เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #3  
เก่า 10-10-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


นักวิทย์พบหลุมโอโซนใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ เทียบเท่ารัสเซีย-จีนรวมกัน



ทำเอาอึ้งไปทั้งโลกทีเดียว นักวิทยาศาสตร์เผย การค้นพบครั้งใหม่ หลุมโอโซนใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ คาดเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟตองกาเมื่อต้นปีที่แล้ว โดยพบรูโหว่ชั้นโอโซนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยพบเจอมา ปรากฏขึ้นเหนือทวีปแอนตาร์กติกา

โอโซน มีความสำคัญมากในการปกป้องมนุษย์จากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่รุนแรงจนอาจทำให้มนุษย์เป็นมะเร็งผิวหนังได้อย่างง่าย แต่เมื่อไม่นานมานี้ เรากลับพบรูโหว่ชั้นโอโซนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยพบเจอมา ปรากฏขึ้นเหนือทวีปแอนตาร์กติกา

European Space Agency (ESA) รายงานว่า พบหลุมโอโซนขนาดใหญ่เหนือทวีปแอนตาร์กติกา ขนาด 26 ล้านตารางกิโลเมตร อยู่สูงเหนือพื้นผิวโลกประมาณ 15-30 กิโลเมตร ใกล้กับพื้นที่อเมริกาเหนือ มีขนาดใหญ่กว่าประเทศบราซิลถึง 3 เท่า หรือเทียบเท่ากับประเทศรัสเซียและจีนรวมกัน ซึ่งเป็นหลุมโอโซนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา

ดาวเทียม Copernicus Sentinel-5P เป็นดาวเทียมที่ติดตามรูโหว่โอโซนดังกล่าว และพบว่ามันเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า สาเหตุของรูโหว่นี้อาจเกิดขึ้นเพราะการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำตองกาเมื่อต้นปีที่แล้ว

แรงระเบิดของภูเขาไฟตองกา Hunga Tonga-Hunga Ha'apai เมื่อเดือนมกราคม 2022 มีความรุนแรงกว่าระเบิดฮิโรชิมามากกว่า 100 ลูก และก่อให้เกิดการปะทุที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมาในประวัติศาสตร์ของโลกเช่นกัน

นักวิทยาศาสตร์มองว่า

การปะทุอาจทำให้ชั้นโอโซนไม่เสถียร เพราะทำให้มีน้ำมากกว่า 50 ล้านตันลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้น้ำในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้น 10% เพราะน้ำจะสลายตัวเป็นไอออนหรือโมเลกุลที่มีประจุ ซึ่งทำปฏิกิริยากับโอโซนในลักษณะคล้ายๆกับสาร CFC แต่อย่างไรก็ตามยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างโอโซนกับการปะทุ

นอกจากนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญอาจมีบทบาทเล็กน้อย ในการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโดยรอบของขั้วโลก แต่ก็ไม่ชัดเจนซะทีเดียวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับโอโซนมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้นักวิทย์ยังเสริมอีกว่า แม้ว่าหลุมโอโซนในปัจจุบันจะมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยพบเจอ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องตื่นตระหนก เพราะพื้นที่ด้านล่างของโอโซนไม่มีคนอาศัยอยู่ และในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับมาเป็นปกติ หากระดับ CFC ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

"โอโซน" ของโลกมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นโมเลกุลออกซิเจนชนิดหนึ่งที่มีอะตอม 3 อะตอม มีความเข้มข้นมากพอในการปิดกั้นรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากดวงอาทิตย์ ที่เป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์

ในปี 1985 นักวิจัยค้นพบรูโหว่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในชั้นโอโซน เหนือบริเวณขั้วโลกเหนือ ซึ่งการที่ชั้นโอโซนเกิดรูโหว่ได้นั้น เกิดจากการใช้สารเคมีของมนุษย์ คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) คือสารเคมีทั่วไปที่ใช้ในกระป๋องสเปรย์ วัสดุบรรจุภัณฑ์ และตู้เย็น มีผลต่อการสลายชั้นโอโซนของโลก จึงนำไปสู่การที่บางประเทศสั่งห้ามใช้สาร CFC ในปี 1989 ทำให้ที่ผ่านมา ชั้นโอโซนของโลกมีการฟื้นตัว

นักวิทย์พบหลุมโอโซนใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ เทียบเท่ารัสเซีย-จีนรวมกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ช่องโหว่ของชั้นโอโซนยังคงก่อตัวขึ้นเสมอเหนือพื้นที่บริเวณขั้วโลกในช่วงฤดูหนาวของแต่ละซีกโลก เรื่อยมาจนกระทั่งได้สร้างสถิติใหญ่ที่สุดในปีนี้


https://www.nationtv.tv/gogreen/378932777

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:53


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger