#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 9 ? 10 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีแนวลมสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคภาคตะวันออกและภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 11 ? 14 ก.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 ? 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 11 ? 14 ก.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 11 ? 14 ก.ค. 67
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 09-07-2024 เมื่อ 02:17 |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
หญิงเล่านาที ถูกฉลามบุกกัดเนื้อฉีก เล่นน้ำชายหาด เหมือนฉากหนังสยองขวัญ? จากกรณี ฉลามบุก ใกล้หาดที่เท็กซัส โจมตีนักท่องเที่ยว 4 คน ใน 2 ชั่วโมง ส่งผลให้หญิงรายหนึ่งขาเกือบขาด ด้านเจ้าหน้าที่เตือนอย่าเข้าใกล้ สื่อต่างประเทศรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดที่รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บมากถึง 4 ราย โดยหญิงรายนี้ชื่อว่า ทาบิธา ซัลลิเวนต์ เธอบาดเจ็บสาหัส ถูกฉลามกัดบริเวณน่องจนเนื้อฉีกแหว่งหวิดขาด 1 ข้าง ล่าสุดเธอกำลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมเปิดใจว่า วันที่ 4 ก.ค. เป็นวันชาติที่ได้ใช้วันหยุดกับครอบครัว แต่เหตุการณ์นี้กลับทำให้เหมือนฉากในหนังสยองขวัญ ฉันหันหลังไปรอบๆ เห็นบางสิ่งที่มีสีเทาอยู่ในน้ำ ฉันจึงเตะมัน เพราะคิดว่าเป็นปลาตัวใหญ่ จากนั้นมันก็พุ่งมา ตอนนั้นฉันถึงรู้ว่ามันกำลังกัดขาฉันอยู่ อีกทั้งสื่อยังรายงานว่า ความจริงแล้วฉลามโจมตีเธอในน้ำตื้น โดยฉีกน่องเธอออกเป็นชิ้นๆ เธอกล่าวต่อว่า ฉันพยายามร้องขอความช่วยเหลือ และตะเกียกตะกายขึ้นฝั่ง แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วฉันรู้สึกช็อกและชาไปหมด สามีช่วยโดยการกระโดดลงไปในน้ำ แต่กลับโดนฉลามว่ายตามและกัดเขาถึง 2 ครั้ง ทั้งนี้ การรักษาคือ ต้องผ่าตัดใหม่หลายครั้ง แต่แพทย์คาดว่าเธอจะสามารถเดินได้อีกครั้ง "นิ้วเท้าและข้อเท้าของฉันเคลื่อนไหวได้ โครงสร้างกระดูกของฉันยังดีอยู่ ฉันคงต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดอย่างแน่นอน" เธอกล่าว อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่กล่าวว่า พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องนอนพักรักษาตัวในห้องโรงพยาบาล แต่ก็รู้สึกขอบคุณที่ยังคงอยู่ด้วยกัน ที่มา cbsnews https://www.matichon.co.th/foreign/news_4670147
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก
เปิดคลิปล่าระทึก เรือคราดหอยเถื่อน 30 ลำ กลางอ่าวปากพูน ล่าระทึก เรือคราดหอยเถื่อน 30 ลำ บริเวณอ่าวปากพูน จ.นครสรีธรรมราช แค้นสู้กลับ ปิดล้อมเจ้าหน้าที่ ชิงผู้ต้องหา 8 ก.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ปราบปรามประมงทะเลปากพนัง นำเรือยางเข้าตรวจสอบพื้นที่อ่าวปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช หลังได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบคราดหอยเถื่อน ด้วยเครื่องมือผิดกฎหมาย มีเรือประมงเถื่อนกว่า 30 ลำ เข้าก่อเหตุบริเวณดอนหอยปากพูน จุดเกิดใหม่ของหอยแครงวัยก่อนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ใช้เรือยางพยายามเข้าประชิด ส่วนกลุ่มเรือคราดหอยเถื่อนพยายามเร่งเครื่องยนต์หลบหนีอย่างไม่คิดชีวิต บางช่วงพยายามชนเรือยางเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่เบี่ยงหลบได้ ส่วน 1 ในเรือ 30 ลำ ของกลุ่มคราดหอยเถื่อน ได้เสียการทรงตัวอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหน้าที่พยายามตะโกนบังคับให้หยุดก่อนเรือจม ปรากฏว่าผู้ควบคุมเรือไม่สนใจยังคงเร่งเครื่องต่อไปกระทั่งเรือจม หลังจากนั้นได้มีเรือกลุ่มเดียวกันโฉบเข้ามารับตัวผู้ควบคุมเรือและลูกเรืออีกคนหลบหนีไปเข้าในกลุ่มเรือ ที่พยายามป่วนและปิดล้อมเจ้าหน้าที่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์ขอกำลังสนับสนุนจาก นายธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ นายกเทศมนตรีเมืองปากพูน เข้าให้การช่วยเหลือจนสามารถจับกุมได้อีกลำ และยึดอุปกรณ์เครื่องมือไว้ได้ แต่ปรากฎว่าผู้ควบคุมเรือและลูกเรือได้พยายามต่อสู้เจ้าหน้าที่กระโดดทะเลหนีไปได้อีก โดยมีกลุ่มเรือที่เหลือเข้ามาช่วยเหลือ นายสมพร ยีสมัน หัวหน้าหน่วยปราบปรามประมงทะเลสิชล กล่าวว่า พื้นที่อ่าวปากพูนเป็นแหล่งที่มีความสมบูรณ์อย่างมาก โดยเฉพาะดอนหอยแครงที่มีลูกหอยเกิดใหม่ตามฤดูกาลจำนวนมาก กลุ่มเรือประมงผิดกฎหมายจากพื้นที่ปากพยิงและใกล้เคียง มากกว่า 30 ลำ ได้เข้าลักลอบคราดหอยแบบทำลายล้างส่งผลกระทบต่อชาวประมงที่ทำประมงอย่างถูกกฎหมาย เจ้าหน้าที่ใช้เรือยางเข้าปฏิบัติการมีกำลังน้อยกว่ามาก จึงขอกำลังเสริมจากนายกเทศมนตรีเมืองปากพูน ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการปกป้องพื้นที่อนุบาลสัตว์น้ำทรัพยากรสำคัญของอ่าวปากพูน สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ส่วนผู้ต้องหานั้นแม้จะกระโดดน้ำหลบหนีไปนั้น มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้อย่างครบถ้วน เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมนำความเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว https://www.komchadluek.net/news/local/579152
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก อสมท.
เกาะลันตาดินแดนแห่งความสุข ท้องฟ้า ทะเล หาดทราย และสายลม ความสวยงามที่ต้องสัมผัสสักครั้ง เกาะลันตาเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดกระบี่ โดยเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยต่อเนื่องมายาวนานกว่าร้อยปี ประกอบด้วยเกาะลันตาใหญ่ และเกาะลันตาน้อย แหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่บนเกาะลันตาใหญ่ ขณะที่เกาะลันตาน้อยเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเกาะลันตา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา อยู่ในอำเภอเกาะลันตา ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ที่สำคัญได้แก่ เกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตาน้อย เกาะตะละเบ็ง รวมไปถึงหมู่เกาะห้า เกาะรอกนอก เกาะรอกใน และเกาะไหง แบ่งออกเป็นเกาะลันตาน้อยและเกาะลันตาใหญ่มีสะพานสิริลันตาเชื่อมระหว่างสองเกาะ ศูนย์กลางธุรกิจของเกาะลันตาใหญ่อยู่ที่บริเวณท่าเรือศาลาด่าน มีชุมชนศรีรายาเป็นชุมชนดั้งเดิมอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ ส่วนตะวันตกของเกาะลันตาใหญ่เรียงรายไปด้วยชายหาด ได้แก่ หาดคอกวาง หาดโละบารา หาดพระแอะ หาดคลองโขง หาดคลองนิน หาดบากันเตียง นอกจากนี้ยังมีแหลมโตนด ซึ่งเป็นที่ตั้งของประภาคาร และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม อยู่ทางตอนใต้ของเกาะลันตาใหญ่ ตอนปลายสุดของแหลมเป็นที่ตั้งของเกาะหม้อ ซึ่งเป็นจุดดำดูปะการังน้ำลึก การเดินทาง นำรถลงเรือได้ที่ท่าเทียบแพขนานยนต์บ้านหัวหิน-บ้านคลองหมาก (เกาะลันตาน้อย) จากนั้นใช้สะพานสิริลันตาข้ามไปยังเกาะลันตาใหญ่ ด้วยระยะทางที่ห่างไกลจากแผ่นดิน เกาะลันตาจึงยังคงความสวยงามของหาดทรายและน้ำทะเลสะอาด อีกทั้งยังมีวิถีชีวิตของชาวเกาะดั้งเดิม ที่มีทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยจีนชาวไทยมุสลิม และชาวไทยใหม่ (ชาวเล) อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ผสานกับความเจริญทางด้านหัวเกาะแถบท่าเรือและชายหาดฝั่งตะวันตก ซึ่งคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว การมาเยือนเกาะลันตาจึงได้เที่ยวหลายบรรยากาศในคราวเดียวกัน https://www.mcot.net/view/5bY6K9Zg
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง! วาฬบรูด้า เกยตื้นหาดพะลวย ถูกหินบาดเต็มตัว ก่อนสิ้นใจ SHORT CUT - จริง "วาฬบรูด้า" เกยตื้นที่หาดพะลวย บริเวณอ่าวสอง ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เสียชีวิตแล้ว - วาฬตัวนี้เต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าถูกหินใกล้ชายฝั่งขีดข่วน เสียเลือดมากถึงขั้นแหล่งน้ำในระแวกนั้นเปลี่ยนจากสีเขียวมรกตเป็นสีแดงของเลือด - ดร.ธรณ์ กล่าวถึงวาฬบรูด้าตัวนี่ว่า "วาฬบรูด้าเกยตื้นที่เกาะพะลวย สุราษฎร์ พี่เขาช่วยเต็มที่แล้ว แต่สุดท้ายเธอไม่รอด ขอบคุณพี่มาก ๆ ครับ" "วาฬบรูด้า" ผู้โชคร้าย เกยตื้นที่หาดพะลวย บริเวณอ่าวสอง ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ถูกโขดหินริมชายฝั่งบาดจนเนื้อตัวเป็นแผล เสียเลือดจำนวนมาก ชาวบ้านยื้อชีวิต 3 ชม. แต่ไม่เป็นผล ล่าสุด กรมทะเลฯ ส่งร่างชันสูตรแล้ว ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง "วาฬบรูด้า" เกยตื้นที่หาดพะลวย บริเวณอ่าวสอง ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ เสียชีวิตแล้ว ในสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีแดง พร้อมด้วยกลิ่นหึ่งคาวเลือด วานนี้ (6 ก.ค. 67) เฟสบุ๊ก ธีระพงค์ ทองมาก ได้เผยแพร่วิดีโอ LIVE ค้นพบวาฬขนาดยักษ์ มีความยาวของลำตัวราว 10 เมตร วิดีโอดังกล่าวมีผู้คนหลั่งไหลเข้าไปดู และเอาใจช่วยสัตว์ทะเลตัวนี้เป็นจำนวนมาก มียอดการแชร์ไปกว่า 3,000 ครั้ง หากสังเกตจากภาพ หรือในวิดีโอที่ต้นโพสต์ จะพบว่าวาฬตัวนี้เต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าถูกหินใกล้ชายฝั่งขีดข่วน เสียเลือดมากถึงขั้นแหล่งน้ำในระแวกนั้นเปลี่ยนจากสีเขียวมรกตเป็นสีแดงของเลือด และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ภายหลังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองได้แจ้งไปยังศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (ศวทก.) ให้เข้ามาตรวจสอบ และยืนยันว่าเป็น "วาฬบรูด้า" และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนขนย้ายซากไปยังเกาะเชือก เพื่อทำการชันสูตรต่อไป ทางด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล ได้กล่าวถึงวาฬบรูด้าตัวนี้ว่า "วาฬบรูด้าเกยตื้นที่เกาะพะลวย สุราษฎร์ พี่เขาช่วยเต็มที่แล้ว แต่สุดท้ายเธอไม่รอด ขอบคุณพี่มาก ๆ ครับ คงเป็นวาฬหากินที่หากินแถวหมู่เกาะอ่างทอง สำหรับสาเหตุต้องรอการชันสูตรของกรมทะเลครับ" อย่างไรก็ตาม วาฬบรูด้ามักถูกเรียกขานว่า "พี่ใหญ่แห่งท้องทะเล" ด้วยขนาดที่สามารถใหญ่ตั้งแต่ 10 ? 15 เมตร และมีน้ำหนักมากถึง 20 ? 25 ตัน แต่ข้อมูลจาก WWF เปิดเผยว่าวาฬบรูด้ามีนิสัยไม่ดุร้าย และสามารถพบเห็นได้ในอ่าวไทย หรืออ่าวตัว ก. ที่มา: ธีระพงค์ ทองมาก https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/851365
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|