เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #4  
เก่า 24-07-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


"แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง" ลดความเสี่ยงเพิ่มโอกาส ........... โดย พลเดช ปิ่นประทีป

แนวคิดโครงการสะพานเศรษฐกิจ หรือ"แลนด์บริดจ์ ช่วงชุมพร-ระนอง" เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านความสามารถในการแข่งขันโดยเชื่อมต่อกับEEC ติดตามได้ในเจาะประเด็น โดยพลเดช ปิ่นประทีป
พลเดช ปิ่นประทีป



ในเมื่อผลการศึกษาจากหลายสถาบันชี้ออกมาในแนวเดียวกันว่า แนวคิดและข้อเสนอแผนการขุดคลองไทยมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกและภูมิภาค กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ

รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงได้ผุดแนวคิดโครงการสะพานเศรษฐกิจ หรือแลนด์บริดจ์ ช่วงชุมพร-ระนอง พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรและระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านความสามารถในการแข่งขันโดยเชื่อมต่อกับEEC

จะใช้รูปแบบการหาเอกชนมาร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บูรณาการการขนส่งทางท่อ(น้ำมัน) ทางบก(มอเตอร์เวย์) และทางราง(รถไฟทางคู่) ให้เชื่อมต่อกับ 2 ท่าเรือ 2 สนามบิน อย่างไร้รอยต่อ รวมทั้งทำแผนโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า เชื่อมโยงฐานการผลิตกับประตูส่งต่อสินค้าไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC หรือตะวันออกกลาง ยุโรป


ทางเลือกเส้นทางการขนส่งสินค้า

จากการศึกษารูปแบบและปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของโลก พบว่าการขนส่งสินค้าทางทะเลมีสัดส่วนมากถึง 80% หรือคิดเป็นปริมาณสินค้าเท่ากับ 11.1 พันล้านตัน โดยมีการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกามากถึง 1 ใน 4 ของทั้งโลก ประเภทสินค้าที่มากที่สุดคือการขนส่งสินค้าประเภทน้ำมัน (Tanker)

อย่างไรก็ตามปริมาณการขนส่งสินค้าที่ผ่านช่องแคบมะละกาเพิ่มขึ้นทุกปี จนคาดว่าจะเต็มศักยภาพในไม่ช้า ดังนั้นจึงคาดการณ์เบื้องต้นว่าจะมีปริมาณสินค้าที่แบ่งส่วนเข้ามามากกว่า 20 ล้านทีอียู หรือเทียบเท่ากับท่าเรือฮ่องกง (อันดับที่ 8 ของโลก) การพัฒนาโครงการจึงต้องสามารถดึงดูดให้เรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ และเรือขนส่งสินค้าหันมาใช้เส้นทางแลนด์บริดจ์แทน

ประเด็นสำคัญประการหนึ่ง คือต้องหาตำแหน่งที่ตั้งท่าเรือของฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันที่เหมาะสมที่สุด

โดยการพิจารณาจากเกณฑ์ด้านวิศวกรรม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการลงทุน และด้านสังคม ที่สำคัญแนวเส้นทางเชื่อมต่อทั้ง 2 ท่าเรือต้องมีระยะทางที่สั้นและตรงที่สุด เพราะนอกจากจะประหยัดเวลาในการเดินทางมากที่สุดแล้ว ยังจะส่งผลต่อการลงทุนและผลตอบแทนที่จะดึงดูดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนา


การก่อสร้างตามแนว MR 8

สำหรับตำแหน่งท่าเรือฝั่งอ่าวไทย จ.ชุมพร มีจุดเหมาะสม 2 ตำแหน่ง คือ บริเวณแหลมริ่ว และบริเวณแหลมคอเขา ส่วนท่าเรือฝั่งอันดามัน จ.ระนอง มีจุดเหมาะที่แหลมอ่าวอ่าง มีระบบขนถ่ายสินค้าแบบออโตเมชัน มีเส้นทางรถไฟและมีมอเตอร์เวย์และระบบท่ออยู่ด้านข้าง เชื่อมท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามันกับอ่าวไทยเข้าด้วยกัน ตามแนวทาง MR 8 ระยะทาง 75-90 กิโลเมตร โดยใช้เวลาวิ่งไม่เกิน 2 ชั่วโมง

ในโครงข่ายจะมีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ ขนาด 6-8 ช่องจราจร ขนานกับทางรถไฟจำนวน 4 ทาง คือ ขนาด 1.435 เมตร (Standard gauge) 2 ทาง ขนาด 1 เมตร ( Meter gauge) 2 ทาง และมีถนนบริการขนาด 3 ช่องจราจรต่อทิศทาง เพื่อรองรับปริมาณรถทั้งจากทางหลวงสายหลักและถนนชนบทที่จะเข้าสู่ท่าเรือ

ด้วยประสบการณ์และบทเรียนรู้จากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นำมาปรับปรุงให้มีปัญหาอุปสรรคน้อยที่สุด โดยโมเดลทางธุรกิจของ "แลนด์บริดจ์ " จะรวมการลงทุนระบบโลจิสติกส์ทั้งหมดเป็นโครงการเดียวกัน ทั้งท่าเรือ มอเตอร์เวย์รถไฟ ระบบขนส่งทางท่อ ซึ่งจะเกิดความคุ้มค่าในการลงทุนและจูงใจในการร่วมประมูลมากขึ้น เปรียบเทียบเม็ดเงินลงทุนรวมของโครงการแลนด์บริดจ์น้อยกว่าโครงการรถไฟไทย-จีน แต่ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) ที่จะเกิดขึ้นกลับมากกว่า

ในการประเมินต้นทุนค่าก่อสร้างในส่วนของท่าเรือฝั่งชุมพรและฝั่งระนอง และเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือ "รถไฟ/มอเตอร์เวย์/ท่อ" คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 2-4 แสนล้านบาท ขึ้นอยู่กับจะเลือกแนวเส้นทางใด


เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ

การพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์จะเกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจทางตรงและทางอ้อมเป็นมูลค่ามหาศาล อีกทั้งจะสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำ และสามารถเชื่อมต่อการขนส่งในภูมิภาคอาเซียน เอเชีย และยุโรปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพราะไม่ต้องอ้อมไปยังช่องแคบมะละกา

โดยท่าเรือชุมพร ฝั่งอ่าวไทย ทำหน้าที่รองรับสินค้าจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ส่วนฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐฯ ผ่านท่าเรือน้ำลึกระนอง ประตูการค้าฝั่งอันดามัน ส่งต่อไปยังประเทศฝั่งมหาสมุทรอินเดีย กลุ่ม BIMSTEC เช่น เมียนมา อินเดีย เนปาล และบังกลาเทศ หรือประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาความเจริญต้องมาควบคู่กับรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การก่อสร้างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยต้องพิจารณาผลกระทบด้านแหล่งท่องเที่ยว พื้นที่อุทยาน อย่างรอบด้านและมีมาตรการเยียวยาหรือชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนและการเสียโอกาสทำกิน

ส่วนท่าเรือทางฝั่งอันดามันต้องแก้ข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีพื้นที่ป่าสงวน ป่าชายเลน และอุทยานจำนวนมาก ตำแหน่งท่าเรือควรส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลของจังหวัดด้วย


https://www.nationtv.tv/news/scoop/378924323

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:59


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger