เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #5  
เก่า 25-08-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


'ชั้นโอโซน' มีรูรั่วและขยายใหญ่ขึ้น ขั้วโลกร้อนจัดเร็วกว่าที่คิด

โลกจะร้อนไปกันใหญ่แล้ว เมื่อ "ชั้นโอโซน" มีรูรั่วและขยายรัศมีใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งซ้ำเติมปัญหา "ภาวะโลกเดือด" ทำขั้วโลกเหนือ-ใต้ อุณหภูมิพุ่งสูงเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์



Key Points:

- ชั้นโอโซนถือเป็นเกราะกำบังไม่ให้รังสี UV จากดวงอาทิตย์ แผดเผาสิ่งมีชีวิตบนโลกได้โดยตรง เกิดขึ้นได้ทั้งจากธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น

- ปัจจุบันชั้นโอโซนบริเวณขั้วโลกใต้มีรูรั่วที่ขยายตัวใหญ่ขึ้นเร็วกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโลกในหลายปัจจัย

- เมื่อชั้นโอโซนถูกทำลาย ปัญหาที่จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตบนโลกมากที่สุดคือ สภาพอากาศแปรปรวน น้ำแข็งละลาย น้ำทะเลอุณหภูมิสูงขึ้น เป็นต้น


ปัญหา "สภาพอากาศแปรปรวน" และ "ภาวะโลกร้อน" ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการค้นพบว่ารูรั่วของ "ชั้นโอโซน" บริเวณเหนือทวีปแอนตาร์กติกา มีขนาดใหญ่ขึ้นมากผิดปกติ และขยายเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจนำไปสู่ภาวะโลกร้อนบริเวณขั้วโลกใต้ที่รุนแรงมากขึ้น

เบื้องต้นนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า รูรั่วของชั้นโอโซนนี้ เป็นผลพวงจากไอน้ำที่อยู่บริเวณชั้นสตราโตสเฟียร์ของโลก หลังจากการระเบิดของภูเขาไฟ Hunga Tonga?Hunga Ha'apai (ฮังกา ตองกา-ฮังกา ฮาอาปาย) เมืองตองกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการระเบิดตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดบนโลกในรอบกว่าศตวรรษ


ชั้นโอโซนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

"โอโซน" หรือ Ozone ในชั้นบรรยากาศมีหน้าที่กรองรังสียูวี (UV) จากแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก หลังจากกรองเสร็จแล้วจะแตกตัวกลายเป็นแก๊สออกซิเจนและอะตอมออกซิเจน แล้วกลับมาเป็นโอโซนได้อีกครั้ง เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ ส่วนมากพบในบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ (Stratosphere)

นอกจากการกรอง UV แล้ว โอโซนยังทำปฏิกิริยาออกซิเดชัน (การสูญเสียอิเล็กตรอนระหว่างปฏิกิริยาของโมเลกุล อะตอม หรือไอออน) กับสารรอบตัวได้เกือบทุกชนิด ซึ่งเกิดปฏิกิริยาได้รุนแรงและรวดเร็วกว่าคลอรีนมากถึง 3,000 เท่า

โอโซนจึงมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ กำจัดกลิ่นและสารปนเปื้อนได้เป็นอย่างดี โดยโอโซนจะเข้ามาทำปฏิกิริยากับโมเลกุลเป้าหมาย และได้สารที่มีโครงสร้างเล็กลง ส่วนโอโซนที่ถูกเปลี่ยนเป็นออกซิเจนนั้นไม่เป็นอันตราย ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงมีการนำโอโซนไปใช้ในอุตสาหกรรมฆ่าเชื้อโรค เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องกรองน้ำ เป็นต้น โดย "โอโซน" แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

- โอโซนตามธรรมชาติ เกิดจากกระแสไฟฟ้าแรงสูงในอากาศ เช่น ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ หรือปฏิกิริยาของออกซิเจนในอากาศกับแสงอาทิตย์

- โอโซนที่มนุษย์สร้างขึ้น ใช้ UV หรือ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง ให้ออกซิเจนในอากาศเกิดปฏิกิริยากลายเป็นโอโซน

แม้ว่าโอโซนจะมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม แต่กลับถูกทำลายไปอย่างมากด้วยฝีมือของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ โดยตัวการสำคัญก็คือสาร CFCs (Chlorofluorocarbons) ที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นจาก อะตอมคาร์บอน คลอรีน และฟลูออรีน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโรงงานอุตสาหกรรม อุปกรณ์ให้ความเย็นในชีวิตประจำวัน และสเปรย์ฉีดพ่นต่างๆ เมื่อคนเราใช้งานสินค้าเหล่านี้และปล่อยสาร CFCs สู่สิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์รูโหว่ของ "ชั้นโอโซน" บริเวณขั้วโลกขยายกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วดังกล่าว


รูโหว่โอโซนขยาย ส่งผลร้ายต่อสิ่งแวดล้อม

ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางแห่งยุโรป ระบุว่า รูรั่วในชั้นโอโซนที่เริ่มก่อตัวขึ้นเหนือทวีปแอนตาร์กติกามีขนาดใหญ่กว่าปกติ อาจส่งผลให้น้ำในมหาสมุทรขั้วโลกใต้มีอุณหภูมิสูงขึ้น นอกจากนี้ระดับน้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติกาก็อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์

ด้าน ดร.มาร์ติน ยุคเกอร์ อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ กล่าวว่า รูโหว่ดังกล่าวมักเริ่มก่อตัวในช่วงปลายเดือน ก.ย. และขยายใหญ่ถึงจุดสูงสุดในเดือน ต.ค. ก่อนที่จะรูจะหุบปิดลงในเดือน พ.ย. หรือ ธ.ค. แต่จากข้อมูลของ Copernicus Climate Change Service แสดงให้เห็นว่าหลุมหรือรูโหว่ในชั้นโอโซนมีการเติบโตขยายตัวเร็วมาก และคาดว่าจะขยายตัวเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

โดยชั้น "ชั้นโอโซน" ดังกล่าว เป็นพื้นที่ของชั้นบรรยากาศที่เรียกว่า สตราโตสเฟียร์ อยู่เหนือพื้นผิวโลกระหว่าง 15-30 กิโลเมตร มีความเข้มข้นของโอโซนสูงกว่าส่วนอื่นของชั้นบรรยากาศ มีหน้าที่สำคัญในการเป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นสำหรับโลก ด้วยการดูดซับรังสี UV จากดวงอาทิตย์ ที่เป็นอันตรายออกไปได้มาก ป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตบนโลกถูกแผดเผาจนตาย

ก่อนหน้านี้ในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 นักวิทยาศาสตร์เคยค้นพบรูในชั้นโอโซนเหนือขั้วโลกใต้ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก และเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา ก่อนจะพบว่าโอโซนในชั้นดังกล่าวถูกทำลายโดยสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยเฉพาะสารก่อความเย็นและตัวทำละลาย ซึ่งลอยขึ้นไปสู่ชั้นสตราโตสเฟียร์

เบื้องต้นคาดว่าอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้รูโหว่ในชั้นโอโซนขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วก็คือ การระเบิดของภูเขาไฟฮังกา ตองกา-ฮังกา ฮาอาปาย เมื่อปี 2022 ที่แม้ว่าจะเป็นการระเบิดตามธรรมชาติ แต่ถือว่ามีความรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะทำให้เกิดการปะทุใต้น้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกที่ปล่อยพลังงานใกล้เคียงกับ TNT 20 เมกะตันในการระเบิด 5 ครั้ง โดยครั้งใหญ่ที่สุดคือ 15 เมกะตัน ทำให้มีขี้เถ้าและก๊าซพิษหลงเหลืออยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก

จากการระเบิดของภูเขาไฟและปัญหาการปล่อยมลพิษจากฝีมือมนุษย์ ส่งผลให้รูโหว่ของชั้นโอโซนบริเวณขั้วโลกใต้ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วในลักษณะผิดปกติ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อนบริเวณขั้วโลกใต้มากขึ้น รวมถึงทำให้ให้น้ำทะเลบริเวณนั้นเกิดการระเหยเป็นไอน้ำปริมาณมาก (ไอน้ำส่วนเกิน) ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้ "ชั้นโอโซน" เสื่อมโทรมลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และตอนนี้ดูเหมือนว่าชั้นโอโซนถูกทำลายไปมากแล้ว

การเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ผิดของชั้นโอโซนบริเวณแอนตาร์กติกานั้น ถือว่าเป็นข่าวร้ายของสิ่งแวดล้อมโลกเลยก็ว่าได้ เพราะโลกต้องเผชิญความเครียดจากอุณหภูมิที่เพิ่มมากขึ้นเรื่องๆ เนื่องจากสูญเสียเกราะปกป้องผิวโลกจากรังสี UV ไปเรื่อยๆ และยังส่งผลกระทบไปยังทวีปอื่นๆ และทะเลโดยรอบได้รับความร้อนเพิ่มมากขึ้นตามมาอีกด้วย

"เมื่อรังสี UV ที่ไปถึงแอนตาร์กติกาและมหาสมุทรแถบขั้วโลกใต้มากขึ้น หมายความว่า จะมีพลังงานในการละลายน้ำแข็งขั้วโลกมากขึ้น ซึ่งตอนนี้โลกเราเหลือน้ำแข็งที่ขั้วโลกน้อยมาก และมีน้ำในมหาสมุทรมากขึ้น จึงมีความเสี่ยงที่มหาสมุทรทางขั้วโลกใต้จะร้อนขึ้นอีก และส่งผลให้น้ำแข็งละลายมากขึ้น" ดร.มาร์ติน ระบุ

ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่ารูรั่วของชั้นโอโซนจะเริ่มขยายตัวมากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ แต่ก็ยังไม่สายที่ทุกคนจะหันกลับมาช่วยกันดูแลและร่วมมือกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันไม่ให้ชั้นโอโซนและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ บนโลกถูกทำลายไปมากกว่านี้ ก่อนที่จะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก และมนุษย์อาจพ่ายแพ้ให้กับ "ภาวะโลกเดือด" ในที่สุด

อ้างอิงข้อมูล : Copernicus Climate Change Service, IFL science, The Guardian และ สสวท.


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1085040

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:35


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger