามายังชายฝั่ง สพ.ญ.วัชรา กล่าวว่า น่าเสียดายที่ทางเจ้าหน้าที่พยามช่วยเหลือชีวิตเต่าตนุตัวนี้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ต้องมาตายลงระหว่างการเดินทางมารักษาที่ศูนย์วิจัย จากนี้ก็จะทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายของเต่าตนุตัวนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง https://www.thaipbs.or.th/news/content/323138
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|