เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #3  
เก่า 03-11-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


'ฟองน้ำแก้วไวน์' ตัวชี้วัดคุณภาพทะเล ที่เคยสูญพันธุ์ในช่วงปี 1908-1990 ?

"ฟองน้ำแก้วไวน์" เป็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่นักวิชาการเคยคิดว่า "สูญพันธุ์" ไปหลังช่วงปี ค.ศ.1908 แต่ล่าสุด.. นักดำน้ำไทยพบมันที่ "ทะเลพัทยา" เมื่อย้อนไปในอดีตพบว่า มนุษย์นิยมจับพวกมันมาใช้เป็น "อ่างอาบน้ำเด็ก"



Key Points:

- เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานว่าค้นพบ ?ฟองน้ำแก้วไวน์? สิ่งมีชีวิตโบราณที่เชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วบริเวณทะเลพัทยาของประเทศไทย

- การค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศทางทะเลของไทยมีความสมบูรณ์ และหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากพวกมันจะมีชีวิตอยู่ได้ในทะเลที่มีสารอาหารอุดมสมบูรณ์เท่านั้น

- หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้พวกมันเคยสูญพันธุ์ไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากในอดีตมนุษย์นิยมจับพวกมันมาเพื่อเป็นของสะสม และนำมาใช้เป็น "อ่างอาบน้ำสำหรับเด็ก" เพราะบางคนไม่รู้ว่ามันคือสิ่งมีชีวิต

สร้างความฮือฮาในวงการนักดำน้ำ และนักอนุรักษ์ทะเลไทยเป็นอย่างมาก หลังมีการค้นพบ "ฟองน้ำแก้วไวน์" หรือ แก้วไวน์ของเทพเนปจูน (Neptune?s cup sponge) สิ่งมีชีวิตโบราณขนาดใหญ่ที่หลายคนคาดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ล่าสุด คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รายงานว่าพบเห็นพวกมันบริเวณทะเลพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 31 ต.ค.66 ที่ผ่านมา

การปรากฏตัวของ "ฟองน้ำแก้วไวน์" ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ทะเลบริเวณดังกล่าวมีความสะอาดมากขึ้น ระบบนิเวศทางทะเลมีความสมบูรณ์ และหลากหลายมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ ทะเลไทยเคยมีการทำประมงผิดกฎหมาย และปัญหาขยะ ทำให้ฟองน้ำแก้วไวน์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ล้มหายตายจาก หรือลดจำนวนลง จนพบเห็นได้ยากขึ้น


"ฟองน้ำแก้วไวน์" สิ่งมีชีวิตโบราณ ตัวชี้วัดความสมบูรณ์ทางทะเล

ฟองน้ำแก้วไวน์ คือ สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่เชื่อว่ามีชีวิตมาอย่างยาวนานตั้งแต่ 890 ล้านปีที่แล้ว มีถิ่นกำเนิดทางตะวันตกของจีนตอนใต้ และทะเลหมู่เกาะตะวันออกแถบประเทศเนเธอร์แลนด์ พวกมันรอดพ้นการสูญพันธุ์มาแล้วหลายครั้ง แต่ปัจจุบันต้องเผชิญกับภัยคุกคามอย่างหนักจาก "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" หรือ Climate Change และการทำประมงผิดกฎหมาย

ทำให้ในหลายสิบปี ที่ผ่านมา "ฟองน้ำแก้วไวน์" กลายเป็นสิ่งมีชีวิตหายาก ที่แทบไม่มีใครพบเห็น จึงมีการสันนิษฐานว่าพวกมันอาจจะสูญพันธุ์ภายในช่วงศตวรรษที่ 19-20

แม้ว่าจะหายไปจากท้องทะเลนานหลายปี แต่ในช่วงปี 2011 มีการค้นพบ "ฟองน้ำแก้วไวน์" ที่ยังมีชีวิตบริเวณชายฝั่งสิงคโปร์ 2 ตัว ทำให้หลายคนมีความหวังว่าอาจจะมีพวกมันอาจจะยังมีชีวิตหลงเหลืออยู่ จนล่าสุดในปี 2023 มีการค้นพบบริเวณทะเลพัทยา

โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง ม.เกษตรฯ อธิบายผ่านว่าเฟซบุ๊กส่วนตัว (Thon Thamrongnawasawat) ว่า บริเวณที่จะพบเห็น "ฟองน้ำแก้วไวน์" ในทะเลไทยก็คือ พื้นทะเลที่เป็นทราย มีความลึก 10 เมตรลงไป โดยจะกระจายอยู่เป็นจุดๆ ไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เพราะจะขึ้นในพื้นที่ ที่มีความเหมาะสมเท่านั้น เช่น ไม่ได้รับผลกระทบจากการทำประมง หรือไม่ได้รับการรบกวนจากมนุษย์ ทำให้ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถทำการสำรวจอย่างจริงจังได้เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนพวกมันมากเกินไป

สิ่งสำคัญที่ได้จากการค้นพบฟองน้ำแก้วไวน์ในครั้งนี้คือ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าทะเลไทยมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น โดยเฉพาะความหลากหลายทางระบบนิเวศ แสดงให้เห็นว่าไทยมีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลและการทำประมงที่ดีขึ้น (ในอดีตพวกมันอาจถูกทำลายจากอวนลาก)

นอกจากนี้ ฟองน้ำแก้วไวน์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่บอบบางมาก หากถูกสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็อาจเสียหายได้ หรือมีฝุ่นฟุ้งกระจายใกล้เคียงกับที่พวกมันอยู่ ก็ส่งผลกระทบต่อการกรองน้ำของพวกมันเช่นกัน เนื่องจากพวกมันหากินด้วยการกรองน้ำ เพื่อรีไซเคิลสารอาหารที่จำเป็นมาเลี้ยงชีพ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี และไม่ถูกรบกวนก็จะมีอายุได้มากกว่า 10 ปี และมีขนาดกว้างกว่า 1 เมตร

ด้วยความที่มีขนาดใหญ่ และเรียกได้ว่าเป็นของหายาก ทำให้ในยุคอดีต "ฟองน้ำแก้วไวน์" กลายเป็นของสะสมไปจนถึงอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กในหมู่คนมีเงิน


เมื่อสิ่งมีชีวิตกลายเป็นของสะสมและอ่างอาบน้ำ

ด้วยความที่ "ฟองน้ำแก้วไวน์" มีลักษณะคล้ายแก้วไวน์ขนาดใหญ่ ทำให้พวกมันถูกเก็บมาเป็นของสะสม ด้วยความที่มีรูปร่างแปลกตา และเป็นของหายาก รวมถึงได้รับความนิยมนำมาเป็นอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กที่ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ในสมัยก่อน (ประมาณปี 1822) โดยเคยมีบันทึกไว้ว่าพวกมันมีความกว้างถึง 1.5 เมตร และส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกมันถูกจับมาทำเป็นของใช้ก็เพราะผู้คนในอดีตไม่เคยรู้มาก่อนว่าฟองน้ำเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิต ส่วนใหญ่จึงพบเห็นพวกมันได้ตามพิพิธภัณฑ์ของสะสม-ของเก่า หรืออาจพบได้ตามคอลเลกชันของสะสมในหมู่คนมีเงินที่ชื่นชอบของแปลก

สำหรับสาเหตุที่ทำให้หลายคนเชื่อว่าพวกมันอาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เนื่องจากในปี 1908 มีการค้นพบฟองน้ำแก้วไวน์ในน่านน้ำอินโดนีเซีย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นมันอีกเลย ก่อนจะมาพบฟองน้ำแก้วไวน์ที่ตายแล้วบริเวณทางตอนเหนือของออสเตรเลียในช่วงทศวรรษ 1990 ทำให้เกิดความหวังว่าพวกมันอาจจะยังไม่หายไปไหน จนในที่สุดในปี 2011 และปี 2023 นี้ "ฟองน้ำแก้วไวน์" ก็กลับมาปรากฏตัวให้เห็นอีกครั้ง

แม้ว่าปัจจุบันระบบนิเวศทางทะเลของไทยอาจจะดีขึ้นจนสามารถพบเห็นฟองน้ำแก้วไวน์ได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรให้ความสนใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมน้อยลง เพราะหากทะเลไทย และทะเลทั่วโลกยังคงถูกทำลายทั้งจากภัยธรรมชาติ และฝีมือมนุษย์ต่อไป "ฟองน้ำแก้วไวน์" อาจจะกลายเป็นสิ่งที่หายสาบสูญไปตลอดกาล

อ้างอิงข้อมูล : Naturalis, Museum of Zoology และ Mongabay


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1096908

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:59


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger