#11
|
||||
|
||||
ระดมสมอง
ยกร่าง กม.ประมงฉบับใหม่
พิมพ์ครั้งแรกที่ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (15 ธันวาคม 2555) โดย ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล ที่ผ่านมาจะเห็นข่าวการทะเลาะกันระหว่างชาวประมงพื้นบ้านกับหน่วยงานรัฐ หรือภาคเอกชนที่เข้าไปลงทุนในพื้นที่นั้นๆ อยู่บ่อยๆนั่นก็เพราะว่าโครงสร้างกฎหมายประมงเดิมได้รวมศูนย์อำนาจการตัดสินใจและการดำเนินการไว้ที่รัฐมนตรีและกรมประมงเป็นหลัก ไม่มีระบบถ่วงดุลอำนาจ เมื่อนโยบายส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการจับสัตว์น้ำให้ได้มากเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอาหารทะเล ดังนั้น เนื่องในโอกาสวันประมงโลกเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย จึงได้จัดการสัมมนาชาวประมงพื้นบ้านในประเทศไทยขึ้นภายใต้หัวข้อ การมีส่วนร่วมของชาวประมงพื้นบ้านกับกระบวนการแก้ไขปัญหาการประมงและทะเลไทยอย่างยั่งยืน เพื่อให้ชาวประมงและเจ้าหน้าที่ของกรมประมงได้แลก เปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน เป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนชาวประมงและชุมชนชายฝั่งตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะสิทธิชุมชนในร่าง พ.ร.บ.การประมงฉบับใหม่อีกทั้งยังย้ำเตือนให้เห็นถึงความสำคัญของการประมงขนาดเล็ก ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การหารือร่วมกันครั้งนี้ จะเป็นการหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาการประมงและชายฝั่งทะเลในสถานการณ์ ปัจจุบัน ทั้งด้านแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรประมงในเขตประมงชายฝั่งการบริหาร จัดการทรัพยากรชายฝั่งโดยชุมชนมีส่วนร่วม ปัญหาการตลาดและการ เก็บรักษาสัตว์น้ำ แนวทางการเฝ้าระวังและการใช้เครื่องมือประมงที่ไม่เหมาะสมโดยการหารือดัง กล่าวจะก่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นระหว่างกรมประมงและ ชุมชนชาวประมงพื้นบ้าน ขณะที่ วิมล จันทรโรทัยอธิบดีกรมประมงกล่าวถึงการจัดการทรัพยากรประมงทะเลไทยยุคใหม่ว่า ปัจจุบันผลผลิตประมงไทยลดลงเหลือเพียงปีละ 1.6 ล้านตัน จากเดิมที่มีผลผลิตสูงถึง 3-4 ล้านตัน เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป ทำให้กรมประมงต้องจัดทำแผนแม่บททะเลไทย เพื่อคงระดับผลผลิตประมงไทยไม่ให้ลดต่ำไปกว่านี้ เพราะผลผลิตประมงไทยมีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 1.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยดึงชาวบ้านชุมชนประมงพื้นบ้านขนาดเล็กเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำด้วย เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ความเสี่ยงที่ประมงพื้นบ้านและทะเลไทยต้องเจอ คือ ความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ความเสี่ยงในด้านอาชีพ ความเสี่ยงในด้านเศรษฐกิจ(ราคาสินค้าตกต่ำ) ความเสี่ยงในด้านสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลงและความขัดแย้งกันทั้งระหว่างชาวบ้านกันเอง ผู้ประกอบการเอกชนที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ และภาครัฐ ส่งผลให้ต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์ร่วมกันขึ้นมาเพื่อบรรจุไว้ในแผนแม่บททะเลไทยเช่น ด้านเศรษฐกิจ ต้องจับสัตว์น้ำที่มีขนาดเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ต้องอนุรักษ์ให้ปริมาณสัตว์น้ำมีเพียงพอสำหรับอนาคตด้วยและด้านขนาดพื้นที่ เพื่อให้เกิดความสมดุลในระบบนิเวศ ที่ผ่านมากรมประมงได้มีการปรับปรุงกฎหมายในร่าง พ.ร.บ.การประมง (ฉบับที่ 4)พ.ศ. ให้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายมากขึ้น มีการกำหนดขอบเขตประมงชายฝั่งที่ชัดเจน โดยนับจากขอบน้ำชายฝั่งออกไป 5 ไมล์ทะเล เว้นแต่บริเวณใดที่มีความจำเป็นที่สามารถได้เป็น 12 ไมล์ทะเล เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน วิมลกล่าว นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการประมงจังหวัด ซึ่งมีหน้าที่ติดตาม กำกับดูแลสนับสนุน รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานขององค์กรชุมชนประมง เพื่อใช้เป็นกลไกในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน สะมะแอ เจะมูดอนายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยมีหมู่บ้านชาวประมงประมาณ 3,800 หมู่บ้าน หรือ 5.7 หมื่นครอบครัว และที่ผ่านมาชาวประมงพื้นบ้านและชุมชนชายฝั่งในประเทศไทยได้มีบทบาทอย่างมากในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง ทั้งยังเป็นผู้ผลิตสินค้าประมงเกรดเอปลอดสารเคมีและได้มาจากการทำประมงอย่างรับผิดชอบ ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศอย่าง ญี่ปุ่น สหรัฐ และกลุ่มสหภาพยุโรป แต่ในแง่ของการบริหารจัดการทรัพยากรนั้น กลับยังไม่มีส่วนร่วมมากเท่าที่ควร ดังนั้นจึงได้รวมตัวกันขององค์กรชาวประมงพื้นบ้านใน 13 จังหวัดชายฝั่งทะเลภาคใต้ เพื่อส่งเสริมการรวมพลังของชาวประมงพื้นบ้านให้มีส่วนร่วมมากขึ้น อย่างไรก็ดี การที่สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทยเข้ามาร่วมมือในการดำเนินการตามแผนแม่บทการจัดการประมงทะเลไทย เพราะตระหนักดีว่าชุมชนประมงพื้นบ้านขนาดเล็กจะเป็นกำลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้อย่างยั่งยืน ข้อมูลจาก...http://thailawwatch.org/2012/12/brainstorming_fishery/
__________________
Saaychol |
|
|