เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #11  
เก่า 04-08-2015
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

โพสต์ทูเดย์


"แมงกะพรุนพิษ"... ถึงเวลาที่คนไทยต้องตื่นตัว! ............................. โดย วรรณโชค ไชยสะอาด



กระเเสเรื่อง "เเมงกะพรุนพิษ" กำลังสร้างความหวาดวิตกไปทั่ว หลังมีนักท่องเที่ยวรายหนึ่งเสียชีวิตจากพิษของแมงกะพรุนกล่องขณะลงเล่นน้ำที่หาดริ้น เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

นี่ไม่ใช่เหยื่อรายแรกที่สังเวยชีวิตให้แก่พิษของแมงกะพรุน...

จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคระบุว่าในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บจากแมงกะพรุนพิษขณะเล่นน้ำในทะเลไทยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจำนวนกว่า 900 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 12 ราย

คำถามคือ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมีการรณรงค์ให้คนไทยได้รู้เท่าทันเจ้าวายร้ายแห่งท้องทะเลตัวนี้


เฝ้าระวัง 67 จุดเสี่ยง!

ความคืบหน้าล่าสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมจัดระบบเฝ้าระวังแมงกะพรุนพิษในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยแล้ว

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อติดตั้งจุดวางน้ำส้มสายชู และกล่องปฐมพยาบาลบริเวณริมหาด สำหรับใช้ยับยั้งพิษของแมงกะพรุน รวมทั้งติดตั้งตาข่ายกันแมงกะพรุนในบางพื้นที่ ประมาณ 67 จุด ใน 9 จังหวัด เช่น ระนอง ตราด ระยอง พังงา ตรัง ภูเก็ต กระบี่ สตูล และจันทบุรี

ขณะที่ วรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ย้ำว่า จากนี้ไปจำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุก มากกว่าจะตั้งรับป้องกันเพียงอย่างเดียว

"ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการเชิงรุก ด้วยการทำความเข้าใจกับทางจังหวัดในพื้นที่เฝ้าระวัง โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่เเละผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทำความเข้าใจเรื่องการติดตั้งป้ายเตือน ติดตั้งจุดบริการน้ำส้มสายชูให้กับนักท่องเที่ยว เพราะชุมชนเเละผู้ประกอบการเขาไม่อยากให้ติดตั้ง เนื่องจากกลัวเสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่สวยงามปลอดภัย กลัวคนจะเข้าใจว่าเป็นพื้นที่อันตราย เเต่ต้องมองว่า ภัยนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถป้องกันได้ ยกตัวอย่างประเทศที่พบเเมงกะพรุนจำนวนมากอย่างออสเตรเลียถึงขั้นติดตั้งตาข่ายในทะเล เพื่อป้องกันแมงกะพรุนพิษ"




น้ำส้มสายชูแก้พิษได้จริงหรือ?

ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า หากสัมผัสกับแมงกะพรุนพิษ อย่าใช้มือปัดป่ายไปมา เพราะจะยิ่งทำให้มือและแขนโดนหนวดแมงกะพรุนมากขึ้น ควรตั้งสติ เดินขึ้นฝั่งและรีบจัดการกับบริเวณร่างกายที่เกิดปัญหา

"การนำเศษหนวดและเซลล์เข็มพิษออกจากผิวหนังเป็นเรื่องสำคัญสุด เซลล์เข็มพิษพวกนี้อาจติดอยู่ตามเสื้อผ้าชุดว่ายน้ำและยิงพิษไปเรื่อย เพราะฉะนั้น หาทางถอดชุดพวกนั้นออก อย่าทิ้งไว้คาตัวผู้ป่วย หากมีเศษหนวดติดอยู่ ต้องรีบเอาออก แต่อย่าใช้มือสัมผัสโดยเด็ดขาด ใช้น้ำสาดใส่ หรือใช้กิ่งไม้เศษไม้เขี่ยออก หรือ หากมีเครดิตการ์ด จะใช้ขูดออกก็ได้ ต้องทำอย่างระมัดระวัง"

คำถามที่หลายคนสงสัยคือ น้ำส้มสายชูใช้แก้พิษแมงกะพรุนได้จริงหรือ ดร.ธรณ์บอกว่า น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด เข็มพิษของเเมงกะพรุนที่ติดอยู่ตามตัวจะหยุดทำงานเมื่อเจอน้ำส้มสายชู ทั้งนี้ห้ามใช้น้ำจืดหรือน้ำยาอะไรก็ตามโดยเด็ดขาด


“ฤทธิ์น้ำส้มสายชูจะไปสกัดไม่ให้เซลล์ยิงเข็มพิษ ที่ผ่านมามีการใช้น้ำส้มสายชูจัดการกับพิษแมงกะพรุนมานานกว่า 30 ปี แต่ปัญหาคือ ล่าสุดเมื่อปีที่แล้วมีงานวิจัยข้างเคียงออกมาระบุว่า แม้น้ำส้มสายชูจะหยุดการทำงานของเข็มพิษที่ยังไม่ยิงออกมา แต่จะทำให้พิษของเข็มที่ยิงออกมาแล้วยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก นี่เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมาอยู่ ฉะนั้นหากเอาให้ชัวร์ที่สุดคือ ใช้น้ำทะเลล้าง แม้น้ำทะเลจะไม่มีคุณสมบัติในการยับยั้งเข็มพิษ แต่ก็สามารถชะล้างเข็มออกจากตัวเราได้”

ดร. ธรณ์ ทิ้งท้ายว่า มาตรการป้องกันที่อยากเห็นคือ การร่วมมือกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่กระทรวงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงสาธารณะสุข กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และองค์การบริหารท้องถิ่น เข้ามาร่วมกันกำหนดโซนอันตราย เพื่อตั้งจุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น รวมทั้งฝึกฝนให้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย สามารถปฐมพยาบาลฉุกเฉินได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และในอนาคตอาจมีความจำเป็นต้องกั้นตาข่ายไม่ให้แมงกะพรุนหลุดเข้าไปในบางพื้นที่ด้วย




รู้จักเเมงกะพรุนพิษ 10 ชนิดในไทย

คู่มือ "เรียนรู้ สู้ภัยแมงกะพรุนพิษ" ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า ทั่วโลกมีแมงกะพรุนประมาณ 36 ชนิด แต่ไม่ได้เป็นอันตรายทุกชนิด บางชนิดมีพิษทำให้เกิดอาการเจ็บหรือคัน มีเพียงบางชิดเท่านั้นที่มีพิษรุนแรงทำให้มนุษย์เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เช่น คาริบเดีย อะทาลา (Carybdeo atala) หรือ ไคโรเน็กซ์ แฟลคเคอร์ไร (Chironex fleckeri) พบมากในทะเลแถบประเทศออสเตรเลีย แมงกะพรุนชนิดนี้มีขนาดความยาวของหนวด 3-5 เมตร สูง 8-10 เซนติเมตร ถือเป็นเเมงกะพรุนกล่องชนิดที่อันตรายที่สุดชนิดหนึ่งของโลก

ทั้งนี้ จากการสำรวจของสถาบันวิจัยเเละพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลเเละป่าชายเลน พบว่า เเมงกะพรุนมีพิษในประเทศไทยมีทั้งหมด 10 ชนิด แบ่งเป็นเเมงกะพรุนกล่อง 7 ชนิด เเละแมงกะพรุนไฟ 3 ชนิด

1.เเมงกะพรุนกล่อง sp.A สปีชีส์เอ ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Chironex (ไคโรเน็กซ์) พบในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอันดามัน

2.เเมงกะพรุนกล่อง sp.B สปีชีส์บี ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Chironex เช่นเดียวกัน พบในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอ่าวไทย

3. คาริบเดีย ซีวิคคิซี่ (Carybdeo sivickisi) พบในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอ่าวไทย ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า "อิรูคันจิ" โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการผิดปกติประมาณ 5-40 นาทีหลังได้รับพิษ ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออก ปวดศีรษะ ชีพจรเต้นเร็ว ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

4.ไตรพีดาเลีย ชีสโตฟอรา (Tripdalia cystophora) พบในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอันดามัน

5.มอร์บาคก้า เฟนเนอร์ไร (Morbakka fenneri) พบในทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน

6.ไครอบซอยเดส บูเทนดิจกิ (Chiropsoides buitendijki) พบในทะเลฝั่งอันดามันและบางในบางพื้นที่ของทะเลฝั่งอ่าวไทย

7.ไครอบเซลลา (Chiropsella) พบในทะเลฝั่งอันดามัน ยังไม่สามารถระบุชนิดได้ และยังไม่พบรายงานความเป็นพิษที่รุนแรงในสกุลนี้


"แมงกะพรุนกล่องมีหลายชนิด รูปร่างคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมใส มีสีน้ำเงินจางๆ หรือไม่มีสี จึงสังเกตได้ยากเมื่ออยู่น้ำทะเล มีขนาดแตกต่างกัน อาจกว้างได้ถึง 20 เซนติเมตร แต่ละมุมจะมีคล้ายขายื่นออกมาแล้วแยกออกเป็นสายหนวด โดยแต่ละขาอาจมีหนวดยาวตั้งแต่ 1-15 เส้น แต่ละเส้นยาวได้ถึง 3 เมตร โดยจะมีเข็มพิษอยู่ในถุงพิษที่กระจายอยู่ทุกส่วนของแมงกะพรุนกล่อง โดยเฉพาะที่หนวด ผู้ที่ถูกแมงกะพรุนชนิดนี้ จะเจ็บปวดบริเวณที่ถูกสัมผัสอย่างรุนแรงทันทีทันใด เกิดรอยไหม้ที่ผิวหนัง หากได้รับพิษจำนวนมาก จะมีอาการสับสน หมดความรู้สึก โคม่า และเสียชีวิตซึ่งมักเกิดภายใน 10 นาที เนื่องจากพิษมีผลต่อหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 นาที มีพิษต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต และหยุดหายใจ และมีพิษต่อผิวหนัง” นพ.โสภณ กล่าว

ขณะที่ วรรณเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษประจำกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บอกว่าสามารถพบเห็นแมงกะพรุนพิษได้ในชายฝั่งทะเลแทบทุกแห่ง ตั้งเเต่บริเวณน้ำตื้นจนถึงทะเลลึก โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นเเนวปะทะของลมมรสุม ซึ่งพัดพาเหล่าเเมงกะพรุนเข้าหาฝั่ง เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ลอยตามกระเเสน้ำ บางชนิดสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง ส่วนเหตุผลที่พบการเเพร่กระจายบ่อยในช่วงฤดูฝนนั้นเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ น้ำฝนจะชะล้างอาหารธาตุต่างๆ เเละเหล่าสัตว์ขนาดเล็กลงมาสู่ทะเล จนเกิดกระบวนการสร้างอาหารที่เหมาะสมสำหรับการมีชีวิตอยู่ของเเมงกะพรุนนั่นเอง

การเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวจากแมงกะพรุนพิษครั้งนี้ ตอกย้ำให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องดำเนินการเชิงรุกมากกว่าตั้งรับแค่อย่างเดียวดังเช่นที่ผ่านมา

ประชาชนที่สนใจทำความรู้จักกับแมงกะพรุนพิษชนิดต่างๆ และวิธีรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้นจากพิษของแมงกะพรุน สามารถดาวโหลดคู่มือ"เรียนรู้ สู้ภัยแมงกะพรุนพิษ" ได้ฟรีที่นี่ http://dmcr2014.dmcr.go.th/detailLib...y4Ljo7o3Qo7o3Q




.......... จาก โพสต์ทูเดย์ วันที่ 4 สิงหาคม 2558 http://www.posttoday.com/analysis/report/379991
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:30


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger